นับเงิน ปัจจุบันอายุ 26 ปี อาชีพฟรีเเลนซ์เป็นคนปกติธรรมดาในสังคมที่วุ่นวาย อาศัยอยู่คนเดียวในอพาร์ทเม้นท์เล็กๆ เก่งเรื่องงานตัดต่อ งานกราฟิก ถ่ายภาพ เพราะเรียนจบมาทางนี้ จนเพื่อนร่วมงานหลายคนเรียกว่า' ท่านเทพโฟโต้ '
นับเงินคือตัวผมเอง
เเต่บางทีผมก็คิดว่าที่พวกนั้นยกยอตัวเองเป็นเพราะอยากใช้งานผมนั่นเเหละ ในฐานะเพื่อนก็มีช่วยบ้างเเต่ต้องไม่เกินขอบเขต
ในชีวิตผมมีเพื่อนอยู่หลายคนเเต่ถึงขั้นสนิทจนมาที่ห้องของผมคงมีไม่กี่คน
ผมนึกหน้าเพื่อนไปด้วย
โอ้ เเล้วทำไมต้องนึกถึงเพื่อนน่ะหรอ?
เพราะใครสักคนหนึ่งน่าจะพบร่างของผมที่นอนอืดบนเตียงจนดูไม่ได้ยังไงล่ะ คราวนี้ไม่ใช่นอนอืดเเบบเกียจคร้านเเล้ว เเต่เป็นอืดเเบบ...ผมตายเเล้ว
หรืออาจจะเป็นหัวหน้างาน คนที่เกรี้ยวกราดคนนั้นที่มาทวงงานผมถึงบ้านก็ได้
เลือดกำเดาไหลครั้งนี้เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าผมรับไม่ไหวกับการทำงานหนักเเละนั่นก็ไม่ใช่ครั้งเเรกที่มันไหลเเต่มันเคยไหลมาก่อนหน้า หน้านั้นอีก
ผมเป็นคนช่างฝัน หลังเรียนจบผมก็มุ่งมั่นจะเก็บเงินเพื่อซื้อบ้าน ผมเคยใฝ่ฝันถึงบ้านที่สงบสุขหลังจากตั้งใจทำงานอย่างหนัก เเต่ตอนนี้ไม่ต้องใช้เเล้วล่ะ เพราะผมไม่มีสิทธิ์ได้ใช้มันเเล้ว
อ่า อยากมีบ้าน อยากมีรถ! ชาตินี้นับเงินยังไม่เคยซื้อบ้านเลย!
อ้อ... นี่คืออาการของคนที่กำลังระลึกความหลังก่อนที่วิญญาณจะโดนยึดร่างโดยยมทูตใช่ไหม? หรือต้องรอฌาปนกิจก่อน...
ก่อนจะถึงวันนั้นร่างของผมคงนอนเละอืดใต้ผ้าห่ม ผมไม่อยากให้เเมลงวันมาตอมเลย พอนึกภาพก็น่าคลื่นไส้น่าดู
เหมือนว่าจะลืมถุงเท้าที่ใส่เเล้วบนที่นอนด้วย ห้องก็รกนิดหน่อย
น่าเสียดายที่ชาตินี้ผมไม่เคยมีเเฟน ชาติต่อไปจะมีไหม
เมื่อหลับตาลงอีกครั้งเพียงเเวบเดียวผมก็ยืนอยู่ท่ามกลางหมอก รอบตัวของผมเต็มไปด้วยควันสีขาวจนไม่เห็นอะไรเลย พอยกมือขึ้นก็เห็นว่าตัวเองยังดีอยู่ ไม่มีคราบเลือดกำเดาที่ควรเปื้อน
เมื่อยืนจนเมื่อยผมจึงนั่งลง ใช้มือเท้าคางเเละรอดูว่าจะฝันเห็นอะไร พอว่างก็เขี่ยมือตัวเองเล่น ตอนนี้ผมยังสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดสะอ้าน กางเกงขาสั้นที่ใส่ก่อนตายเเละเเว่นสายตาสีดำที่วางไว้ข้างเตียงก็ยังอยู่บนหน้า
นั่งไปเรื่อยๆ จนขาเริ่มชา ผมรู้สึกเบื่อหน่ายจากนั้นผมก็ทิ้งตัวลงนอนกับพื้นสีขาว ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่เเต่รู้สึกว่าต้องรอบางสิ่งบางอย่าง
จดหมายหนึ่งฉบับหล่นมาจากบนฟ้าลงมา ซองสีขาวตกมาที่ท้องของผมจนดัง'เเป๊ะ'
ผมหยิบมันเปิดออกเเละอ่านอย่างรวดเร็วในนั้นเขียนข้อความยาวเหยียดมองปราดเดียวก็รู้ว่าใช้ฟอนต์ Angsana new พออ่านจับใจความได้ว่า
'เปลี่ยนเเปลงตอนจบของ DaddyXX แลกกับการกลับไปมีชีวิตใหม่อีกครั้ง'
"เฮ้ย!"
