คำถามเกิดขึ้นในใจมากมาย หากนางไม่เลือกเดินทางนั้น หากนางเลือกจะก้าวเดินออกจากปัญหาวุ่นวายทั้งหมด ชีวิตนางจะจบลงเช่นนั้นหรือไม่
ฉิงหนิงอวี่ยังคงไม่อาจปล่อยวางเรื่องราวในอดีต หรืออาจเรียกว่าเป็นอนาคตอันใกล้ที่จะเกิดขึ้น สมองเต็มไปด้วยความฉงนสงสัยระคนตกใจไม่น้อยที่จู่ๆ ความตายที่ตนร้องขอกลับกลายเป็นรุ่งเช้าของวันใหม่
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับข้า!?
“คุณหนูรองได้สติแล้ว รู้สึกอย่างไรบ้างเจ้าคะ จู่ๆ เป็นลมหมดสติไป บ่าวตกใจแทบแย่”
“คุณหนูรอง? ไยเจ้าเรียกข้าเช่นนั้น”
สาวใช้กะพริบตาปริบ “เอ่อ... ก็คุณหนูเป็นบุตรสาวคนที่สองของใต้เท้าฉิงและฉิงฮูหยินนี่เจ้าค่ะ”
ฉิงหนิงอวี่ยังคงอยู่ในอาการมึนงง พยายามรวบรวมสติของตนนึกย้อนไปถึงช่วงเวลาแสนขมขื่นที่สุดของชีวิต
“ไม่ใช่ว่าข้า...แต่งเข้าสกุลเซี่ยแล้วหรือ”
“คุณหนูหมายถึงคุณชายเซี่ยเย้าเต๋อ คู่หมั้นของคุณหนูใช่หรือไม่เจ้าคะ แต่ตอนนี้คุณชายเซี่ยยังไม่กลับมาเมืองหลวงนะเจ้าค่ะ”
สาวใช้ยังบอกเพิ่มว่าเซี่ยเย้าเต๋อที่ตอนนี้สมควรสอบคัดเลือกเป็นขุนนางขั้นหกยังคงศึกษาเล่าเรียนอยู่ที่เมืองกันไห่ ปีหน้าจึงจะเดินทางกลับมาเมืองหลวง
“เช่นนั้น...ตอนนี้ข้าก็เพิ่งสิบเจ็ด ซ้ำยังไม่ได้ออกเรือน ยังคงเป็นคุณหนูฉิงหนิงอวี่สินะ”
ฉิงหนิงอวี่ทบทวนถึงเรื่องราวที่กำลังเผชิญพลางหยิกแขนตัวเองเพื่อให้แน่ใจว่าตนกำลังฝันอยู่หรือไม่
“หนิงอวี่ เหตุใดวันนี้ถึงเหม่อลอยนัก” ฉิงฮูหยิน มารดาของฉิงหนิงอวี่เดินเข้ามาหาบุตรสาวที่นั่งจิตใจล่องลอยอยู่กลางสวนหิน
“ท่านแม่...” ฉิงหนิงอวี่อยากโผเข้ากอดผู้เป็นแม่ แต่แล้วเหตุการณ์ของฝันร้ายก็ผุดขึ้น ทำนางชะงักมือไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยคำว่าคิดถึง
“คิดถึงคุณชายเซี่ยอยู่หรือ”
“ทำไมข้าต้องคิดถึงเขาด้วย”
“เจ้าพูดจาแปลกพิลึกอะไร เจ้าพร่ำบอกว่าคุณชายเซี่ยเป็นคู่หมายที่เหมาะสมคู่ควร เร่งวันเร่งคืนอยากจะแต่งกับเขาไม่ใช่หรือไง”
ฉิงฮูหยินย่อตัวนั่งลง เอื้อมมือไปจับมือเรียวไว้ มองสำรวจใบหน้างดงามของบุตรสาวอย่างพอใจ “แต่งกับสกุลเซี่ย ช่วยเสริมความมั่งคงให้สกุลฉิง เข้าใจหรือไม่”
ฉิงหนิงอวี่มองหน้ามารดาน้ำตาคลอ ด้วยเพราะเป็นบุตรสาวคนรอง ทั้งพี่ชาย พี่สาวและน้องสาวคนเล็กต่างก็ออกเรือนไปกันหมดแล้ว คู่แต่งงานของพวกเขาล้วนมีชาติตระกูลสูงส่งเหมาะสม เหลือเพียงนางที่ถูกสกุลเซี่ยทาบทามสู่ขอไว้ให้บุตรชายตั้งแต่วัยเยาว์
“ท่านแม่... จำเป็นต้องแต่งกับคุณชายเซี่ยจริงๆ หรือ หากเขาไม่ได้มีใจให้ข้าเล่า ข้าจะทำเช่นไร”
