“คนอย่างไอ้หอกไม่มีทางพึ่งแกอีกหรอก ฮึ!" มองมือเปื้อนน้ำขาวขุ่นของตัวเอง แล้วดึงทิชชูมาเช็ดทำความสะอาด และนำแก่นกายร้อนกลับเข้าไปอิงแอบอยู่กลางหว่างขาด้วยความทรมาน ติดกระดุมกางเกงรูดซิปกางเกงเรียบร้อย และเช็ดคราบที่เปรอะเปื้อนออกหมดแล้วก็เปิดประตูห้องน้ำออกมาล้างมือ ปากหนากัดแน่นด้วยความอดทน ตอนนี้เขาพร้อมจะกระโจนเข้าหาผู้หญิงทุกคนที่ผ่านเลยก็ว่าได้
พอร้องเพลงจบหญิงสาวก็เดินมาทางหลังเวที
แต่ยังเดินไม่ทันได้ไกลจากหลังเวทีก็มีคนเรียกไว้เสียก่อน สาวเจ้าจึงเดินกลับไปเพื่อพูดคุยก่อนจะไปเปลี่ยนชุดกลับบ้าน
"คุณเหมยทำแบบนี้ไม่ดีเลยนะครับ เดี๋ยวเสี่ยเทิงรู้ พวกเราซวยแน่เลย” ผู้จัดการร้านพูดด้วยน้ำเสียงไม่มั่นคง
“เหมยไม่พูด ทุกคนในคาเฟ่ไม่พูด เสี่ยไม่รู้หรอกค่ะ อย่าคิดมากเลยนะคะ เหมยเบื่อ ๆ เลยอยากร้องเพลงค่ะ อีกอย่างเสี่ยก็ไม่ยอมให้เหมยไปทำงานในสิ่งที่เหมยเรียนมา อะไรจะให้เหมยอยู่แต่บ้าน เหมยเบื่อ เบื่อค่ะผู้จัดการ”
สาวเจ้าพูดออกมาด้วยความอึดอัด เพราะกี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่พูดกับคนเป็นพ่อ แต่ก็เอาแต่เงียบเหมือนเป่าสาก
ผู้จัดการคาเฟ่ได้แต่ขมวดคิ้วมองลูกสาวคนเดียวของเสี่ยเจ้าของคาเฟ่แห่งนี้ด้วยความไม่เข้าใจ ก็เหมยอี้นั้นเป็นลูกสาวคนเดียว เป็นธรรมดาคนเป็นพ่อถึงห่วงหวง ไม่ยอมให้ไปไหนไกลหูไกลตา หล่อนเปรียบเหมือนไข่ในหินเลยก็ว่าได้
“เหมยไม่พูด ทุกคนในคาเฟ่ไม่พูด เสี่ยไม่รู้หรอกค่ะ อย่าคิดมากเลยนะคะ เหมยเบื่อ ๆ เลยอยากร้องเพลงค่ะ อีกอย่างเสี่ยก็ไม่ยอมให้เหมยไปทำงานในสิ่งที่เหมยเรียนมา อะไรจะให้เหมยอยู่แต่บ้าน เหมยเบื่อ เบื่อค่ะผู้จัดการ”
สาวเจ้าพูดออกมาด้วยความอึดอัด เพราะกี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่พูดกับคนเป็นพ่อ แต่ก็เอาแต่เงียบเหมือนเป่าสาก
ผู้จัดการคาเฟ่ได้แต่ขมวดคิ้วมองลูกสาวคนเดียวของเสี่ยเจ้าของคาเฟ่แห่งนี้ด้วยความไม่เข้าใจ ก็เหมยอี้นั้นเป็นลูกสาวคนเดียว เป็นธรรมดาคนเป็นพ่อถึงห่วงหวง ไม่ยอมให้ไปไหนไกลหูไกลตา หล่อนเปรียบเหมือนไข่ในหินเลยก็ว่าได้
“แต่คุณเหมยอย่าทำแบบนี้อีกเลยครับ เพราะถ้าเสี่ยจับได้พวกเราทุกคนจะถูกตักเตือนและหักเงินเดือนได้นะครับ”
“เสี่ยไม่หักหรอกค่ะ เสี่ยตามใจเหมยจะตาย อย่าคิดมากเลยนะคะ นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เหมยแอบร้องเพลงสักหน่อยค่ะ” หล่อนบอก “เหมยขอไปเปลี่ยนชุดกลับบ้านก่อนนะคะผู้จัดการ เรื่องนี้ไม่ต้องห่วงค่ะเชื่อหัวเหมยเถอะค่ะ”
หล่อนยักคิ้วให้ผู้จัดการก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป ผู้จัดการร้านวัยกลางคนได้แต่จ้องมองลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของเสี่ยบันเทิงด้วยความละเหี่ยใจ
เหมยอี้ ขุมทรัพย์
หรือ
เหมย