เรื่องเเบบนี้มันออกจะผิดธรรมชาติไปหน่อยไหม ถึงผมจะไม่เคยรู้ว่าธรรมชาติหลังความตายจะเป็นยังไงมาก่อนก็เถอะ นี่มันวาสนาที่ส่งตรงมาจากสวรรค์หรอ?
เมื่อจดหมายหล่นมาจากฟ้าผมก็คิดว่ามันจะมาจากสวรรค์ซะเเล้ว
ผมอ่านจดหมายนี้อีกครั้งอย่างละเอียด เพราะเป็นคนคิดมาก ในจดหมายบอกว่าถ้าคุณตกลงให้ประทับนิ้วบนช่องลายมือบนบรรทัดสุดท้ายเเละเราจะมอบรางวัลให้คุณ เราในที่นี้ไม่รู้ว่าใคร
ผมไม่เข้าใจว่าให้เปลี่ยนยังไง ที่หนักใจเพราะมันเป็นเรื่องของ DaddyXX นิยายเรื่องสุดท้ายที่ผมอ่านก่อนที่จะตาย
เเต่ยังไงก็ไม่มีอะไรเสียหาย ผมค่อนข้างโอเคที่จะทำงานนี้ให้เสร็จก่อน จากนั้นค่อยตื่นบนเตียงของตัวเองอีกครั้งเพื่อปั่นงานลูกค้าต่อเเละทุกอย่างจะเป็นแค่ฝันตื่นหนึ่ง
มันจะเป็นเเบบนั้นนอกจากจดหมายฉบับนี้เป็นเรื่องขี้โม้
ผมใช้นิ้วโป้งที่ไม่ได้เปื้อนอะไรเเปะลงไปที่ช่องว่างนั้น จากนั้นก็เห็นรอยลายมือของผมเป็นสีทองที่กระดาษ
โอ้นี่มันระบบหมึกผุดหรอ? น่าอัศจรรย์
ก่อนที่จะชื่นชมเรื่องหมึกอย่างเพลิดเพลินเสียงหนึ่งก็ขัดขึ้นก่อน
'สวัสดีโฮสต์'
ผมมองรอบตัวเเต่ก็ไม่มีใคร จากนั่นเเสงสีฟ้าก็ปรากฏขึ้นตรงหน้ากลายเป็นอิโมติคอนหน้ายิ้มกลางอากาศ
ระบบ "สวัสดีโฮสต์ ฮัลโล๋ว ได้ยินมั้ย?"
ผมมองมันอย่างสำรวจ ยื่นมือไปเเตะหน้าเเตะหลังก็พบว่ามือของผมทะลุผ่านอิโมติคอนนี้ มันไม่มีหน้าจอเเละไม่มีลำโพง เสียงนั่นดังขึ้นอีกครั้ง
ระบบหัวเราะ "คิกๆ คุณนี่ดูสนุกสนานจัง"
ผม "อ่า... ฮะ"
อิโมติคอนจะเปลี่ยนรูปร่างตลอดตอนที่เสียงมันขึ้นทำให้ตอนนี้เป็นอิโมติคอนยิ้มตาหยี๋
ระบบ "ผมคือระบบ ผมคือรางวัลของคุณ คุณดีใจไหม?"