“คนเราแต่งกันหาใช่เพราะความรู้สึกเพียงอย่างเดียว งานแต่งคือการรวมสองครอบครัวให้เป็นหนึ่ง ส่งเสริมและสนับสนุนซึ่งกันและกัน การที่คุณชายเซี่ยจะรักหรือชอบเจ้าสำคัญตรงไหน อย่างไรเจ้าก็ได้แต่งเป็นฮูหยิน”
“ถึงแม้เขาจะแต่งอนุเข้ามาหลายคน ข้าก็ต้องยอมอย่างงั้นหรือ”
“บิดาเจ้าก็หาได้มีแม่คนเดียว” ฉิงฮูหยินสูดหายใจเข้าลึก สะกดเสียงที่สั่นเครือของตนไว้ “ไม่ว่าจะอนุ สาวใช้หรือนางคณิกา เดิมทีก็เป็นเรื่องที่สตรีต้องทำใจไว้อยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าข้าไม่เคยสอนเจ้าหรือไง เป็นภรรยาเอก อย่างไรก็เป็นที่หนึ่ง อย่าคิดเล็กคิดน้อยนักเลย”
ฉิงหนิงอวี่ขบกรามของตน หูอื้ออึงไม่ได้ยินคำสอนของมารดาไปชั่วครู่ ในใจยังคงจำความรู้สึกของการถูกทอดทิ้ง แย่งของรักและเหยียบย่ำให้จมดินอย่างแม่นยำ
แม้แต่มารดาที่อยู่ตรงหน้า ยามนางเกิดปัญหาหรือมีเรื่องทุกข์ใจก็มักจะพูดแต่ว่าให้ทำใจและอดทนอยู่เสมอ
เพราะเป็นสตรีจึงต้องอยู่ภายใต้เงาของสามี น่าอดสูนัก! ข้าไม่อยากมีชีวิตเช่นนั้นอีกแล้ว
ข้าจะไม่ยอมมีชื่อเรียกเป็นเพียงฮูหยิน ทว่าสถานะในใจของสามีกลับตกต่ำเสียยิ่งกว่าสาวใช้ข้างห้อง
หากนี่เป็นโอกาสที่จะแก้ไขชีวิตที่ทุกข์ระทมของข้าได้ ข้าก็จะเปลี่ยนแปลงมันให้ดีขึ้น จะไม่ยอมเป็นเหมือนเดิม จะไม่เดิมตามเส้นทางเดิมที่ถูกวางไว้เป็นเด็ดขาด!
“งานเลี้ยงวันเกิดท่านโหว! คุณหนูอยากไปงานเลี้ยงแบบนั้นหรือเจ้าคะ”
งานเลี้ยงแบบนั้นที่เจียอี สาวใช้พูดหมายถึงงานเลี้ยงที่ฉาบหน้าด้วยจุดประสงค์แอบแฝงของเหล่าบุรุษที่หมายอยากเด็ดดมบุปผางามที่หมายตา
สตรีที่หวังไต่เต้าอยากเป็นใหญ่ในภายหน้าจะมาประจันความงามกันที่นี่
“คุณหนู... หากฉิงฮูหยินรู้จะต้องโกรธมากเป็นแน่” เจียอีเอ่ยปรามนายของตน ขณะสองมือช่วยพยุงนางลงจากรถม้า
“ข้าขอเวลาไม่เกินสองชั่วยาม”
“แต่ว่าคุณหนู หากมีใครเห็นท่านในงานนี้อาจไม่ดี”
ท่านโหว หรือเจิงเฮ่าโหวมีชื่อเสียงในทางไม่ดีนัก โดยเฉพาะกลิ่นคาวเรื่องโลกีย์นั้นเรียกว่าโด่งดังที่สุดในเมืองหลวง หากปล่อยให้สตรีที่ยังไม่ออกเรือนเข้าไปในงานตามลำพัง มีหวังได้ถูกล่อลวงเป็นแน่
“ข้าจะเข้าไปด้วย...”
“เจ้าขึ้นไปรอบนรถ” ฉิงหนิงอวี่ดันหลังเจียอีขึ้นไปบนรถม้า ก่อนหันไปสั่งให้คนขับนำรถไปจอดรอที่ทางด้านข้างกำแพงเรือนอีกฝั่งของถนน จากนั้นนำผ้าผืนบางมาคลุมปิดส่วนล่างของใบหน้าตั้งแต่จมูกลงไป
“เชิญเลยขอรับ แม่นางทั้งหลายที่มาร่วมงานเชิญทางนี้เลยขอรับ”
เด็กรับใช้สองคนทางด้านหน้ากล่าวต้อนรับแขกผู้มาเยือน เว้นบุรุษที่ต้องถูกทหารอีกสามนายตรวจค้นก่อนจึงจะเข้างานได้
เข้มงวดกับบุรุษ อำนวยให้สตรี
หากข้าเป็นนักฆ่าก็คงเดินเข้างานไปสังหารเจิงเฮ่าโหวได้อย่างสบายๆ เป็นแน่