EP 1/1 มัจจุราชล่ารัก

3549 คำ
สัมผัสรักมัจจุราช แต่งโดย อัญจรี สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 ผู้มีจารีตมิควรหยิบยก คัดลอก แบบหรือดัดแปลงส่วนใดส่วนหนึ่งของหนังสือเล่มนี้ รวมทั้งการถ่ายทอด ถ่ายเอกสาร สแกน ถ่ายภาพ ในรูปแบบหรือวิธีการใดๆ ทั้งปวงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษร บทที่ 1 มัจจุราชล่ารัก ช่อดอกรักริมรั้วเอนไหวไปตามแรงลมของปลายฤดูฝน แม้อากาศโดยรอบค่อนข้างเย็นจัดด้วยละอองน้ำที่คั่งค้างในอากาศ แต่ไม่ได้ทำให้ พิชฎา วัสกร หญิงสาววัยสามสิบต้นๆ รู้สึกเหน็บหนาวแต่อย่างใด นั่นเพราะในหัวใจกำลังรุ่มร้อนดั่งไฟสุมด้วยความห่วงใยที่มีต่อหลานสาวที่รักยิ่ง สามทุ่มสี่สิบสี่นาที นาฬิกาที่โอบรัดข้อมือของพิชฎาบอกเวลาเช่นนั้น หัวใจข้างในอกร้อนยิ่งกว่าแช่อยู่ในกระทะทองแดง ทำไมพวกเขายังไม่พากันกลับมา นี่มันสี่ห้าทุ่มเข้าไปแล้วนะ คิ้วเรียวสวยดั่งคันศรขมวดเข้าหากัน ริมฝีปากสีแดงระเรื่ออวบอิ่มถูกกัดเม้มจนซีดจาง พิชฎาหวังว่าผู้ชายคนนั้นจะไม่ทำอะไรหลานสาวเธออย่างที่ได้รับปากไว้ อย่างน้อยก็จนกว่าแม่หลานสาวคนงามจะเรียนจบบัณฑิตซึ่งความจริงมันก็เป็นวันนี้เสียด้วย เธอหวังลึกๆ ว่าเขาจะยังรักษาสัญญา แสงไฟหน้ารถสาดส่องเข้ามาแทรกความวุ่นวายในสมองของน้าสาวผู้รักหลานยิ่งกว่าสิ่งใด พิชฎารีบปรับสีหน้าให้สดใสขึ้นเมื่อแลเห็นหลานสาวก้าวลงมาจากรถยนต์คันหรู “น้าฎาค้า...” หญิงสาวในชุดนิสิตของสถาบันการศึกษาชื่อดัง โผร่างอรชรเข้าสู่วงแขนของผู้เป็นน้า พวงแก้มอวบอิ่มสมวัยเปล่งปลั่งด้วยมวลความสุขจนพิชฎาอดยิ้มไม่ได้ หลานสาวจะกลับมาพร้อมรอยยิ้มเสมอหากแฟนหนุ่มคนนี้พาออกไปเที่ยวนอกบ้าน ยิ่งวันนี้ดูจะสุขเป็นพิเศษเพราะเป็นวันที่สาวเจ้าสอบเสร็จวันสุดท้าย และดูเหมือนว่าข้อสอบที่หล่อนได้ทำจะเป็นสาเหตุของความสุขที่แท้จริง “วันนี้รัญทำข้อสอบได้หมดทุกข้อเลยค่า น้าฎาตัดชุดสวยๆ รอไปงานรับปริญญารัญเลยนะ วันนี้รัญมีความสุขที่สุดเลย” รัญตา วัสกร สาวน้อยวัยย่างยี่สิบเอ็ดบอกกล่าวผู้เป็นน้า ในขณะที่สองแขนโอบรัดร่างน้าสาวแน่นหนึบ “จ้าๆ ทำได้ก็ดีแล้ว น้าดีใจกับรัญด้วยนะ รัญเก่งอยู่แล้ว