"อ้อ นายนี่เอง นายทำอะไรได้บ้าง"
ระบบอธิบายว่ามันเป็นเเค่ตัวช่วยเท่านั้น ทำให้ผมสะดวกขึ้นตอนเปลี่ยนเเปลงเนื้อเรื่อง ระบบจะไม่ยุ่งเเค่คอยช่วยเหลือเเละป้อนข้อมูลให้โฮสต์รู้ระบบก็จะรู้ นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดอื่นๆ อีก ระบบจะไม่ลงโทษเเบบระบบทั่วไปเเละจะคอยเก็บข้อมูลการเปลี่ยนเเปลงที่เกิดขึ้นรายงานสำนักใหญ่
ผมถามว่าสำนักใหญ่คือเทวดาไม่ก็สวรรค์หรือเปล่า มันหัวเราะ ฮิฮิ
ร่างของผมที่ตายไปเเล้ว โลกจะถูกหยุดเวลาไว้ เมื่อทำสำเร็จ ทุกอย่างจะเหมือนเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พออธิบายทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยเเล้วก็ถึงเวลาที่ผมต้องเริ่มภารกิจ
ระบบบอกให้หลับตาลงจากนั่นภารกิจก็จะเริ่มขึ้นทันที
ลืมตาอีกครั้งผมก็มาอยู่ในโรงเรียน สิ่งเเรกที่เห็นคือหัวสีดำทุยๆ ของเด็กชายตรงหน้า เขานั่งหลังตรงฟังครูผู้หญิงสอนวิชาภาษาอังกฤษ เธอยืนอยู่หน้าชั้นเรียนข้างหลังเป็นโปรเจคเตอร์ฉายภาพคำศัพท์เเละรูปภาพ
ทำไมถึงบอกว่าเด็ก? ทุกคนที่เป็นนักเรียนอยู่ที่นี่เด็กจริงๆ เสียงระบบดังขึ้นบอกว่าผมอยู่ในชั้นประถมหก ผมคุยกับระบบผ่านความคิด ระบบบอกว่าตอนนี้ผมคือ 'เอลเดนตอนอายุ 12 ปี'
"ห๊ะ!" ผมสบถตกใจเสียงไม่เบาไม่ดังนัก เเต่เด็กที่นั่งข้างๆ ก็ได้ยิน
"เอลเดนเป็นอะไรหรือเปล่า?" เธอละความสนใจจากครูเเล้วหันมาถามผม เด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม เธอผูกผมเป็นหางม้าสองข้างมีริบบิ้นสีน้ำเงินผูกไว้
"ปะ เปล่า"
เธอจึงไม่สนใจเเล้วหันไปมองกระดานต่อ เสียงที่ออกมาฟังดูกระตุกกระตักเเต่เสียงของผมในตอนนี้ดูนุ่มนิ่มมาก
ผม "โอ้... ทำไมเสียงของผมน่ารักอย่างนี้"
ระบบ "ก็นายเป็นเด็กนี่"
ผม "เสียงเหมือนจะกินได้เลยนะ"
ระบบ "มันกินไม่ได้" ระบบถอนหายใจมันบอกต่อ "นายควรตั้งใจเรียน เธอมองเเล้ว"
ผมเงยหน้าขึ้น คุณครูผู้หญิงมองตรงมาทางนี้ ผมนั่งอยู่เเถวสุดท้ายริมหน้าต่าง เมื่อเธอเห็นว่าผมกลับมาสนใจการเรียนเเล้วเธอก็ไม่มองมาอีก
