รถยนต์คันหรูจอดเทียบรั้วบ้านที่มีต้นมะม่วงสูงใหญ่ปลูกเป็นแนวบังตา หนุ่มสาวเดินเข้าไปภายในบ้าน แล้วรถญี่ปุ่นป้ายแดงสีขาวสะอาดคันหนึ่งก็ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าบ้านหลังน้อย
“รถใครคะ” สาวน้อยรัญตาถามเสียงตื่นเต้น ความเสียใจเมื่อก่อนหน้านี้เลือนหายชั่วพริบตา ค่อนข้างมั่นใจว่านี่จะเป็นรถยนต์ของตัวเอง
“ไม่รู้เหมือนกัน เข้าไปถามน้าของรัญสิ”
แมคโลริคแนะ คนทั้งคู่จึงได้เดินเข้าบ้าน ด้านล่างนั้นเปิดไฟสว่าง ทว่าชั้นบนกลับมืดสนิท รัญตาใจไม่สู้ดีนักเพราะถ้าเวลาปกติหากพิชฎาอยู่จะเปิดไฟสว่างทั้งบ้าน
“น้าฎาเป็นอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้นะคะ ปกติถ้าอยู่บ้านจะเปิดไฟทิ้งไว้ให้รัญนี่นา” สาวน้อยเปรยออกมาอย่างเป็นกังวลขณะเดินนำแฟนหนุ่มขึ้นชั้นสองของบ้าน
ก๊อกๆ ๆ
“น้าฎาคะเป็นอะไรรึเปล่า ทำไมไม่เปิดไฟละคะ” เคาะประตูถามพลางรอคำตอบจากคนที่อยู่ข้างใน ทว่ากลับได้ยินเพียงความเงียบเท่านั้น
“แน่ใจนะว่าอยู่ข้างใน ทำไมไม่ตอบรับล่ะ”
แมคโลริคตั้งข้อสังเกต รัญตายิ่งกังวล น้าสาวเธออยู่ข้างในแน่ๆ เธอมั่นใจ
ก๊อกๆ ๆ
“น้าฎาคะ อยู่ข้างในหรือเปล่า ช่วยตอบรัญ...”
ประตูเปิดอ้าออกโดยที่รัญตายังเอ่ยไม่จบประโยค พิชฎาเดินโผเผเดินออกมาเปิดประตู หญิงสาวยังอยู่ในชุดเมื่อวานเพราะพิษไข้รุมเร้าจนไม่สามารถลากสังขารไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้
“ยัยรัญ...มา...แล้วเหรอ น้า...”
หวืด!
ร่างอ่อนแรงของพิชฎาร่วงลงผล็อยทันใด แมคโลริคที่ตั้งท่ารออยู่ช่วยรับหล่อนไว้ได้ก่อนที่ศีรษะจะฟาดพื้น
“น้าฎา!”
“รัญรีบไปเอาผ้ากับน้ำมาเช็ดตัวให้น้าเร็วเข้า ตัวร้อนจี๋เลย”
“ค่ะๆ”
รัญตารีบลงไปชั้นล่าง ในขณะที่แมคโลริคอุ้มพิชฎาไปวางบนเตียง อาศัยแสงสว่างจากดวงไฟด้านนอกคลำทางไปจนสำเร็จ เขาสำรวจหาสวิตซ์ไฟ เมื่อพบก็เปิดมันขึ้น เป็นจังหวะเดียวกับที่รัญตากลับขึ้นมาพร้อมกับกะละมังใส่น้ำ
หญิงสาววางกะละมังไว้บนโต๊ะตั้งคอมพิวเตอร์แล้วเดินมาเปิดตู้เสื้อผ้า หาผ้าขนหนูผืนเล็กมาชุบน้ำเพื่อจะเช็ดตัวให้คนเป็นน้า ก่อนลงมือเช็ดที่คอและแขน เป็นอันดับแรก อยากจะเช็ดมากกว่านี้แต่ติดที่แฟนหนุ่มนั่งอยู่ด้วย
“ระ...รัญ น้า...หนาว...” พิชฎาลืมตาขึ้นมาบอกบอกหลานสาวเสียงเครือ ใบหน้างามแดงก่ำด้วยพิษไข้
“อาว่าพาไปโรงพยาบาลเถอะ” แมคโลริคแนะนำ พิชฎาตัวร้อนมาก อาการน่าเป็นห่วง รัญตาเห็นด้วยกับแฟนหนุ่ม รีบไปเตรียมเอกสารบางอย่างให้พิชฎา ในขณะที่แมคโลริคอุ้มคนป่วยไปขึ้นรถ
“คุณ...” พิชฎาเรียกคนที่อุ้มตนอยู่ ดวงตายังไม่ลืมเต็มหน่วย ลมหายใจอุ่นร้อนเพราะพิษไข้ที่ส่งมาจากภายใน
“ชู่ว์...อย่าเพิ่งพูดอะไรเลย ผมจะพาคุณไปโรงพยาบาล”
แมคโลริคสั่ง รัญตาปิดบ้านให้เรียบร้อยแล้วตามแฟนหนุ่มมาติดๆ ทั้งสองพาพิชฎาไปถึงโรงพยาบาลในเวลาต่อมา
