EP. 7 ผู้หญิงมักมากอย่างเธอ
‘มึงอย่าสะดีดสะดิ้งหน่อยเลย ในเมื่อแม่มึงไม่อยู่ มึงก็ต้องทำหน้าที่แทนแม่ของมึงอีขวัญ’ ชายรูปร่างผอม ดวงตาแดงก่ำจากฤทธิ์สุราถอดเสื้อผ้าออก แล้วกระโจนเข้าตะครุบร่างเล็กทันที
กรี๊ด!
เด็กหญิงหวีดร้องสุดเสียง เมื่อถูกบิดาเลี้ยงกุมกอดหอมจูบไซ้ไปทั้งตัว กระชากเสื้อและกางเกงจนขาดวิ่น
‘พ่ออย่าทำขวัญ’ เด็กหญิงยกมือไหว้ด้วยท่าทางหวาดกลัว
เมื่อลูกเลี้ยงดิ้นรนขัดขืนจึงกำหมัดทุบลงที่ท้องเต็มแรง ร่างเล็กร้องไห้ลั่นอย่างเสียขวัญจึงถูกผ้าเช็ดตัวยัดปากเอาไว้ ทำได้เพียงส่งเสียงอู้อี้จนดวงตาเหลือกถลน
ชายร่างผอมจัดการถอดกางเกงของตนออก หมายจะสำเร็จความใคร่กับลูกเลี้ยง ทว่าเด็กหญิงตัวน้อยรวบรวมเรี่ยวแรงคว้าแจกันใส่ดอกบัวบูชาหน้าหิ้งพระเล็กๆ บนหัวนอนฟาดลงบนศีรษะบิดาเลี้ยงเต็มแรง
เพล้ง! แจกันแตกกระจายพร้อมๆ กับเลือดสีแดงชาดรินไหล
‘อีขวัญ มึงกล้าตีกู มึงอย่าอยู่เลย’ ชายร่างผอมชี้หน้าลูกเลี้ยงด้วยความโกรธแค้น
เด็กหญิงหวาดกลัวไม่รู้จะทำเช่นไรจึงคว้าแจกันอีกใบฟาดลงไปที่ศีรษะบิดาเลี้ยงที่กำลังหยัดกายลุกขึ้นยืนเข้าเต็มแรงอีกครั้ง เมื่อบิดาเลี้ยงสลบเหมือด เด็กหญิงจึงรีบสวมเสื้อผ้าที่ขาดรุ่ยแล้ววิ่งหนีออกจากบ้านหลังเล็กเท่ารูหนูในย่านสลัมไปอย่างไม่คิดชีวิต
เอี๊ยด! เสียงล้อรถเบรกสุดแรง พร้อมกับเสียงชนร่างเล็กดังโครม ร่างสูงที่นั่งอยู่เบาะหลังรีบลงจากรถทันที
‘คุณธเนศวรครับ เด็กผู้หญิงที่ไหนไม่ทราบจู่ๆ ก็วิ่งมาตัดหน้ารถ’
‘เด็กที่ไหนก็ช่างเถอะ ตอนนี้รีบพาเด็กไปส่งโรงพยาบาลก่อน’
ธเนศวรตรงเข้าไปอุ้มร่างเล็กไปส่งโรงพยาบาลด้วยตัวเอง เมื่อเด็กหญิงรู้สึกตัวเธอก็เอาแต่ร้องไห้ กว่าจะปลอบโยนจนคลายอาการหวาดกลัวแล้วยอมเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่าเป็นเพราะเหตุใดจึงวิ่งตัดหน้ารถยนต์เช่นนั้นก็เล่นเอาชายวัยห้าสิบปีถึงกับเหนื่อยอ่อน
ครั้นเมื่อชายมั่งมีอย่างธเนศวรได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเด็กหญิงตัวน้อย เขาก็พาเด็กหญิงกลับไปที่สลัมอีกครั้ง และบอกกับแม่ของเด็กว่าเขาจะขออุปการะเลี้ยงดูเด็กหญิงเอง
มารดาของเด็กสาวไม่ยอม ตรงเข้ากอดรัดลูกเอาไว้แน่น เด็กหญิงซาบซึ้งใจกับความรักของมารดาได้ไม่ถึงห้านาที เมื่อธเนศวรโยนเงินให้หนึ่งแสนบาท มารดาก็ยกเธอให้กับชายแปลกหน้าอย่างง่ายดาย
‘ต่อไปนี้หนูชื่อเพียงขวัญ หนูชอบมั้ยหนูขวัญ’
‘ชอบค่ะคุณท่าน’ เด็กหญิงพนมมือไหว้ชายผู้มีพระคุณตรงหน้าอย่างนอบน้อม
เพียงขวัญมีโอกาสได้เหยียบย่างเข้ามาในคฤหาสน์ธรรมธรา ความโอ่อ่าของมันทำให้เด็กหญิงอ้าปากค้างแล้ววิ่งไปรอบๆ คฤหาสน์อย่างตื่นตาตื่นใจ จนมาหยุดที่ห้องรับแขก รูปถ่ายติดฝาผนังขนาดใหญ่ทำให้เด็กหญิงต้องแหงนหน้ามอง รูปชายสูงปราดเปรียวบนหลังม้าทำให้เด็กหญิงนึกทึ่งและชื่นชม