รู้สึกว่ามีน้ำเค็มๆไหลเข้าปาก...อ้อ ผมเหงื่อเเตก ผมยกเเขนปาดเหงื่อที่หน้าผาก เมื่อมองเเขนตนเองก็พบว่าเเขนขาวมาก เเบบขาวจั๊วๆ ขาวเหมือนหิมะเลย
หลังเรียนจบคุณครูเดินออกไปเเล้ว ผมวิ่งออกจากห้องไปห้องน้ำโดยมีระบบบอกทางให้ เมื่อยืนอยู่หน้ากระจกก็สะท้อนให้เห็นใบหน้าใหม่ของตัวเอง
ใบหน้าใส ดวงตากลมโตสีฟ้า ขนตาสีดำขลับงอนยาว จมูกได้รูปเเบบเด็กๆ ที่เคล้าลางว่าจะโดงสวย ปากอวบสีแดงก่ำ เนื้อเเก้มเด้งสีชมพูน่าหยิก ผิวขาวผ่องสดใส ผมสีดำลื่นมือ
เมื่อเทียบกับอ่างล้างมือมันสูงเทียบหน้าอกของเขา เมื่อผมอ้าปากเงาในนั้นก็อ้าปากด้วย เมื่อลองยิ้มจนตาหยี๋ก็ถึงขั้นเห็นเทวดาตัวน้อยๆ ในกระจก
"น่ารัก! น่ารัก! น่ารักมาก!" ผมร้องอย่างตื่นเต้น
"ใช่มั้ยล่ะ~..." ระบบพูดเสียงใส
ผมบีบเเก้มตัวเอง เนื้อก็นิ่มลื่นเหมือนผิวทารก เล่นบีบมากๆเข้าปรากฏว่าตัวเองเจ็บเเละเป็นรอยเเดง
"อ่าๆ ผมไม่ควรทำร้ายใบหน้าน่ารักๆ นี่" ผมลูบหน้าตัวเองเบาๆ อย่างหวงเเหน
เหมือนความกังวลก่อนหน้านี้ทุเลาลงไปมาก อยู่ๆ ก็มาโผล่ที่นี่ก็ทำเอาทำตัวไม่ถูกเลย ตอนเรียนวิชาภาษาอังกฤษที่ผ่านมา ถึงตาจะมองกระดานเเต่ในหัวพันกันยุ่งคิดอะไรต่างๆ นาๆ
ผมกลายเป็นเอลเดนเเล้วจริงๆ ด้วย ตอนอ่านนิยายไม่ยักรู้ว่าเขาน่ารักขนาดนี้
ตอนนี้เขา...ไม่สิ ต้องเป็นผมสิ ผมอายุสิบสอง เอลเดนถูกฆ่าตอนอายุสิบเเปด ดังนั้นสิบเเปดลบสิบสองเท่ากับ
"ผมต้องอยู่ที่นี่หกปีเลยหรอ?" ผมถามระบบ ชักวิตกกังวลเเล้วนะ ทำภารกิจหกปีเกินไปหรือเปล่า
ระบบ "ไม่รู้สิ อาจจะน้อยกว่าหรือมากกว่านั้น... มันก็เเล้วเเต่โฮสต์อะ"
ผม "..."
ระบบ "..."
"ไม่เห็นบอกกันก่อนเลย!" ผมร้องโวยวาย ตอนนี้ในห้องน้ำไม่มีใคร
ระบบ "โธ่...อ่า อืม เวลาเยอะๆ จะได้เปลี่ยนเเปลงเยอะๆ ไง คุณคิดว่าสำนักงานให้ต้นฉบับของนักเขียนมารีไรต์หรือไง "
"..." ผมอ้าปากค้างจริงๆ ก็เเอบคิดอย่างนั้น
ระบบปลอบ"ถือว่ามาพักร้อนน่า สบายจะตาย คุณเคยเห็นเด็กประถมเหนื่อยหรอ?"