ภายในห้องพักฟื้นของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง รัญตานั่งเฝ้าน้าสาวอยู่ข้างเตียงผู้ป่วย ผลการรักษาออกมาว่าพิชฎาติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ กอปรกับร่างกายอ่อนแอเพราะไม่ได้รับการพักผ่อนเลยทำให้อาการทรุด รัญตาห่วงน้าสาวจนไม่ยอมกลับไปรอที่บ้านตามคำแนะนำของแมคโลริค
“อาว่ารัญน่าจะกลับไปพักผ่อนที่บ้าน ส่วนทางนี้อาจะให้พยาบาลมาเฝ้าไข้ให้เอง” แมคโลริคเสนอ
รัญตาส่ายหน้าดิก จดจ้องอยู่แต่กับวงหน้าของคนเป็นน้า ดวงตากลมวาววับเลื่อนต่ำลงไปที่ลำคอ และมันทำให้ร่องรอยบางอย่างปรากฏชัดเจนแก่สายตา
“รัญคงหลับไม่ลงถ้าน้าฎายังอยู่ที่โรงพยาบาล พักนี้น้าฎาแปลกไปนะคะ ยิ่งรอยพวกนั้นยิ่งทำให้รัญไม่สบายใจ น้าฎาไม่มีแฟน แต่ทำไมถึงได้มีรอยแบบนั้น” เอ่ยอย่างเป็นกังวล
แมคโลริคแอบกลืนน้ำลายลงคออย่างประหม่า จริงอยู่ที่เขากับพิชฎายังไม่ได้เป็นของกันและกันโดยสมบูรณ์ ทว่าเขากับหล่อนก็รู้จักกันและกันมาครึ่งทางแล้ว โดยเฉพาะร่างกายหล่อนที่เขาได้เรียนรู้ทุกสัดส่วน
“น้าของรัญไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ เธออาจมีเพื่อนชายหรือคนรักโดยที่รัญไม่รู้”
รัญตาส่ายหน้าอีก
“น้าฎาเคยมีแฟนคนหนึ่งค่ะ แต่เลิกกันไปนานมากแล้ว รัญกลัวว่าน้าฎาจะกลับไปคืนดีกับผู้ชายคนนั้น เขาเจ้าชู้มากเลย รัญไม่ชอบ” ระบายความในใจออกมา แต่กลับทำให้แมคโลริคสะดุดลมหายใจ เขาเพิ่งรู้ว่าพิชฎาเคยมีคนรัก แน่นอนว่ามันทำให้เขาไม่พอใจ
“แฟนพิชฎาเหรอ”
“ค่ะ ชื่อธารา เห็นน้าฎาเรียกเขาว่าธาร เป็นนักเขียนเหมือนกันด้วยนะคะ ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะติดต่อกันอยู่ พอรัญเห็นรอยพวกนั้นก็อดกังวลไม่ได้ น้าฎาเคยบอกรัญว่าไม่ให้ทำเรื่องแบบนี้ก่อนแต่งงาน น้าฎาไม่ชอบ และถ้าน้าฎาไม่ชอบก็คงไม่ยอมให้ร่องรอยพวกนั้นเกิดขึ้นกับตัวเอง รัญกลัวว่าน้าฎาจะโดนบังคับ”
สาวน้อยระบายออกมาอย่างหมดเปลือก เพราะในเวลานี้เธอมีเพียงแมคโลริคเป็นที่พึ่ง
“น้าของรัญโตแล้ว ใครคงบังคับไม่ได้ถ้าเธอไม่ยอม เอาไว้พิชฎาฟื้นแล้ว รัญคงได้รู้”
“ถ้าน้าฎายอมบอกนะคะ” สาวน้อยตอบเหมือนประชด
บุรุษหนุ่มถอนหายใจ จ้องไปยังร่างบางที่ยังนอนแบ็บอยู่บนเตียง พิชฎายังหลับสนิทด้วยฤทธิ์ยา เขารู้เชียวละว่าทำไมหล่อนถึงอ่อนเพลีย ก็เขานี่แหละที่แกล้งหล่อนจนไม่ได้หลับได้นอน
“พรุ่งนี้อามีประชุมสำคัญ คงต้องกลับแล้วนะ”
“ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ เดี๋ยวรัญจะเฝ้าน้าฎาเอง”
“พรุ่งนี้ไม่ต้องไปทำงานก็ได้ เดี๋ยวอาบอกคุณพิงค์เอง ถ้าประชุมเสร็จจะรีบมาหารัญนะ”
“ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ เดี๋ยวรัญเดินไปส่ง”
