“ทำไมเพิ่งจะมาอยากได้สิ่งเหล่านั้นตอนนี้ล่ะ เมื่อก่อนไม่เห็นคุณต้องการอะไรเลยนอกจากอยากดูแลรัญตา” ถามเขาเสียงเครือ รู้สึกขมคอจนอยากจะร้องไห้ เขากำลังบีบเธออยู่ บีบด้วยเหตุผลที่เธอเข้าใจดีเหลือเกิน
“เพราะคุณไง” เขาตอบหนักแน่น
พิชฎาจ้องหน้าเขา ชาไปทั้งร่าง ความเงียบงันดังกระหึ่มขึ้นราวกลองชุดใหญ่ที่ถูกกระหน่ำตีในลิฟต์แคบๆ
แมคโลริคถอนหายใจแรงๆ ก่อนจะลุกจากเก้าอี้แล้วเดินเข้าห้อง เขาปวดศีรษะและอยากนอนพักสักงีบ
“ไม่จริง คุณกำลังหลอกล่อให้ฉันพูดความจริงกับรัญตา ฉันไม่ได้มีความสำคัญกับคุณมากถึงขนาดนั้นหรอก” เธอยังปฏิเสธ ไม่มีทางหลงเชื่อคำพูดของเขา
“ก็แล้วแต่คุณจะคิด ขอบคุณสำหรับมื้อเช้านะคุณนักเขียน ถ้าคุณไม่ได้มาเยี่ยมไข้ผมก็กลับไปเถอะ ผมจะนอน” เขาไล่หล่อนพลางเปิดประตูห้องนอน
“เดี๋ยวสิ ฉันยังคุยกับคุณไม่รู้เรื่องนะ อย่างน้อยคุณก็น่าจะใช้วิธีอื่นบอกรัญตา ไม่ใช่ทำเป็นเงียบหายแบบนี้ หลานฉันเสียใจจนไม่ยอมกินข้าวปลานะคุณ เธอเสียใจมาก เธอคิดว่าคุณกำลังมีผู้หญิงคนอื่น” บอกเขาในเรื่องที่เคยบอกไปแล้ว ลุกจากเก้าอี้ตรงไปหาชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องนอน
เขาหันกลับมาด้วยใบหน้าเพลียสุดชีวิต ก่อนจะกล่าวบางอย่างที่ทำให้พิชฎาอึ้งอีกรอบ
“ไม่ว่าใช้วิธีไหนมันก็เสียใจเหมือนๆ กัน และไม่ว่าจะใช้วิธีไหน ผมเองก็เสียใจไม่แพ้รัญตา”
“...................” พิชฎาพูดไม่ออก เขาพูดถูกทุกคำ ไม่ว่าใช้วิธีไหนก็หลีกเลี่ยงความเสียใจไม่พ้น เธอและเขาหลอกรัญตามานานเหลือเกิน นานจนความสุขแทรกซึมอยู่ในหัวใจของรัญตา นานจนหลานรักคงไม่สามารถหลีกหนีความทุกข์ได้เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความจริง
“คุณคิดจะทำยังไงต่อไป รอให้รัญตารับปริญญาก่อนไม่ได้เหรอ แล้วฉันจะบอกรัญตาเอง” เธอต่อรอง
“ผมถึงได้เริ่มตั้งแต่วันนี้ไง ให้รัญตารู้สึกไม่ดีต่อผมตั้งแต่วันนี้ก็ดีแล้ว พอถึงวันที่คุณบอกความจริง หลานจะได้ไม่เจ็บปวดมากเกินไป”
เขาเอ่ยแล้วค้ำมือข้างหนึ่งกับกรอบประตู เตียงนอนรออยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าว แต่เขาไม่สามารถไปถึงมัน ตราบใดที่พิชฎายังถามคำถามไม่จบไม่สิ้น
“คุณไหวไหม เข้าไปนอนพักก่อนเถอะ” เธอช่วยประคองเขา แม้จะบอกตัวเองว่าเกลียดผู้ชายคนนี้ แต่พอเห็นเขาเจ็บไข้ไม่สบายก็อดสงสารไม่ได้
พิชฎาพยุงคนป่วยไปนอนบนเตียง พวงแก้มขึ้นสีแดงระเรื่อเมื่อจำได้ถึงค่ำคืนอันหวามหวานบนเตียงนี้ แม้ยังไม่ถึงขั้นร่วมรักกัน แต่มันก็น่าละอายเหลือเกิน เธอรีบถอยห่างเมื่อเขานอนบนเตียงเรียบร้อย ตั้งท่าจะออกนอกประตู