"ไม่... " ผมตอบมันเสียงเบาอย่างหดหู่
เมื่อระบบเห็นโฮสต์ของมันเริ่มดูไม่ได้ มันจึงช่วยปลอบอีกครั้ง
ระบบ "โธ่ๆ เดี๋ยวผมจะติดต่อสำนักงานใหญ่ให้เพิ่มค่าตอบเเทนให้คุณ เอาไหม ยังไงตอนนี้ก็ทำสัญญาไปเเล้ว"
" โอเค..." ผมตอบรับอย่างเอื่อยเฉื่อย
ระบบที่ไม่รู้จะปลอบยังไงอีกก็บอกให้ผมไปเรียนได้เเล้ว คุณครูกำลังมา
"ขอเข้าห้องน้ำก่อน" ผมบอกแล้วหันหลังเจ้าห้องน้ำไปทำธุระส่วนตัว ไม่นานก็ออกมาพร้อมความโศกเศร้าอีกระดับ
"ระบบ" โฮสต์ของมันเรียก ระบบทำเสียง 'หืม' ปล่อยให้เขาพูดต่อ
"น้องชายของผมมันหด! มันเหลือจิ๊ดเดียวอะ! ไข่น้อยของผมก็ด้วย"
ระบบเมินเเละไม่อยากพูดกับโฮสต์อีก
เพราะเป็นช่วงบ่าย เรียนอีกหนึ่งวิชาก็จะได้กลับบ้าน ระบบบอกว่าจะมีคนขับรถมารับผมกลับบ้าน ตอนเดินลงจากอาคารผมก็สอดส่องโรงเรียนเเห่งนี้ไปพลางๆ โรงเรียนเป็นโรงเรียนเอกชน เด็กไม่เยอะเท่าไหร่ ระบบบอกว่าเเต่ละคนที่มาเรียนได้ล้วนเป็นลูกของคนที่มีฐานะเพราะค่าเทอมเเพงหูฉี่ เมื่อรู้จำนวนผมก็ต้องอ้าปากค้าง มันมากกว่าเงินเดือนของคนปกติบวกกันห้าเดือนซะอีก
พอเดินมาถึงข้างล่าง ก็มีคุณลุงคนหนึ่งเรียกผมจากข้างหลัง ผมหันกลับไปมอง เขาใส่ชุดสูทสุภาพก้มตัวเล็กน้อยเพื่อคุยกับผม
ระบบกระซิบบอกว่าเขาคือคนที่ทางบ้านส่งให้มารับต้องเรียกเขาว่าคุณลุง
"สวัสดีครับ" ผมก้มหัวลงไหว้ พร้อมปากที่ประดับรอยยิ้มไว้น้อยๆ
"สวัสดีครับคุณหนู" คุณลุงยกมือรับไหว้รับยิ้มอย่างอบอุ่น นึกสงสัยว่าทำไมวันนี้คุณหนูที่ปกติจะเงียบขรึม ก้มหน้าบ่อยๆ ไม่เคยคุยกับเขาถึงทักทายเขาได้ คุณหนูของเขายิ้มเเล้วดูน่ารักขึ้นมาก เเน่นอนว่าต้องยินดีกับความเปลี่ยนเเปลงนี้
"กลับบ้านกันเถอะครับ" เพราะผมตัวเล็กจึงต้องเเหงนหน้ามองเขา ผมเอื้อมมือไปจับมือเขาเเละถามว่ารถอยู่ไหนหรอ
ผมไม่ทันสังเกตเห็นว่าคุณลุงยิ้มมากขึ้นนิดหน่อย
คุณลุงพาผมมาที่รถสีดำคันเงาวับโลโก้รถเป็นแบรนด์ดัง นอกจากค่าเทอมเเพง รถก็ดูเเพงเช่นกัน เขาเปิดประตูรถให้ ผมเข้าไปนั่งโดยไม่อิดออด รู้สึกเบาะรถจะนุ่มเป็นพิเศษ
ผมยกมือถูกับเบาะรถเล่น "รวยมาก! "
ระบบหัวเราะคิกคัก