“ไม่ต้องหรอก รัญอยู่เฝ้าน้าของรัญเถอะ ถ้าง่วงก็นอนที่โซฟานี่แล้วกัน” บอกพลางชี้ไปที่โซฟาซึ่งตั้งอยู่ด้านหลัง มันใหญ่มากพอให้รัญตานอนบนนั้นได้
รัญตาพยักหน้าพร้อมกับยิ้มขอบคุณ แมคโลริคจึงได้ถอยออกจากห้องไป เขาเหลือบมองร่างคนป่วยเล็กน้อย ที่ยินยอมให้รัญตาเฝ้าน้าสาวเพราะพรุ่งนี้เขามีแผนบางอย่าง ถ้าประชุมเสร็จเร็วเขาคงได้กลับมาที่นี่ มาเฝ้าพิชฎาแทนรัญตาที่กลับไปนอนพักเอาแรง
เช้าวันรุ่งขึ้น
เปลือกตาบางของพิชฎาเปิดขึ้นอย่างช้าๆ รู้สึกปวดศีรษะราวกับว่าสมองกำลังบวมเป่งพร้อมระเบิด พอเหลียวมองรอบๆ ห้องก็ไม่คุ้นตา
“อือ...น้าฎา...” เสียงอู้อี้ของหลานสาวดังขึ้น รัญตาเงยหน้าที่ฟุบอยู่ข้างเตียงขึ้นมามองน้าสาว ขอบตาล่างทั้งสองมีรอยคล้ำขึ้นมาอย่างชัดเจน เมื่อคืนนี้แม้ว่าพยาบาลเฝ้าไข้ที่แมคโลริคจัดการให้ จะมาเฝ้าไข้ตามปกติ แต่รัญตาก็ยังนั่งเฝ้าน้าสาวอยู่เกือบทั้งคืน
“รัญ...ที่นี่?”
“โรงพยาบาลค่ะ อาแมคกับรัญพาน้าฎามาหาหมอ น้าฎาไม่สบายมากนะคะ รัญ...ตกใจแทบแย่” สาวน้อยเอ่ยเสียงเครือ
พิชฎายกมือขึ้นลูบกระหม่อมหลานสาวอย่างเอ็นดู รัญตากอดร่างน้าสาวไว้แล้วร้องไห้ ชีวิตของเธอมีเพียงน้าฎา ถ้าน้าเป็นอะไรไป เธอคงทำใจให้ยอมรับการสูญเสียไม่ได้
“น้าไม่เป็นไรแล้ว น้าไม่เป็นไร”
พิชฎาปลอบใจหลาน รู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุให้อีกฝ่ายต้องหลั่งน้ำตา
ระหว่างที่น้าหลานกำลังปลอบประโลมกันอยู่ พยาบาลก็เข้ามาเช็กอาการคนป่วย พิชฎายังตัวอุ่นจัดเพราะมีไข้นิดหน่อยแต่ไม่อยากนอนโรงพยาบาลให้สิ้นเปลือง ถ้าอาการทุเลาแล้วก็อยากกลับไปรักษาตัวที่บ้าน
“ฉันจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหนคะคุณพยาบาล”
“คุณหมอแจ้งไว้ว่าถ้าไข้ลดภายในวันนี้ พรุ่งนี้เช้าก็กลับได้ค่ะ”
พยาบาลสาวร่างท้วมบอกพร้อมรอยยิ้ม
“แต่ฉันไม่เป็นอะไรแล้วนะคะ อยากกลับค่ำนี้เลยได้หรือเปล่า”
“ให้ดิฉันแจ้งให้คุณหมอทราบก่อนก็แล้วกันนะคะ ตอนนี้ทานข้าวแล้วทานยาจะได้นอนพัก ถ้าคุณหมออนุญาต ดิฉันจะมาแจ้งค่ะ”
“ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ”
พยาบาลสาวยิ้มรับคำขอบคุณ หล่อนเดินออกจากห้องไป สวนกับพยาบาลอีกนางหนึ่งที่เข็นรถเข็นอาหารเข้ามา
“น้าฎาทานข้าวก่อนนะเดี๋ยวรัญป้อน ทานแล้วจะได้ทานยา” รัญตาชวน สีหน้าดีขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าน้าสาวไม่ได้เป็นอะไรมาก
รัญตาอยู่ปรนนิบัติคนป่วยกระทั่งถึงเก้าโมงกว่าๆ พิชฎาจึงไล่หลานให้กลับไปพักผ่อนที่บ้าน โดยอ้างว่าตัวเองไม่เป็นไรแล้ว ตอนค่ำให้รัญตามาใหม่เพราะตนคงไม่ค้างที่โรงพยาบาลอีกคืนเป็นแน่
เมื่อรัญตากลับบ้านไปแล้ว พิชฎาก็หลับไปอีกครั้งเพราะฤทธิ์ยา หญิงสาวหลับจนถึงเที่ยงเศษๆ และจำต้องลืมตาตื่นเพราะรู้สึกถึงไอร้อนที่แผ่มาจากอุ้งมือ