“เพื่อนผมเป็นเจ้าของสายการบินอาร์เอ็มบี ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชันนัล เพิ่งมาเปิดตัวที่เมืองไทยครับแม่เลี้ยง” ก้องหล้าเป็นคนตอบ
แม่เลี้ยงหันมายิ้มตาโต ผายมือเชิญให้ทั้งสองหนุ่มนั่งเมื่อเข้ามาอยู่ในห้องห้องหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะเป็นห้องทำงาน
“ต๊ายตาย...จริงหรือคะเนี่ยมิน่าล่ะถึงได้ทุ่มกับยายลูกปัดของอิฉันขนาดนี้ นี่บอกตามตรงนะคะว่า หลังจากที่คุณพาลูกสาวคนสวยของอิฉันมาคืนยังไม่รู้เลยว่าจะมีใครกล้าให้ค่าตัวเธอมากขนาดนี้อีกรึเปล่า ก็อย่างว่าน่ะนะคะ ของมือสองราคามันก็ต้องตกเป็นธรรมดา ลูกค้าอีกสิบคนยังไม่รู้จะได้เท่านี้ไหม ถือว่าวันนี้อิฉันโชคดีมากที่คุณไรอันมาเยี่ยมชมคลับเล็กๆ ที่นี่” แม่เลี้ยงจีบปากจีบคอพูดยิ้มๆ นึกทึ่งในใจว่าคนสมัยนี้เก่งกันเหลือเกิน เท่าที่ดูด้วยตาชายหนุ่มตรงหน้าน่าจะมีอายุประมาณสามสิบนิดๆ แต่เป็นถึงเจ้าของสายการบิน แถมเธอยังรู้อีกว่าสายการบินนี้ประสบความสำเร็จมากเสียด้วย
ไรอันยิ้มนิดๆ ตรงมุมปาก แต่สมองอันชาญฉลาดของเขาเกิดความคิดใหม่
“ผมเปลี่ยนใจแล้ว ผมให้คุณห้าล้าน พร้อมของแถมอีกนิดหน่อย แต่สาวน้อยนั่นจะเป็นของผมตลอดสามเดือนโดยที่ห้ามคุณเอาเธอไปโฆษณากับใครอีก” ของแถมที่เขาพูดถึงก็คือเงินสดอีกจำนวนหนึ่ง เมื่อนึกถึงสายตากระเหี้ยนกระหือรือของผู้ชายพวกนั้นไรอันรู้สึกทนไม่ได้
“หือ คุณว่าอะไรนะคะ”
แม่เลี้ยงตาโต พอๆ กับก้องหล้าที่มองหน้าเพื่อนพร้อมอ้าปากหวอ ไม่คิดว่าเพื่อนจะทุ่มเงินเพื่อเด็กสาวคนนั้นมากมายขนาดนี้
“แกคิดจะทำไรวะไรอัน เงินมันไม่ใช่น้อยๆ นะโว้ย”
“แกอยู่เฉยๆ น่า” ไรอันบอกเพื่อนที่กระซิบถามเบาๆ
“อิฉันคิดว่า...”
“ผมตามใจคุณนะครับแม่เลี้ยง ถ้าตกลงคุณก็รอรับเงินก้อนใหญ่ได้ในไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ แต่ถ้าไม่ตกลงที่เราคุยกันมาทั้งหมดเห็นทีคงต้องยกเลิก” ไรอันบอกเรียบๆ มือหนาสะอาดสะอ้านคลึงแก้วเหล้าในมือเล่น ทิ้งเวลาสักครู่ตาคมจึงตวัดขึ้นมองสบตาแม่เลี้ยง
“วันนี้คุณอาจจะได้หนึ่งล้านจากผู้ชายคนนั้น แล้วจากนั้นก็อย่างที่คุณพูดมานั่นแหละ แม่เลี้ยงของมือสองราคามันลดยิ่งกว่าของเลหลัง ผมว่าต่อให้ทั้งชีวิตลูกสาวคนสวยของคุณก็คงหาเงินก้อนเท่านี้ให้คุณไม่ได้ ลองคิดดูนะครับ”
สมองอันมีแต่คำว่าได้กับเสียของสุภาวินีวิ่งฉิวยิ่งกว่ารถไฟฟ้าเซี่ยงไฮ้แม็กเลฟที่ว่ากันว่าวิ่งเร็วที่สุดในโลก ชายหนุ่มตรงหน้าพูดไม่ผิดสักนิด แต่อนาคตข้างหน้าใครจะรู้
“หรือจะลองเสี่ยงก็ตามสบายนะครับ ผมขอตัวไปติดต่องานสักครู่” ไรอันบอกยิ้มๆ หันมามองเพื่อนให้ช่วยจัดการต่อ เมื่อดูแล้วว่าไม่มีทางที่แม่เลี้ยงจะปฏิเสธ
“ผมว่าจับเงินก้อนใหญ่วันนี้ดีกว่าไขว่คว้าในอากาศนะครับแม่เลี้ยง” ก้องหล้าสำทับอีกยิ้มๆ มองตาเพื่อนก็เริ่มเข้าใจถึงความต้องการของอีกฝ่าย แต่ลึกๆ เขาอดเสียดายไม่ได้ ห้าล้าน...แพงไปไหม กับผู้หญิงคนหนึ่ง ถึงแม่มันจะไม่ทำให้ขนหน้าแข้งไอ้เพื่อนรักของเขาสั่นไหวก็เถอะ