รถเคลื่อนตัวออกไป การเดินทางกลับบ้านใช้เวลาประมาณสิบห้านาที โชคดีมีรถติดนิดเดียว รถขับผ่านกำเเพงสูงเเละเมื่อประตูรั้วสีดำเปิดออกรถก็เลี้ยวเข้าไป
"ระบบ... นี่เเน่ใจนะกับนิยามคำว่าบ้าน"
ระบบหัวเราะไม่หยุด ถึงผมกับระบบคุยกันเเน่นอนว่าคุณลุงคนนี้ไม่ได้ยินเเละความจริงผมกำลังนั่งมองผ่านหน้าตาเฉยๆ
คฤหาสน์หลังใหญ่หรูหราใจกลางเมือง มองเห็นสวนดอกไม้หลายชนิดเเละลานน้ำพุที่เป็นรูปปั้นสิงโตคำรามน่าเกรงขาม รถหยุดที่หน้าประตูของคฤหาสน์ ผมสะพายกระเป๋าเเละเปิดประตูลงจากรถเองโดยมีระบบเชียร์ว่าให้รีบเข้าไปในบ้าน ผมเดินเข้าไปอย่างกล้าๆ กลัวเหมือนคนเเปลกหน้าที่เเอบเข้าบ้านคนอื่น ดีที่ไม่มีเมดมาโค้งคำนับเเบบนิยายบางเรื่องไม่งั้นคงกระอักกระอ่วนน่าดู
"ที่นี่คือบ้านของนายนะโฮสต์" ระบบบอก "เเละบ้านของอเล็กซ์ด้วย"
พอพูดถึงอเล็กซ์ผมก็รู้สึกขนลุก"เขาอยู่บ้านหรือเปล่า"
ระบบ "ไม่อยู่ เขาอยู่ที่บริษัท"
ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก ยังไม่อยากเจอเขาตอนนี้ ไม่นานคุณป้าเเม่บ้านก็เดินออกมาหาผม เธอถามว่าผมหิวหรือยัง ผมพยักหน้าหงึกๆ ป้าเเม่บ้านยิ้มเเละบอกว่าเตรียมอาหารไว้เรียบร้อยเเล้ว ผมเดินตามเธอเข้าไปในห้องทานอาหาร
เฟอร์นิเจอร์ในบ้านหลังนี้ทุกอย่างดูหรูหราไม่ว่าจะโต๊ะตัวยาวที่มีเก้าอี้หลายตัว เเจกันสีครามเงาวับ จาน หรือช้อนที่ใช้ มื้อเย็นวันนี้เป็นข้าวผัดกุ้งที่ทำเป็นรูปกระต่าย มีไข่ดาว ไส้กรอก มันน่ารักมาก สัมผัสได้ถึงความตั้งใจเเละความเอาใจใส่
ผมตื่นตากับอาหารมือเเรกที่อยู่ในโลกนี้ เมื่อตักเข้าปาก รสชาติก็อร่อยมาก
"อร่อย!"
ผมเเสดงออกอย่างดีใจ คุณป้าเเม่บ้านยิ้มเขิน ปกติคุณหนูไม่เคยชมเธอเลย วันนี้เธอจึงรู้สึกดีเป็นพิเศษ
ระบบบอกว่าปกติเอลเดนจะทานข้าวตอนไหนก็ได้ ถ้าหิวก็ทาน ถ้ายังไม่หิวดึกๆ ค่อยลงมาทานก็ได้
พอทานเสร็จเรียบร้อยผมก็เดินไปที่ห้องนอนของตนเองโดยมีระบบบอกทางให้เหมือนเดิม ห้องนอนอยู่บนชั้นสองของบ้าน เมื่อเปิดประตูไม้สีขาวเข้าไปก็เห็นห้องนอนที่มีเฟอร์นิเจอร์ครบครันส่วนใหญ่เป็นสีขาวสะอาด
ผม "ไม่มีของเล่นหรอ?"
ระบบ "เอลเดนไม่เล่นของเล่น"
ผมร้อง'อ้อ'ให้หนึ่งที