“อย่าเพิ่งไปสิ ผมมีของจะให้คุณนะ”
เขารีบท้วง ลุกมานั่งกึ่งนอน พิงแผ่นหลังกับหมอนสองใบที่หยิบมาซ้อนกัน
“ฉันไม่เอา” เอ่ยปฏิเสธทันที แค่นี้ก็รู้สึกว่าตัวเองเข้าใกล้การเป็นลูกหนี้นางบำเรอมากพอแล้ว เขายังจะซ้ำเติมด้วยการซื้อหาของขวัญอะไรมาให้กันอีก
“แต่ผมอยากให้ ช่วยรับไว้ได้ไหม”
เขาร้องขอ ดึงลิ้นชักข้างเตียงออกเพื่อหยิบของในนั้นขึ้นมา
“ถ้าฉันยังปฏิเสธ คุณจะใช้อำนาจเจ้าหนี้บีบให้ฉันต้องรับมันใช่ไหม”
“แน่นอน” เขาไม่ได้ประชดแต่ตอบตามสิ่งที่เห็นว่าหล่อนคิดถูกแล้ว
นักเขียนสาวเดินเข้ามาหา นั่งแรงๆ อย่างขุ่นเคืองบนเตียงข้างคนป่วย เขาดึงมือซ้ายเธอไปแล้วสวมบางอย่างมาให้
“ฉันไม่ได้อยากได้มันนะ เอาคืนไปเลย”
เธอยังยืนยัน ใบหน้างามยังขึ้นสีแดงระเรื่อ รู้ดีว่าแหวนวงน้อยมันมีความหมายลึกซึ้งแทนใจ
“ก็แค่แหวนทับทิม ผมให้คุณใส่เล่นๆ อย่าคิดอะไรมากมาย”
คนป่วยชี้แจง ทำเอาคนไม่ป่วยหน้าถอดสี นี่เธอเข้าใจผิดไปมากโขในเรื่องนี้
“นั่นสินะ ฉันจะหวังแหวนแต่งงานจากเจ้าหนี้ของฉันได้ยังไง” เอ่ยออกมาอย่างคนละเมอ เสียงหวานแผ่วลง ใบหน้างามก็ม่อยลงไป
แมคโลริคลอบยิ้มเจ้าเล่ห์ อย่างน้อยเขาก็ได้รู้ว่าพิชฎายังหวังแหวนแต่งงาน หล่อนคงไม่ได้เกลียดเขามากเกินไปนัก
“คุณพูดเหมือนน้อยใจ”
“ฉันเปล่า! จะบ้าเหรอ...ฉันจะไปน้อยจงน้อยใจอะไร เราไม่ใช่คนรักกันซะหน่อย” แก้ต่างเสียงหลง ใบหน้าส่อพิรุธชัดเจน
“ก็ใช่ที่เราไม่ใช่คนรักกัน แล้วทำไม...เราไม่เริ่มรักกันซะตั้งแต่ตอนนี้ล่ะ” ไม่ว่าเปล่าแต่ลุกมาโอบเอาร่างน้อยให้ล้มหงายลงไปบนเตียงพร้อมกัน
“ปล่อยฉันนะ! คุณป่วยอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ไง ผมป่วย คุณก็ต้องเอาใจคนป่วยหน่อยสิ” เขาว่าแล้วซุกใบหน้าเข้าที่ลำคอขาวผ่องของคุณนักเขียน สูดดมเอากลิ่นหอมที่แสนคิดถึงให้ชื่นทรวง
“ฉันไม่ใช่พยาบาล เอาหน้าของคุณออกไปนะ ฉันจักจี้ อ๊ะ! ปล่อยฉันนะคนฉวยโอกาส”
สองร่างที่สัดส่วนแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง กอดรัดกันอยู่บนเตียง ฝ่ายหญิงพยายามดึงตัวออกห่าง แต่ฝ่ายชายกลับยัดเยียดอ้อมกอดมาให้ ลมหายใจร้อนผ่าวของเขารินรดแก้มนวล ยังผลให้มันแดงแล้วแดงอีก สองมือน้อยพยายามทุบแผงอกแกร่ง หวังให้เขาปลดปล่อย แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีทางเป็นไปได้ หญิงสาวเลยเลยตามเลย นอนนิ่งๆ ให้เขากอดอยู่อย่างนั้น เพราะเหนื่อยกับการดิ้นรน
“เหนื่อยแล้วเหรอ หมดฤทธิ์แล้วสิ” เสียงทุ้มเอ่ยถาม ยิ้มน้อยๆ อย่างเอ็นดูคนที่อยู่ในอ้อมแขน
“ฉันไม่ใช่ตุ๊กตานะจะมากอดอะไรนักหนา ปล่อยได้แล้วฉันจะกลับบ้าน” คนถูกกอดออกคำสั่ง