คนไร้มารยาทข้างๆ รวบเอามือบางที่ทุบประตู ดึงทีเดียวร่างทั้งร่างก็ถลามาหาแทบจะเกยขึ้นไปบนตักกว้าง ดวงตากลมโตตื่นตระหนกหวาดหวั่น สาวน้อยบิดมือออกจากการจับกุมสุดแรง กลัวจนใจเต้นระทึกไปหมด
“มะ...หมายความว่ายังไง”
ปัทมณฑ์มองชายหนุ่มที่สวมเชิ้ตสีดำ พับแขนขึ้นมาจนเกือบถึงข้อศอก ใบหน้าคมสันของเขานิ่งเฉยแต่ความหล่อเหลานั้นไม่ได้ทำให้ความกลัวของเธอลดลง ด้านหน้ามีชายหนุ่มอีกคนยื่นหน้าข้ามเบาะมามองเธอยิ้มๆ ส่วนคนขับเขาเป็นชาวต่างชาติร่างใหญ่
“อย่าทำอะไรหนูเลยนะคะ นี่มันต้องมีเรื่องเข้าใจผิดแน่ๆ จอดรถให้หนูลงเถอะ” เธอวอนเสียงสั่น
“ไม่ผิดหรอกหนูลูกปัด ที่เพื่อนฉันพูดน่ะถูกแล้ว ต่อไปนี้เธอต้องไปกับหมอนั่น” ก้องหล้าพูดกลั้วหัวเราะ “อ้อ ฉันชื่อก้องหล้า คนนี้ไมเคิล ส่วนเพื่อนฉัน นายไรอัน”
“ปะ...ไปไหน หนูจะกลับบ้าน ป่านนี้คุณแม่คงรอแล้ว”
ปัทมณฑ์หน้าตื่นมองหน้าสบตากับตาคมของผู้ชายที่ได้รับการแนะนำว่าชื่อไรอัน ถึงแม้คนที่ชื่อก้องหล้าจะพูดยิ้มๆ ท่าทางขี้เล่น แต่คนพวกนี้ก็คือคนแปลกหน้า เขาจะพาเธอไปไหนกัน
ทำไมลุงอ่ำกับน้ายอดถึงยอมปล่อยให้พวกเขาพาเธอมา...
“ไม่ว่าฉันจะไปไหนเธอก็ต้องไปด้วย ตัวเธอเป็นของฉันนับแต่วินาทีที่ก้าวขึ้นมาบนรถไม่รู้หรอกหรือ” ไรอันบอกเรียบๆ ออกแปลกใจกับอาการกลัวลนลานของอีกฝ่าย หรือว่ายายแม่เลี้ยงนั่นจะหลอกเด็กสาวมาขายจริงๆ
สาวน้อยใจหายวาบ มันจะเป็นไปได้ยังไง นี่มันเรื่องอะไรกันแน่...แล้วแม่เลี้ยงของเธอรู้เรื่องนี้หรือเปล่า
ปัทมณฑ์พิศมองบุคคลทั้งหมดโดยเฉพาะผู้ชายที่บังคับเอาจูบแรกไปจากเธอ ความคิดหนึ่งพุ่งวูบขึ้นมา หรือว่าคนพวกนี้จะเป็นพวก...มาเฟีย
คิดได้แบบนั้น ร่างบางระหงก็ดิ้นรนสุดฤทธิ์ นี่เธอกำลังถูกจับตัวไปเหมือนที่ครูที่มูลนิธิเคยบอกใช่ไหม แล้วจะทำยังไงล่ะทีนี้ พวกเขาจะฆ่าเธอหรือเปล่า ความหวาดกลัว กระวนกระวาย กระหน่ำซัดลงในหัวใจอันบอบบาง น้ำเสียงที่เอ่ยถามแผ่วเบาขลาดเขลา
“พวกคุณเป็นพวกมาเฟียหรือเปล่า...”