‘ลูกชายฉันเองชื่อธรณ์เทพ เขาอยู่กับแม่เขาที่กระบี่’
เด็กหญิงได้รับฟังเรื่องราวมากมายของธรณ์เทพจากธเนศวร ไม่ว่าเขาชอบอะไร เรียนหนังสือที่ไหน มีแฟนคนแรกเป็นนางแบบ แล้วถูกหักอกจนเมามายตอนอายุยี่สิบเจ็ด ทุกครั้งที่ธเนศวรเล่าเรื่องราวบุตรชายให้เธอฟัง เด็กหญิงจะตั้งอกตั้งใจฟัง และมีความสุขเล็กๆ ราวกับหลงใหลเจ้าชายหนุ่มที่เปรียบเสมือนเจ้าดวงใจเสมอมา
ชีวิตของเด็กหญิงเพียงขวัญเหมือนเกิดใหม่ เมื่อเธอได้มีโอกาสเข้าเรียนโรงเรียนประจำ แม้จะเข้าเรียนช้าแต่เด็กหญิงก็ขยันเรียนและเรียนหนังสือค่อนข้างเก่ง เมื่อจบชั้นมัธยมหกตอนอายุยี่สิบ ธเนศวรก็ขอหญิงสาวแต่งงาน เพียงขวัญตอบรับอย่างไม่เกี่ยงงอน เพราะทั้งชีวิตของหล่อนนั้นมอบให้แด่ผู้มีพระคุณไปหมดแล้ว
“กลับมาแล้วเหรอลูก แล้วหนูขวัญเป็นยังไงบ้าง” ทัดทองปราดเข้ามาหาบุตรชาย หลังจากนั่งรอฟังข่าวอยู่ที่บ้านพักของหล่อนในกรุงเทพฯ
“ก็แค่เรียกร้องความสนใจเท่านั้นเอง” ชายหนุ่มยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ ริมฝีปากหนาเหยียดออกเล็กน้อยฉายชัดว่ารังเกียจผู้หญิงที่มีฐานะเป็นแม่เลี้ยงของเขาจับหัวใจ
“พูดอะไรอย่างนั้นล่ะลูก จากที่แม่ดูหนูขวัญเขาก็เป็นเด็กดี กิริยามารยาทเรียบร้อยน่ารัก”
“เป็นเพราะคุณแม่ยังไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้ดีพอน่ะสิครับ”
“แล้วเรารู้จักเขาดีแล้วหรือ ถึงไปพูดดูถูกเขาแบบนั้น” ทัดทองค้านเมื่อเห็นว่าบุตรชายใช้อารมณ์ตัดสิน แทนที่จะใช้เหตุผลอย่างที่ควร
“ผมแน่ใจว่ามองเห็นความแพศยาในตัวผู้หญิงคนนั้น”
ทัดทองส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ ลองบุตรชายได้อคติกับใคร คงเป็นการยากที่จะโน้มน้าวให้เขาเห็นคล้อยไปกับหล่อน นิสัยเด็ดขาดแข็งกร้าวเช่นนี้จะว่าเป็นผลเสียก็ใช่ แต่เพราะบุตรชายของหล่อนคือนายหัวธรณ์เทพ ลักษณะนิสัยเช่นนี้จึงทำให้คนงานในเหมืองต่างเกรงขามเคารพนบนอบ
“เรื่องนั้นช่างเถอะ แต่แม่จะบอกลูกว่าแม่คงจะอยู่กรุงเทพฯ ต่ออีกสักเดือน ไหนๆ ก็ขึ้นมาแล้ว ว่าจะอยู่พักผ่อนไปพบปะเพื่อนฝูงเก่าๆ บ้าง”
“ตามใจคุณแม่สิครับ แต่ผมคงกลับทันทีหลังจากเสร็จสิ้นงานศพของคุณพ่อ ช่วงนี้งานที่เหมืองยุ่งๆ ผมไม่อยากทิ้งเอาไว้นาน อีกอย่างเดือนนี้ก็ถึงฤดูแทงรังนกแล้ว ถ้าผมไม่กลับไปดูแลคงไม่ได้ ผมไม่อยากไว้ใจใครทั้งนั้น”
ธรณ์เทพถอดชุดสูทออกวางพาดบนพนักโซฟา ดึงเนกไทออกอย่างหงุดหงิด จากนั้นจึงปลดกระดุมแขนเสื้อเชิ้ตแล้วถลกขึ้นมาครึ่งแขน เขาไม่ค่อยชอบชุดสูทสากลเท่าไหร่นัก นึกต่อต้านที่ต้องแต่งกายตามพวกฝรั่งมังค่า ทั้งที่ประเทศของเราเป็นเมืองร้อนชื้นไม่เหมาะกับการสวมใส่สูทแม้แต่น้อย