น้ารู้จ้ะคนสวย” พิชฎาผลักหลานออกพลางลูบหน้าลูบตาหลานอย่างชื่นชมที่เจ้าหล่อนมีความสามารถถึงเพียงนี้ หลานสาวเธอเรียนเก่งเธอรู้ดี แต่ถ้าไม่ได้ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่เดินตามหลังมาช่วยกวดวิชาให้ในโค้งสุดท้ายของการสอบ เธอคาดว่ารัญตาคงต้องใช้สมองอย่างหนักกว่าจะผ่านการสอบมาได้ “สวัสดีครับคุณพิชฎา” แมคโลริค เดอ กราเซียร์ เอ่ยทักทายเจ้าบ้าน ขณะพาร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อเชิ้ตเนื้อดีสีขาวกับกางเกงขายาวเข้ารูปสีนิลสนิท มาหยุดยืนตรงตำแหน่งที่สาวน้อยของเขากำลังออดอ้อนน้าสาวเจ้าหล่อนอยู่ ดวงตาสีเงินเจิดจ้าเปล่งประกายกลางวงหน้าคมขาวได้รูป จมูกโด่งคมอย่างบุรุษสองสัญชาติตั้งรับกับโหนกแก้มพอดิบพอดี ริมฝีปากหยักสีแดงระเรื่อวางพาดเหนือคางได้อย่างเหมาะเหม็ง ที่สำคัญกว่านั้น เรือนผมสีราตรีกาลดูจะแนบสนิทไปกับแสงสลัวรอบข้าง ราวกับว่าพลิดอกออกช่อมาจากต้นตอแห่งความมืดมิดต้นเดียวกัน พิชฎาเหลือบมองบุรุษตรงหน้าแล้วให้ใจสั่น เธอเป็นเช่นนี้เสมอยามต้องพบหน้าเขา ทุกส่วนบนรูปร่างและรูปหน้าของแมคโลริค เดอ กราเซียร์ ชวนให้คนมองอดคิดเลยเถิดไม่ได้ เขาเป็นบุรุษผู้มากด้วยพลังขับเคลื่อนทางเพศอย่างแท้จริง “ค่ะ สวัสดี” ตอบโดยไม่ได้ยิ้มให้เขาแม้แต่น้อย แมคโลริคยังจ้องมองเธอกลับมาราวกับอยากให้เธอก้มหัวศิโรราบให้ ไม่มีวันเสียหรอกแมคโลริค ต่อให้ต้องเปลือยกายต่อหน้าเขา งานนี้เธอก็จะไม่มีวันยอมแพ้ “ทานข้าวมาหรือยังล่ะ วันนี้น้าทำของโปรดไว้เยอะแยะเลย ตั้งโต๊ะรอตั้งแต่ยังไม่ค่ำด้วยซ้ำ” พิชฎาดึงสายตาตัวเองออกจากวงหน้าหล่อเหลาของแมคโลริคเพื่อหันมาถามหลานสาว นัยน์ตากลมโตคมเข้มเปล่งประกายระยับยามเอื้อนเอ่ยด้วยความดีใจ เธอตั้งใจละจากงานเขียนนิยายสุดที่รักเพื่อทำอาหารรอท่าหลานรักตั้งแต่บ่ายแก่ๆ ทว่าสี่ชั่วโมงที่แล้วหลานสาวกลับโทร. มาบอกว่าแฟนหนุ่มไปรับจากมหาวิทยาลัย และจะพาไปพบพี่ชายและพี่สะใภ้ของเขาที่บ้าน ความจริงเธอรู้อยู่เต็มอกว่าหลานสาวคงรับประทานมื้อค่ำมาแล้ว เธอแค่อยากให้หลานเห็นถึงความตั้งอกตั้งใจในข้อนี้และอย่างน้อยๆ ก็ร่วมวงรับประทานมื้อค่ำเป็นเพื่อน แต่ดูเหมือนว่ารัญตาจะเด็กเกินกว่าจะเข้าใจ “โอย...