วัย 23 ปี สาวน้อยผู้รักในเสียงเพลง หล่อนโตมากับเสียงเพลง และโตมากับคาเฟ่ สาวเจ้าเป็นลูกสาวคนเดียวของเสี่ยบันเทิงเจ้าของคาเฟ่ชื่อดังแห่งจังหวัดกระบี่เลยก็ว่าได้ นอกจากคาเฟ่แล้ว ครอบครัวของเธอก็มีกิจการอย่างอื่น นั่นก็คือร้านเพชร สาวเจ้ามาอยู่กับพ่อเพราะแม่นั้นได้เสียตั้งแต่เธอยังเด็ก พ่อบอกว่าแม่จากไปหลังจากคลอดเธอได้ไม่ถึงชั่วโมง พ่อมักพูดเสมอว่าแม่จากไปด้วยความรักและให้เธออยู่เป็นกำลังใจของพ่อ ถึงไม่มีแม่ดูแลแต่พ่อก็เลี้ยงและสอนเธอเป็นคนดีได้
ถึงแม้ว่าจะเอาแต่ใจตัวเองและเยอะมากไปหน่อย แต่หล่อนก็เป็นที่รักของทุกคนในคาเฟ่แห่งนี้ ก็ตั้งแต่เด็ก คาเฟ่แห่งนี้คือสนามเด็กเล่นเธอเลยก็ว่าได้ เหมยอี้มีกันและกันกับพ่อสองคนเท่านั้น แม้ว่าแม่จะจากไปนาน 23 ปีเท่าอายุของเธอ แต่พ่อก็ไม่เคยคิดจะมีใครเข้ามาแทนแม่ ยิ่งเป็นแบบนี้สาวเจ้าก็ยิ่งรักผู้เป็นพ่อ
อีกมุมหนึ่งมีชายร่างใหญ่ยืนหน้าเครียดกรามปูนโปนด้วยความโกรธเกรี้ยวแม่นักร้องสาว เพราะหล่อน หล่อนทำให้เขาเป็นแบบนี้ ต้องทำอะไรน่าอายแบบเมื่อกี้นี้ เมื่อเห็นว่าร่างเล็กเดินหายลับเข้าไปในห้องที่อยู่ด้านหน้า เขาจึงตัดสินใจเดินตามเจ้าหล่นไป พอเดินมาถึงประตูห้องก็สอดส่ายตามองซ้ายมองขวาแล้วแง้มบานประตูออกเล็กน้อยเพื่อสอดส่องว่าข้างในมีใครอยู่ไหม เพราะห้องนี้เป็นห้องแต่งตัวของพวกนักร้องสาว ๆ
ภายในห้องแต่งตัว สาวเจ้าเข้ามาก็ชวนเพื่อนนักร้องรุ่นพี่คุย เหมยอี้นับถือทุกคนเหมือนพี่ แม้ว่าตัวเองจะเป็นลูกสาวเจ้าของคาเฟ่แห่งนี้ แต่หล่อนก็ให้เกียรติและเคารพทุกคนที่อายุเยอะกว่าตน อีกอย่างที่เธอร้องเพลงได้ก็เพราะรุ่นพี่ช่วยสอนช่วยเต้นและสอนให้เธอรักในอาชีพนักร้องและกล้าแสดงออก
“น้องเหมยจะกลับแล้วเหรอคะ” สุปราณีเอ่ยถามเด็กสาวที่อ่อนกว่าตนสามปี
“ค่ะพี่ณี เดี๋ยวเสี่ยดุเอาค่ะ” สาวเจ้ายิ้มให้คนที่เป็นนักร้องประจำคาเฟ่ของตน
“เสี่ยห่วงน้องเหมยหรอกค่ะถึงได้ดุ น้องเหมยจะทำให้พวกเราเดือดร้อนอีกแล้วนะคะ ถ้าเสี่ยเทิงรู้พวกพี่ ๆ ถูกเสี่ยคาดโทษแน่ค่ะ” ณราเอ่ยเสริมบ้าง
“เสี่ยเทิงไม่กล้าทำอะไรหรอกค่ะ ถ้าเสี่ยรู้ เหมยรับหน้าแทนเองค่ะ” สาวเจ้าเอ่ยพลางถอดตุ้มหูออก พร้อมปลดสร้อยคอออกวางไว้หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง
“พี่เชื่อว่าน้องเหมยปกป้องพวกเราในคาเฟ่ได้ค่ะ พี่กับพี่น้ำไปก่อนนะจ๊ะ ยัยแนทร้องเพลงนี้จบก็ถึงคิวพวกพี่สองคนแล้วจ้ะ” พูดถึงวิทวัสสาวประเภทสองคนสวยที่ตอนนี้สวยกว่าผู้หญิงแบบพวกหล่อนอีก ก็เล่นไปยกเครื่องทั้งตัวมาจากเกาหลี ทำไมจะไม่สวยได้เล่า
"คิก ๆ ๆ เหมยก็จะกลับเหมือนกันค่ะขอเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ” พูดจบเหมยอี้ก็เดินไปหยิบชุดของตัวเอง แล้วเดินไปยังห้องเปลี่ยนชุด
ส่วนสองสาวก็ยิ้มขำให้กับสาวเจ้าอย่างเอ็นดู ก่อนจะพากันออกจากห้องไป หากเพียงสังเกตสักนิดจะเห็นใครบางคนยืนหลบอยู่ข้างประตู