แสงแดดส่องจ้าลอดผ่านมู่ลี่ บ่งบอกว่าดวงตะวันเคลื่อนผ่านรุ่งอรุณไปนานแล้ว เสียงผู้คนด้านนอกฟังดูวุ่นวาย โดยเฉพาะเสียงพ่อค้าแม่ค้าที่ต่างเปล่งเสียงแย่งลูกค้ากันราวกับอยู่ในสนามรบ
ทว่าคนเพิ่งตื่นกลับรู้สึกวิงเวียนยิ่งนัก ทั่วทั้งร่างปวดร้าวราวกับเพิ่งวิ่งผ่านสงคราม ครั้นยกมือขึ้นสางผมก็เผลอชะงักเมื่อเห็นรอยแดงจากการถูกกัดเต็มเรียวแขน ก่อนที่สายตาจะเวียนมาหยุดที่ผิวเหนือเนินอกน้อยๆ ของตน จากนั้นเคลื่อนไปมองเจ้าของเรือนผมสีดำยาวที่นอนอยู่ข้างกาย
ดวงตากลมโตสีอ่อนเบิกกว้างเกือบจะกรีดร้องออกมาแล้ว แต่โชคดีที่ตะครุบปากของตัวเองได้ทัน เสียงของนางจึงไม่ได้ปลุกคนข้างกายตื่นขึ้นตามมาด้วย มิเช่นนั้นคงมองหน้ากันไม่ติดเป็นแน่...
นี่นางเสียสติไปแล้วหรืออย่างไร ถึงได้ปล่อยตัวเมามาย ทอดกายให้เขาเพียงเพราะต้องการปลอบใจคนอกหักเท่านั้น! ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นเจ้านายของตัวเองอีกด้วย!
อวี่ถงลอบมองใบหน้าเกลี้ยงเกลางดงามของส้าวเฉียนด้วยสายตาอาวรณ์ หากไม่เป็นเพราะนางหลงรักบุรุษผู้นี้อยู่ก่อนแล้ว คงไม่มีวันทอดกายให้ชื่นชมได้ง่ายดายถึงเพียงนี้
“อวี่ถง... คืนนี้เจ้าอยู่เป็นเพื่อนข้าได้หรือไม่”
ทั้งถ้อยคำเว้าวอน ทั้งสายตาอ้อยอิ่ง ทั้งใบหน้างดงามอันเต็มไปด้วยความเจ็บปวดนั้น ทำให้นางมิกล้าปฏิเสธ ยอมร่ำสุราย้อมใจตามคำร้องขอนั้น กระทั่งเมามายไร้สติมิอาจต้านทาน เพียงแค่ได้โอบกอด มอบจุมพิตปลอบประโลม แม้ครั้งแรกจะเจ็บปวดแทบขาดใจ แต่ก็สุขสมจนรู้สึกว่าครั้งเดียวไม่เพียงพอ
หากแต่ความลับที่นางอุตส่าห์ปกปิดมานานถึงสองปี กลับเป็นนางที่เปิดเผยมันเสียเอง
“หากหนีตอนนี้...” เสียงหวานพึมพำกับตัวเอง
“เจ้าจะหนีไปที่ใด”
อวี่ถงสะดุ้งตัวโยนเมื่ออยู่ๆ ก็มีเสียงตอบกลับมา ครั้นหันไปมองต้นเสียง เส้นขนทุกเส้นก็ลุกชันขึ้นมาทันที
“อึก! คุณชาย!” นางพยายามขยับตัวหนี ทว่าความปวดร้าวกลับแล่นไปทั้งกระดูกสันหลัง ทำให้นางไม่สามารถหนีไปที่ใดได้ ได้แต่มองเจ้าของบ้านด้วยสายตาเว้าวอน
ส้าวเฉียนกระตุกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย ทว่าในใจกลับเอ็นดูไม่น้อย
“อวี่ถง ข้านึกว่านึกเป็นบุรุษมาตลอด คิดไม่ถึงว่าจะเป็นสตรี” ส้าวเฉียนกล่าวพลางมองดวงหน้าหวานด้วยความประหลาดใจ เคยคิดว่าเจ้าเด็กคนนี้ยิ่งโตยิ่งงดงาม แต่ไม่คิดมาก่อนว่านางจะเป็นสตรี ทั้งที่ใช้ชีวิตร่วมกันมานานถึงสองปี แต่นางไม่เคยทำให้ระแคะระคายเลยแม้แต่น้อย