ไม่ไหวแล้วค่ะ รัญทานมาจากบ้านอาแมคแล้ว น้าฎาทานคนเดียวเถอะค่ะ วันนี้รัญอิ่มอกอิ่มใจและเหนื่อยมาก ทั้งง่วงทั้งเพลีย รัญขอตัวไปอาบน้ำนอนดีกว่าค่ะ ฝันดีนะคะอาแมคขา...” สาวน้อยหันไปบอกแฟนหนุ่ม เธอเรียกแมคโลริคว่า อา ตามที่เขาร้องขอ คิดไปเองว่าอาจเป็นเพราะแฟนหนุ่มละอายใจในเรื่องอายุที่มากกว่าเลยให้เรียกเขาเช่นนั้น และก่อนที่รัญตาจะเข้าบ้านไปจริงๆ แมคโลริคก็เรียกร้องบางอย่างเพื่อยั่วเย้าโทสะของพิชฎา “อย่าเพิ่งไปสิคนสวย เรายังไม่ได้จูบราตรีสวัสดิ์เลยนะ” รัญตายิ้มแฉ่งให้แฟนหนุ่มก่อนจะขยับไปหอมแก้มราตรีสวัสดิ์ตามที่เขาร้องขอ เธอไม่ได้เคอะเขินแต่อย่างใด กลับเห็นเป็นเรื่องสนุกด้วยซ้ำที่ได้เห็นแววเอาแต่ใจของแมคโลริค ช่องว่างระหว่างวัยดูเหมือนจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการคบหากันของทั้งสอง ทั้งๆ ที่รัญตาเพิ่งจะย่างยี่สิบเอ็ด ในขณะที่แมคโลริคอายุมากกว่าเป็นรอบ ตอนนี้แมคโลริคอายุสามสิบห้า มากกว่าน้าสาวของรัญตาสามปี พิชฎาอ้าปากค้าง นัยน์ตาเบิกกว้างอย่างตกใจเพราะไม่คาดคิดว่าหลานสาวจะกล้าหอมแก้มผู้ชายคนนี้ต่อหน้าเธอ ถึงจะเป็นแฟนกันแต่ไม่ได้หมายความว่าจะถูกเนื้อต้องตัวกันได้ตามอำเภอใจนะ ที่สำคัญดูเหมือนว่ารัญตาจะหลงคิดว่าแมคโลริคเป็นแฟนของเจ้าหล่อนจริงๆ ช่างน่าสงสารนัก หลานสาวคนดียังไม่รู้ตัวว่าโดนหลอก! “ยัยรัญ!” พิชฎาร้องปรามหลาน รัญตารีบผละห่างจากแฟนหนุ่ม ก่อนจะหันมายิ้มทะเล้นส่งให้พิชฎาแล้วโผเข้ามากอดพร้อมๆ กับฝังปลายจมูกโด่งคมลงกับแก้มของเจ้าหล่อน “นิดหน่อยนะคะคุณป้าแก่ แค่คิสไนท์แบบนี้เท่านั้นเอง” แล้วรัญตาก็หอมแก้มน้าสาวดังฟอดๆ สองทีติดๆ ก่อนจะวิ่งหายเข้าบ้านโดยสั่งความให้น้าสาวเป็นผู้ส่งแฟนหนุ่มขึ้นรถกลับบ้าน “ยัยรัญนะยัยรัญ คอยดูนะจะหยิกให้เนื้อเขียวเลย” คนเป็นน้าบ่นให้หลานสาวไม่ยอมหยุด สงสัยว่าเธอจะต้องอบรมรัญตายกใหญ่เสียแล้วโดยเฉพาะเรื่องของการเป็นกุลสตรีที่ดี “อะแฮ่ม...