ไรอันขมวดคิ้วเล็กน้อยจ้องมองหน้าสวยที่เต็มไปด้วยอาการหวั่นวิตกนิ่งๆ ขณะที่ก้องหล้าปล่อยเสียงหัวเราะลั่นคันรถ ส่วนสารถีไมเคิลยิ้มกว้าง หลังจากเสียงหัวเราะเงียบหายลง ชายหนุ่มผู้แสนจะอารมณ์ดีปั้นหน้าขึงขัง ยื่นใบหน้าข้ามเบาะมาบอกสาวน้อยเบาๆ แต่จริงจังว่า
“ใช่เลยค่ะหนูลูกปัด เพื่อนพี่ก้องคนนี้เขาเป็นเจ้าพ่อมาเฟียขาใหญ่เลยนะ ใครขัดใจพ่อเชือดคอเล่นมานักต่อนักแล้ว ถ้าน้องหนูไม่อยากเจ็บตัวล่ะก็อย่าดิ้น อย่าร้อง และอย่าพยายามหนี เข้าใจไหมจ๊ะ ไม่อย่างนั้นพี่ก้องก็ไม่รับประกันนะว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง”
“เกินไปแล้วไอ้ก้อง”
ไรอันปรามเพื่อนที่พูดเกินความจริงไปมากมาย แต่ร่างนุ่มหอมอ่อนๆ ที่อยู่ใกล้ๆ กลับยิ่งเกร็งสั่นมากขึ้น ใบหน้าสวยหลบตาเขาวูบพร้อมๆ กับน้ำตาหยดแหมะลงบนตัก อาการดิ้นรนทั้งหลายหยุดโดยสิ้นเชิง ความสงสารวิ่งจู่โจมหัวใจแกร่ง เขายอมปล่อยมือ มองสาวน้อยที่ขยับถอยห่างไปนั่งเบียดชิดติดประตูรถ ท่าทางกลัวเขามากมาย มีก็แต่ก้องหล้าที่มองแล้วก็ยิ้มกว้างชอบใจ ทั้งที่เพื่อนรักถลึงตาใส่เขาก็ไม่สน
“ได้ข่าวว่าร่ำรวยใหญ่”
อดีตนายตำรวจนอกราชการทักแม่เลี้ยงสาวสวยเมื่อก้าวเข้ามาในห้องกว้าง แม้วัยจะล่วงเลยสี่สิบเศษจนค่อนปลายใกล้เลขห้าเข้าไปทุกที แต่สุภาวินีก็ยังคงดูสาวและสวยเกินอายุจริง
มือเรียวจับธนบัตรจากกองขึ้นมาโบกไปมาตรงหน้าปึกหนึ่ง ยิ้มกว้างกับความสุขเต็มที่ เธอนั่งอยู่บนเตียงนอนกว้าง ตรงหน้ามีกองธนบัตรอยู่หลายปึกทีเดียว
“ห้าล้าน ฉันนึกว่าฉันยังฝันไม่หาย แต่มันไม่ได้เป็นฝันไปใช่ไหมคะ อะไรมันจะรายได้ดีขนาดนี้ วันนี้ช่างโชคดีจริงๆ คุณว่ามั้ยก่อเกียรติ”
ก่อเกียรติเลิกคิ้วยิ้มบางๆ พาร่างที่เริ่มมีพุงยื่นล้ำออกมาข้างหน้าเล็กน้อยก้าวขึ้นมาบนเตียง ดึงร่างงามในชุดนอนบางเบาสีขาวนวลมาแนบอก ภายใต้เสื้อผ้านั้นมองเห็นสัดส่วนทรวงทรงอะร้าอร่ามและยังเต่งตึงจากการดูแลตัวเองอย่างดีเยี่ยม ข้างล่างคฤหาสน์ยังมีเสียงดนตรีดังแว่วๆ แม้เวลาจะผ่านสองยามมาแล้ว
เพราะอำนาจบารมีที่สั่งสมไว้ ทำให้ธุรกิจลับๆ ที่เขาและแม่เลี้ยงคนสวยเปิดทำการมาหลายปีสร้างรายได้ให้กับก่อเกียรติมหาศาล นายตำรวจใหญ่ที่รู้จักคนมากมายทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ นักการเมือง และพ่อค้านักธุรกิจที่ล้วนเข้ามามีเอี่ยวในผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ ด้วยการพึ่งพาอาศัยกันเหมือนน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ธุรกิจของเขายังช่วยให้พวกที่ต้องการปลดปล่อยความต้องการส่วนตัวของตัวเองมีที่ระบายโดยไม่ต้องกลัวว่าจะตกเป็นข่าวให้เสื่อมเสียชื่อเสียงแล้วกระทบกับหน้าที่การงาน
คลับที่เปิดโดยใช้คฤหาสน์หลังใหญ่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี คนใหญ่คนโตที่มีส่วนในเรื่องนี้ต่างพากันเอาหูไปนาเอาตาไปไร่เพราะผลประโยชน์ที่ก่อเกียรติคอยหยิบยื่นให้ และสาวน้อยสวยสดที่เขากับแม่เลี้ยงเตรียมไว้คอยบริการให้คนพวกนั้นได้เสพสมปลดปล่อยสัญชาตญาณดิบได้ตามใจชอบ ปราศจากหูตานักข่าว ชาวบ้าน และศรีภรรยาที่มีหน้าตาทางสังคมแต่หมดความน่าปรารถนาไปตามวัยและวันเวลา
“ไม่คิดว่านังเด็กนั่นจะทำรายได้ให้มากขนาดนี้”
“นั่นสิคะ ไม่เสียแรงเลยที่ภาเลี้ยงมันมาอย่างดี”
แม่เลี้ยงคนสวยยื่นหน้าขึ้นจูบปลายคางเขียว เธอกับก่อเกียรติมีความสัมพันธ์ลับๆ ต่อกันมาเนิ่นนาน ตั้งแต่ที่สามียังมีชีวิตอยู่ ทั้งสองลักลอบพบกันทุกครั้งที่มีโอกาสเพราะสามีแก่ๆ นั้นให้ความสุขเรื่องอย่างว่าได้ไม่เต็มที่เต็มความต้องการ และเมื่อได้รู้จักกับนายตำรวจผู้นี้ธุรกิจในด้านมืดก็ตามมา
“แต่ก็น่าเสียดายนังเด็กนั่นนะคะ”
“จะเสียดงเสียดายทำไมล่ะภา อีกหน่อยมันก็จะกลับมาให้เราใช้ประโยชน์เหมือนเดิมน่ะแหละ คุณคิดเหรอว่าไอ้ฝรั่งคนนั้นมันจะจริงจัง อย่างมากก็แค่เอาไปสนองความอยากของมันชั่วครั้งชั่วคราว พอมันบินกลับประเทศเด็กของคุณก็คงถูกปล่อยทิ้ง แล้วทีนี้คุณคิดว่ามันจะไปไหนได้”