แม่เลี้ยงสุภาวินีนิ่งคิดอยู่นาน ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจได้ เลือกที่จะรับข้อเสนอของไรอัน เพราะอย่างน้อยวันนี้เธอได้เงินก้อนอย่างเขาว่า แถมก้อนใหญ่อย่างไม่คาดฝันเสียด้วย ใบหน้าที่แต่งแต้มงดงามจึงยิ้มให้กับก้องหล้า
รอยยิ้มนั้นทำให้ชายหนุ่มรู้คำตอบโดยไม่ต้องให้เจ้าตัวเอ่ยบอกด้วยซ้ำ คนทำการค้าด้วยกันทำไมจะไม่รู้ไส้รู้พุง ริมฝีปากเข้มหยักยิ้ม
“หวังว่าเราคงได้ทำธุรกิจด้วยกันอีกนะคะ อิฉันดีใจจริงที่คุณมาเป็นสมาชิกคลับของเรา”
“แน่นอนครับ”
เพียงสิบนาทีผ่านไป เงินกองโตก็วางอยู่ตรงหน้าของสุภาวินี เธอยิ้มกว้างจนปากแทบจะฉีกไปถึงหู ค่อยๆ หยิบเงินเหล่านั้นขึ้นมาใส่เครื่องนับธนบัตรทีละปึก พร้อมชวนลูกค้ากระเป๋าหนักพูดคุยเป็นการรอไรอัน ส่วนใหญ่เรื่องที่คุยก็ไม่พ้นเรื่องเกี่ยวกับลูกสาวคนสวยผู้ที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำอยู่ในเวลานี้
ปัทมณฑ์รีบก้าวออกมาจากห้องน้ำกว้างสะอาดสะอ้านซึ่งหรูหราและสวยงามมากที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา เพราะว่าในห้องน้ำนั้นไม่ค่อยมีคนใช้ คฤหาสน์หลังนี้กว้างใหญ่มากเลยทำให้อดนึกกลัวไม่ได้เมื่อมาห้องน้ำคนเดียวแบบนี้ เธอรีบทำธุระและจะรีบกลับไปที่โต๊ะ ขณะที่กำลังจะก้าวออกมาจากมุมผนัง ร่างบางระหงชนเข้ากับกำแพงบางอย่างจังจนเซถลา ทว่ามีมือหนาแข็งแรงยื่นมาคว้าเอวบางเอาไว้ก่อนที่จะล้มลงไปสะโพกกระแทกกับพื้น
“ว้าย!”
อารามตกใจทำให้มือเล็กคว้าต้นแขนแข็งแรงนั่นเอาไว้อย่างรวดเร็วพอกัน เสียงขอโทษดังระรัวซ้ำๆ มาจากอีกฝั่ง เมื่อตั้งตัวได้หันไปมองก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งเอ่ยขอโทษเธออยู่
“เป็นอะไรมากไหมครับ ผมไม่ทันมอง” ผู้ชายคนนั้นว่าเสียงสุภาพ แต่ดวงตาที่มองมามันซอกแซกจนน่ารังเกียจ
ปัทมณฑ์ส่ายหน้า ขยับถอยห่างเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายตั้งท่าจะเข้ามาสำรวจว่าเธอได้รับบาดเจ็บหรือตั้งท่าจะหาบาดแผล เลยเป็นการถอยไปชนกำแพงเนื้ออุ่นๆ ด้านหลัง เธอเงยหน้าขึ้นมอง แล้วตากลมโตเบิกกว้างขึ้นอีกครั้ง
ผู้ชายคนนั้น...
“เอ่อ...” สาวน้อยรีบเบี่ยงตัวออกไปอีกด้าน
ไรอันตวัดตาคมมองหน้าไอ้หมอนั่นด้วยดวงตาเย็นจัด เมื่อครู่เขาเห็นชัดว่ามันจงใจชนเธอ ดวงตากะลิ้มกะเหลี่ยที่มองไปทั่วกายสาวน้อยจึงชะงัก
“เธอบอกไม่ได้เป็นอะไรแล้ว” เสียงห้าวเข้มพูดเรียบๆ แต่แฝงไว้ด้วยอำนาจบางอย่างที่ทำให้คนฟังรีบเอ่ยขอตัว
“ขะ...ขอบคุณค่ะที่ช่วย” ปัทมณฑ์บอกตะกุกตะกักไม่กล้ามองหน้าคมเข้มอีก
เขาคือผู้ชายคนนั้นที่มองเธอยิ้มๆ เมื่อตอนที่เธอเดินเข้ามาในงาน สายตาคมกริบของเขาทำให้ร่างกายเธอรู้สึกร้อนวูบวาบแปลกๆ ดวงตาคู่นี้เหมือนมีอำนาจบางอย่าง
ไรอันเบือนหน้ากลับมามองสาวน้อยที่ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเขาแล้วนับต่อจากนี้ มองไกลๆ ว่าสวย พอได้มองใกล้ๆ กลับยิ่งสวยหวานเสียจนลมหายใจเขาสะดุดไปหลายครั้ง ร่างกายหนุ่มแน่นรุ่มร้อนขึ้นมาเสียเฉยๆ
“ไม่เป็นไร”
“ขอตัวก่อนนะคะ” ปัทมณฑ์รีบบอก ทำท่าจะผวาออกห่างจากเขาทันทีเหมือนว่าเธอกำลังยืนอยู่ใกล้กับของร้อน