หลานสาวคุณบอกให้ส่งผมขึ้นรถไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมยังยืนอยู่ตรงนั้นล่ะคุณ” แมคโลริคออกอุบายให้น้าสาวของแฟนวัยละอ่อนมาติดกับ และดูเหมือนว่าหล่อนจะเดินลงกับดักของเขาจริงๆ เขาก้าวขึ้นนั่งบนรถ Maybach สีเดียวกับนัยน์ตาเจ้าของ พิชฎาเปิดประตูรถขึ้นไปนั่งข้างคนขับ บริเวณที่รถจอดอยู่ห่างจากหน้าบ้านไม่มากก็จริงแต่ต้นมะม่วงที่ปลูกติดรั้วด้านในก็ช่วยกำบังมิให้คนในบ้านแลเห็นสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น แมคโลริคยิ้มกรุ้มกริ่มเมื่อเห็นเรื่องสนุกของตนกำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า เขาชอบพิชฎา แต่ไม่รู้ว่าจะหาทางใกล้ชิดหล่อนได้อย่างไร ตอนนี้ได้แต่ใช้ความชั่วร้ายประหนึ่งมัจจุราชคืบคลานเข้าใกล้หล่อนเงียบๆ ไม่ให้หล่อนได้ทันรู้ตัว “เมื่อไหร่คุณจะเลิกยุ่งกับเราเสียที!” คำถามที่โพล่งขึ้นด้วยอารมณ์อันคุกรุ่นของพิชฎาพาให้อุณหภูมิภายในห้องโดยสารของรถยนต์คันงามร้อนขึ้นมาทันใด แต่แมคโลริคไม่แยแส เขาปัดอารมณ์คุกรุ่นของพิชฎาทิ้ง ก่อนจะส่งยิ้มยียวนให้หล่อนผ่านความมืดสลัวของห้องโดยสารที่มิได้เปิดไฟ “เมื่อตอนที่คุณบอกว่าผมเป็นอะไรกับ หลาน ละมั้งพิชฎา” “ฝันไปเถอะ! อย่าฝันว่ายัยรัญจะได้ใช้นามสกุลจิรายุทธ พวกคุณมันใจสกปรกเกินกว่าจะให้หลานฉันไปเกลือกกลั้ว และฉันขอสั่งว่าอย่าถูกเนื้อต้องตัวยัยรัญอีก ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน แค่ให้คุณไปรับไปส่งแกตั้งแต่เข้าเรียนจนจบมหา’ ลัยมันก็มากพอแล้ว” พิชฎาเอ่ยถึงสิ่งที่ตนปรารถนา จำได้ดีว่าวันที่พี่สาวกับหลานวัยสองขวบหอบกระเป๋าเสื้อผ้ากลับมาบ้านมันเป็นอย่างไร ตอนนั้นเธออายุราวสิบสี่กระมัง เธอเป็นลูกสาวคนสุดท้องของบิดามารดา ตอนนั้นเธอหลงเด็กหญิงตัวน้อยจนแทบจะยึดไว้เป็นของตัวเองเลยก็ว่าได้ บิดาของรัญตานั้นแต่งภรรยาอีกคนให้เป็นเมียออกหน้าออกตาเพราะผู้ใหญ่ของพวกเขาเห็นพ้องต้องกัน พี่สาวเธอเลยต้องหอบลูกหนีกลับมาบ้าน และพอหนึ่งปีให้หลัง พี่สาวที่รักก็ตรอมใจตายเพราะทนรับความเจ็บปวดไม่ไหว และนั่นก็ทำให้เธอเกลียดพวกจิรายุทธจับใจ! “งั้นผมถูกเนื้อต้องตัวคุณได้งั้นสิ” ชายหนุ่มโต้กลับพร้อมขยับไปดึงแขนของพิชฎาเอาไว้ก่อนที่หล่อนจะชิ่งหนี “บ้า! พูดบ้าอะไรฮะ! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!” หญิงสาวสะบัดแขนอย่างแรงแต่ดูเหมือนว่ามือเขาจะรัดแน่นยิ่งกว่าเก่า “ผมปล่อยแน่ แต่ก็ต่อเมื่อคุณรับปากมาก่อนว่าจะบอกความจริงกับหลานเสียที หลานโตมากพอแล้วนะพิชฎา เธอควรรู้ความจริงได้แล้ว” แมคโลริคสั่งพิชฎาราวกับว่าหล่อนคือลูกน้องในสายงานของเขา ดวงตาสีเงินเรืองรองในแสงสลัวจนพิชฎาอดพรั่นพรึงไม่ได้ แต่เขามาบังคับกันอย่างนี้มันก็ยอมไม่ได้เช่นกัน “ไปบอกพี่ชายวายร้ายของคุณโน่น ถ้าเขาหย่ากับคุณนายเดือนดับเมื่อไหร่ค่อยกลับมารับหลานฉันไปเป็นลูกก็แล้วกัน!” “พิชฎา! คุณนี่ร้ายจริงๆ คุณเดือนเขาอยู่ของเขาดีๆ ไปลากเขามาเกี่ยวทำไมมิทราบ” “ไม่เกี่ยวงั้นเหรอ ยัยนี่น่ะนางมารร้ายเลยล่ะ พวกคุณมัวแต่หลงหน้าหวานๆ ของนางมารไงเลยไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของหล่อน น่าสมเพช ระวังสักวันจะหมดตัว สาธุ! ขอให้ล่มจมทั้งตระกูลเถอะ เพี้ยง!” “อย่ามาแช่งตระกูลผมนะ คุณนี่จนแล้วยังเล่นตัวอีก พี่ชายผมอุตส่าห์ให้คนออกตามหาคุณกับหลานจนเจอแต่คุณกลับปฏิเสธทุกครั้งที่เขายื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ใจคอจะเขียนนิยายไปจนแก่ตายหรือไง ให้ยัยรัญกลับไปอยู่กับพ่อของแกที่บ้านนั่นแหละดีแล้ว คุณจะได้มีชีวิตเป็นของตัวเองซะที ลืมไปหรือเปล่าว่าตัวเองอายุเท่าไหร่ ใจคอจะขึ้นคานอยู่อย่างนี้หรือไง” แมคโลริคสั่งสอนคนอวดดี พิชฎาไม่เคยรับความช่วยเหลือจากบ้านของพี่ชายเขาเลยแม้แต่น้อย จนฝ่ายนั้นเอือมระอาต้องไหว้วานให้เขามาช่วย ตอนแรกเขาจะไม่ยอมช่วยหรอกหากไม่ได้เห็นใบหน้าหวานๆ ของนักเขียนคนนี้ “มันเรื่องของฉัน ทุกอย่างพวกคุณเป็นคนตัดสินใจมาตั้งแต่ต้นแล้วนี่ ถ้าอยากได้หลานกลับไปก็ให้พี่ชายคุณหย่ากับเมียซะสิ ง่ายนิดเดียว” พิชฎาประชด ยิ้มเหยียดใส่ใบหน้าขาวของแมคโลริคท่ามกลางแสงสลัวของไฟรายทาง “กรุณาอย่าพูดอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้ได้ไหมพิชฎา พี่ชายกับพี่สะใภ้ผมเขาหย่ากันไม่ได้หรอก” “ถ้าอย่างนั้นก็จบค่ะ หลานจะอยู่กับฉันจนกว่าวันที่แกคิดจะแต่งงาน และพอถึงวันนั้นแกก็จะใช้นามสกุลของสามีของแก ล้มเลิกความคิดเถอะว่าจะได้เชยชมหลานคนนี้ ก็ในเมื่อวันที่พี่สาวฉันหอบลูกหนีมาพวกคุณไม่ได้เดือดร้อน แล้ววันนี้จะมาเดือดร้อนทำไม!” บุรุษผู้ถูกไหว้วานให้มาเจรจา ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ค่อยๆ ตะล่อมพิชฎาให้คล้อยตาม แม้จะรู้ดีว่าหล่อนไม่มีทางตกลง “ความจริงผมก็ไม่ได้อยากจะยุ่งนักหรอกนะ แต่ผมรักพี่ชาย เขาอยากดูแลรัญตา มันทรมานนะพิชฎาที่ได้เห็นคนที่เรารักเป็นทุกข์เพราะความคิดถึงและโหยหา” “หึๆๆ น่าสมเพชจริงๆ” พิชฎาหัวเราะเยาะคนที่ถูกกล่าวถึง ให้พวกเขาขาดใจตายไปสิที่ไม่มีบุตรไว้อุ้มชู สมน้ำหน้านัก มันคงเป็นเวรกรรมที่พวกเขาได้ทำไว้กับพี่สาวของเธอกระมัง รอยยิ้มเยาะหยันของพิชฎาเริ่มเปลี่ยนเป็นบิดเบ้ เมื่อแรงบีบที่ข้อมือก่อเกิดความเจ็บปวด มือซ้ายของแมคโลริคกำลังบีบข้อมือขวาของเธออยู่ เสียงคำรามเบาๆ เล็ดลอดออกมาให้เธอได้ยิน มันน่าสยองทีเดียวเมื่ออยู่ในรถคันนี้ แถมไฟยังไม่เปิด เขาคงไม่คิดจะลงโทษเธอด้วยวิธีที่ไม่เป็นสุภาพบุรุษหรอกนะ “คุณไม่ควรหัวเราะเยาะความรักของคนอื่นนะพิชฎา” น้ำเสียงทุ้มต่ำอย่างต้องการระงับความโกรธดังลอดไรฟันของแมคโลริค “ทำไมละคะคุณแมคโลริค ความรักของพวกคนรวยมันวิเศษมาจากไหนฉันถึงหัวเราะเยาะไม่ได้ ทีความรักของพี่สาวฉันยังถูกเมินใส่ไม่มีชิ้นดี กรรมมันตามสนองพวกคุณแล้วล่ะที่จนป่านนี้ก็ยังไม่มีทายาทไว้สืบสกุล สมน้ำหน้านัก หึๆๆ อุ๊บ...อื้อ...” เสียงหัวเราะของพิชฎาถูกริมฝีปากของแมคโลริคดูดกลืนจนหมดสิ้น เขาระบายโทสะลงกับริมฝีปากของหล่อน ดูดดึงและขบเม้มมันอย่างบ้าคลั่ง ลิ้นร้อนสากหนาเทียวกระหวัดปาดไล้จ้วงชิมอย่างตะกละตะกราม นัยหนึ่งเพื่อสั่งสอนคนปากดีว่าหล่อนควรจะยุติการเยาะเย้ยถากถางเสียที “อื้อ...ปะ..ปล่อย ปล่อยนะ!” หญิงสาวตวาดลั่นในทันทีที่เขาถอนจูบ เสียงหอบหายใจของหนุ่มสาวดังประสานกันให้ห้องโดยสาร มันกระหึ่มขึ้นมาราวจ่อไมโครโฟนที่พ่วงลำโพงไว้สักร้อยตัว “นี่คุณทำบ้าอะไรเนี่ย! เปิดประตูให้ฉันเดี๋ยวนี้นะ! ว้าย! อื้อ...อ่อยอ๊ะ!” ยังไม่ทันที่คำร้องขอจำสัมฤทธิ์ผล แมคโลริคก็ดึงร่างพิชฎาเข้าไปกอดอีกครั้ง เขาปล้ำจูบหล่อนสำเร็จจนได้ ตอนนี้พิชฎาเหมือนถูกรัดด้วยงูเหลือมตัวใหญ่ยักษ์ มันรัดแน่นจนหญิงสาวแทบหายใจไม่ออก ห้องโดยสารที่ไม่ได้กว้างพอจะให้ใช้แข้งขาเตะต่อย มันทำให้เธอจนมุม และในที่สุดเขาก็สูบเอาเรี่ยวแรงตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าของเธอออกไปจากร่างจนหมดสิ้น “โอ...