นั่นเป็นเพราะก่อนหน้านี้ตนมัวแต่ให้ความสนใจแก่คุณหนูชิงเยี่ยนมากเกินไป แต่เมื่อคิดได้ก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นช่างไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลย เพียงเพราะเสียใจที่ถูกชิงเยี่ยนปฏิเสธรัก ตนกลับใช้อวี่ถงมาบรรเทาความเจ็บปวดในใจ จนทำให้นางต้องบอบช้ำเช่นนี้
อวี่ถงก้มหน้านิ่งด้วยความรู้สึกผิดที่ปิดบังตัวตนมานาน แต่สตรีมักมิได้รับการยอมรับให้ทำงานเฉกเช่นบุรุษ จึงต้องปลอมเป็นชายเพื่อความอยู่รอด
“ขะ ขออภัยเจ้าค่ะ… คุณชาย” เมื่อคิดว่าเป็นความผิดของตัวเองน้ำตาก็ไหลออกมา
ส้าวเฉียนรีบลุกขึ้นด้วยความตระหนก ใช้เรียวนิ้วปาดหยดน้ำใสออกจากแก้มใส
“ถงเอ๋อร์ มิใช่ความผิดของเจ้าเลยสักนิด เป็นข้าต่างหากที่บังคับเจ้า ข้าต่างหากที่ทำผิดไปแล้ว”
อวี่ถงช้อนสายตามองคนปลอบด้วยความละอายใจ
ความจริงส้าวเฉียนมิได้บังคับนาง แต่นางสมยอมต่างหาก เพราะความรักแปรเปลี่ยนเป็นความโลภ จึงฉวยโอกาสในช่วงที่ส้าวเฉียนอ่อนแอที่สุด ปลอบประโลมเขาอย่างที่เขาก็มิอาจฝืนต้านได้ แม้จะรู้ตัวว่าหลังจากนี้อาจจะทำให้มิกล้าสู้หน้าก็ตาม ดังนั้นนางจึงคิดจะหนี หากแต่ส้าวเฉียนกลับเปลี่ยนไปจนนางนึกระแวง
“คุณชาย…” เสียงหวานรำพึงออกมาเบาๆ
ทว่าส้าวเฉียนกลับลูบหัวของอวี่ถงแผ่วเบา พร้อมมองด้วยสายตาเอ็นดู
แม้ยังไม่ได้รัก แต่สุภาพบุรุษมิอาจเลี่ยงความรับผิดชอบได้ หลังจากนี้คงต้องแต่งนางเป็นภรรยา
ส้าวเฉียนลุกขึ้นสวมอาภรณ์อย่างลวกๆ แล้วลุกขึ้นจากเตียง ก่อนโน้มตัวลงจุมพิตหน้าผากเหนือคิ้วของคนตัวเล็กเบาๆ
“ข้าจะสั่งให้บ่าวเตรียมน้ำร้อนให้เจ้า”
“ข้าจะไปเตรียมเองเจ้าค่ะ!” อวี่ถงรีบลุกลงจากเตียงเพื่อห้าม หากแต่ทันทีที่เท้าแตะพื้น กลับทรุดลงอย่างไร้เรี่ยแรง
ดวงหน้าหวานก้มลงด้วยความอับอาย ไม่คิดว่าเหตุการณ์เมื่อคืนจะส่งผลถึงเพียงนี้
ส้าวเฉียนเดินเข้าไปอุ้มร่างอรชรขึ้นแล้ววางไว้บนเตียงเช่นเดิมแล้วดุเสียงเข้ม
“หากเจ้ายังดื้อดึง ข้าจะเป็นคนเช็ดตัวให้เจ้าเอง เช่นนี้ดีหรือไม่”
อวี่ถงส่ายหน้ารัว
“ไม่ๆๆ ไม่ดีเจ้าค่ะ ขะ ข้าจะทำตามคำสั่งท่านเจ้าค่ะ”
ส้าวเฉียนยิ้มอย่างพึงพอใจ
“เด็กดี วันนี้เจ้าพักเถิด เหนื่อยมาทั้งคืนแล้ว”
คำเย้าแหย่ของส้าวเถียงยิ่งทำให้อวี่ถงหน้าแดงมากกว่าเดิม นางมิอาจสู้หน้าส้าวเฉียนได้จึงมุดตัวซุกในผ้าห่มแทน
ส้าวเฉียนหัวเราะเบาๆ ลูบผ้าห่มอย่างนุ่มนวลสองสามทีแล้วค่อยลุกเดินออกไป