พระเจ้าช่วย พิชฎา จูบนี้ช่างหวานเหลือเกิน...” เสียงกระซิบของแมคโลริคดังสนั่นในโสตประสาทของพิชฎา เขาโน้มกายข้ามมายังเบาะของหล่อน กักกันหล่อนไว้กับเบาะข้างคนขับ ก่อนจะจะซุกไซ้ปลายจมูกลงที่ซอกคออุ่นอย่างบ้าคลั่ง เสียงสูดหายใจดังฟืดฟาดผสมกับเสียงครางกระเส่าไม่หยุดหย่อน นาทีนี้แมคโลริคเหมือนมัจจุราชร้ายที่กระหายราคะไม่มีผิด “แมคโลริค...อย่า....ได้โปรดปล่อยฉัน.......” เมื่อใช้ไม้แข็งไม่ได้ผล พิชฎาก็หันมาใช้ไม้อ่อน เธอวอนขอแม้ว่ามือไม้ของชายหนุ่มจะสอดเข้ามาตามแนวสาบเสื้อแล้วก็ตาม เขากำลังจะไต่ขึ้นมาถึงทรวงอวบอยู่รอมร่อแล้ว “แมค...อย่า! เดี๋ยวรัญตามาเห็น...” คราวนี้ริมฝีปากและฝ่ามือของแมคโลริคหยุดชะงัก เขาผละจากซอกคอหอมกรุ่น ดึงมือออกจากผิวเนื้อของสาวเจ้าอย่างแสนเสียดาย แมคโลริคไม่เคยต้องหักห้ามใจตัวเองมากเท่าครั้งนี้ ความหวานของโพรงปากอุ่นยังติดที่ปลายลิ้นราวกับน้ำผึ้งป่าอันหอมหวาน พิชฎาช่างหาข้ออ้างเอาตัวรอดได้เก่งนัก หญิงสาวรีบกลัดกระดุมเสื้อที่แยกออกจากกัน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันหลุด กระทั่งไอเย็นจากแอร์ในรถสัมผัสผิวเนื้อของตัวเองนั่นแหละ “คุณโกรธผมไหมพิชฎา” เขาถามเสียงอ่อน เอื้อมมือไปเปิดไฟให้ภายในรถสว่างขึ้น แล้วมันก็ทำให้เขาได้เห็นหยดน้ำตาของคนที่เข้มแข็งมาตลอด “ไม่...ฉันไม่ได้โกรธ แต่เกลียด!” กระแทกเสียงใส่เขา เมื่อจัดการกับเสื้อผ้าตัวเองเรียบร้อยก็หันซ้ายหมายจะลงไปจากรถ ทว่าแมคโลริคก็ไม่ปล่อยให้มันเป็นเช่นนั้น เขาคว้าข้อมือขวาของเธอไว้ “คุณก็รู้ว่าผมต้องการอะไร” “ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น ปล่อยมือฉันนะ!” หญิงสาวตวาด ดึงข้อมือให้หลุดจากการเกาะกุมแต่มันก็ไม่สำเร็จ แมคโลริคจ้องมองมาด้วยสายตาที่เธอไม่เคยเห็น มันเหมือนน้อยใจผสมกับโมโห “ต้องให้ผมเผลอข่มขืนคุณก่อนใช่ไหมคุณถึงจะรู้ว่าผมต้องการอะไรจากคุณ” เขาประชด ตั้งแต่ที่เริ่มรู้จักกัน เมื่อลับสายตารัญตาเขามักจะหาเศษหาเลยกับพิชฎาเสมอ หล่อนไม่เคยบอกให้รัญตารู้เพราะกลัวหลานจะเสียใจ เขาได้แต่ภาวนาให้หล่อนทนไม่ไหวบอกรัญตาไปจริงๆ เพราะเขาเหนื่อยเหลือเกินกับบทบาทแฟนที่แสนดีของรัญตา เขารักรัญตาเพราะเจ้าหล่อนเป็นหลานคนหนึ่งเท่านั้น “ก็เอาสิ! ฉันจะแจ้งตำรวจถ้าคุณทำอย่างนั้น แล้วก็อย่าหวังว่าฉันจะเปิดเผยความจริงให้ยัยรัญรู้ พี่ชายคุณไม่มีวันสมหวัง ฉันจะไม่มีวันคืนยัยรัญให้เด็ดขาด ต่อให้วันพรุ่งนี้ฉันต้องเปลือยกายอย่างไร้ศักดิ์ศรีอยู่ใต้ร่างคุณก็ตาม จำไว้ว่าอย่ามาใช้วิธีสกปรกอย่างนี้เพื่อบังคับฉัน เพราะมันไม่มีวันสำเร็จ ลาก่อนนะคะแมคโลริค ขอให้ซาตานมารับเอาวิญญาณของคุณไวๆ ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณ! ปล่อย!” แล้วพิชฎาก็สลัดแมคโลริคออกได้สำเร็จ และแทบจะกระโจนลงจากรถเพื่อไปให้พ้นมัจจุราชหน้าหล่อที่ทำร้ายกันได้ลงคอ ทุกทีเขาอาจแค่แตะเนื้อต้องตัวเล็กๆ น้อยๆ แต่คราวนี้เขาอาจหาญถึงขนาดกล้าจูบกล้ากอดเธอ เห็นทีว่าคงต้องทำอะไรสักอย่างก่อนที่ตัวเองต้องขายร่างให้มัจจุราชไปจริงๆ ภายในรถคันหรู แมคโลริคยังจ้องตามร่างอรชรของพิชฎาไม่วางตา ใบหน้าหล่อเหลาคมขาวมีแววเจ้าเล่ห์อย่างเหลือร้าย เขากำลังปลอบประโลมหัวใจตัวเองว่ามันใกล้เข้ามาแล้ว วันที่จะได้ครอบครองพิชฎา น้าสาวแสนพยศของรัญตา ในเมื่อเจรจากันดีๆ ไม่ได้ก็คงต้องใช้ไม้แข็ง พี่ชายเขาอุตส่าห์ไม่เปิดเผยตัว อยากให้พิชฎาเป็นคนบอกรัญตาเองเรื่องพ่อของหล่อน แต่เห็นได้ชัดแล้วว่ามันเปล่าประโยชน์ แม่นักเขียนจอมพยศนี่หัวแข็งกว่าที่คิด แต่ จูบ ของหล่อนก็หวานกว่าที่คิดเช่นกัน “พิชฎา...ผมชักจะติดใจริมฝีปากนุ่มๆ ของคุณแล้วล่ะ รีบๆ บอกความจริงหลานสาวของเราเข้าเถอะนะ ก่อนที่ผมจะบังคับให้คุณบอกด้วยวิธีของผม รับรองว่าคุณจะลืมมันไม่ลงเลย...” มุมปากของแมคโลริคยกยิ้มอย่างมาดมั่น เขาตั้งใจไว้แล้วว่าจะต้องทำให้สำเร็จ ในไม่ช้านี้พิชฎาจะต้องยอมบอกความจริงแก่รัญตา นอกจากว่าหล่อนจะยอมละทิ้งศักดิ์ศรีเพื่อสนองตอบความขุ่นแค้นของตัวเอง ###คำเตือน นิยายเรื่องนี้มีฉากข่มขืน ไม่ชอบใจ ให้ผ่านก่อนค่ะ (นิยายเขียนนานแล้ว พล็อตตบจูบข่มขืน เมื่อก่อนมันฮิตมาก และเราไม่สามารถปรับบทได้ค่ะ เพราะนิยายเรื่องนี้มีเล่มด้วย เราจะพยายามคงความเหมือนเล่มไว้ให้มากที่สุดค่ะ)
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม