"ชีวิตมันทำไมถึงได้เฮงซวยอย่างนี้นะ" หญิงสาวว่าขึ้นเมื่อได้ฟังเรื่องราวของตัวเองไปเพียงบางส่วน
"ยังไม่หมดเท่านี้หรอกเจ้าค่ะ นายท่านสิ้นในสนามรบ โดยสละตัวเองเข้ากำบังลูกธนูให้แก่แม่ทัพเจินจนรบชนะข้าศึก แต่ฮูหยินเสียใจจนตรอมใจสิ้นตามไปอีกคน สมบัติที่มีก็เอาไปจัดพิธีศพให้กับนายท่านจนหมด เหลือไว้แต่จวนเปล่าๆ กับสมบัติส่วนตัวของคุณหนู" ฟังถึงตรงนี้ถงหลานเฟยเข้าใจแล้ว ว่าเหตุใดเธอถึงได้มาอาศัยอยู่ในจวนของตระกูลเจิน
"แสดงว่าที่นี่เป็น..."
"วังหลวงเจ้าค่ะ ด้านหลังกำแพงสูงที่อยู่ห่างจากจวนเราออกไปนั้น คือหวังหลวงเจ้าค่ะ" หญิงชราว่าพลางหันมองออกไปที่นอกหน้าต่าง เมื่อหญิงสาวมองตามสายตาของอีกฝ่ายไปจึงได้เข้าใจว่าหญิงชราหมายถึงจุดไหน
"สรุปก็คือฉัน...มีบ้านเกิดอยู่ที่ชายแดน เป็นลูกสาวคนเดียวของนายกอง ซึ่งพ่อแม่ก็ไม่ได้ภูมิใจเท่าไหร่ที่ฉันเป็นลูกสาว แต่พอดีว่ามีลูกยากก็เลยเอาๆ ไปก่อนหวังจะมีลูกชายให้ได้แต่ก็ไม่มีเลยหลังจากคลอดฉัน..."
"ชุนเหยียนไม่ได้เล่าเช่นนั้นสักหน่อย" หญิงชรารีบแทรกขึ้น แต่มันก็ผิดไปจากที่ถงหลานเฟยสรุปเสียที่ไหน ถงหยางไห่ บิดาของถงหลานเฟยนั้น เมื่อคืนวันที่ภรรยาให้กำเนิดบุตรสาวออกมา เขาเสียอกเสียใจจนต้องหนีไปดื่มสุราจนเมามาย ฝ่ายหลิวซินเหลียน ผู้เป็นมารดาเมื่อรู้ว่าสามีไม่พอใจที่ตนให้กำเนิดบุตรสาวก็เอาแต่ร้องห่มร้องไห้อยู่หลายวันหลายคืน
ภาระหน้าที่เลี้ยงดูเสี่ยวถงผู้น่าสงสาร จึงตกเป็นของแม่นมชุนเหยียนนับแต่นั้นมา นานวันจนเวลาล่วงเลยมาสิบแปดฝนสิบแปดหนาว คนที่เลี้ยงและดูแลถงหลานเฟยมาเป็นอย่างดีเสียยิ่งกว่าแม่ผู้ให้กำเนิด ก็ยังคงเป็นชุนเหยียน
ปมในใจของเด็กสาวเกิดขึ้นมาตั้งแต่คราวที่เธออายุได้เจ็ดขวบ ในวันเกิดถงหยางไห่ดันดื่มเสียจนเมามาย และแผลหลุดวาจาที่เก็บกลั้นเอาไว้ในใจออกมาให้บุตรสาวรับรู้ เขาบอกกับเสี่ยวถงตัวน้อยว่า
'คืนที่เจ้ากำเนิดขึ้นมา พ่อเจ็บปวดหัวใจยิ่งนัก หลายวันหลายเดือนที่พ่อตั้งตารอจะได้เห็นหน้าเจ้า แต่เจ้าดันเกิดมาเป็นสตรีเสียอย่างนั้น' เด็กน้อยอายุเพียงเจ็ดขวบต้องมารับรู้เรื่องน่าน้อยเนื้อต่ำใจเช่นนี้ แต่ก็ยังอดทนและเก็บปมนี้ซ่อนไว้ในส่วนลึกของหัวใจตลอดมา
หลิวซินเหลียนเองก็มิได้สนใจไยดีลูกสาวเท่าที่ควร นางเพียงต้องการมีบุตรเพื่อเอาใจสามีก็เท่านั้น เมื่อรู้ว่าบุตรที่คลอดออกมา นอกจากจะไม่ได้สร้างความภาคภูมิใจให้กับสามีของตนแล้ว ยังสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจเสียอีก ก็เลยไม่มาสนใจดูแลลูกเท่าที่ควร เอาเวลาแต่ไปเอาอกเอาใจสามี ปล่อยหน้าที่เลี้ยงลูกให้กับแม่นมและเหล่าบ่าวรับใช้ในจวน
"แล้ว...ที่บอกว่าข้าเป็นคู่หมั้นของแม่ทัพ เป็นเพราะพ่อข้าสละชีวิตตัวเองช่วยเหลือเขาใช่หรือไม่?" หญิงสาวหันไปถามคนที่รู้เรื่องทุกอย่างดีที่สุด เธอพยักหน้ารับทันทีอย่างไม่ต้องคิด ใครก็ต่างรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี
แม่ทัพเจินไม่ได้เอาหน้าแต่เพียงผู้เดียว เขาประกาศก้องว่าชัยชนะของศึกในครั้งนั้นมาจากเหล่าทหาร และทุกชีวิตที่ร่วมรบตามแผนที่เขาคิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เขาจะไม่มีวันลืมบุญคุณ นายกองถงผู้เสียสละตัวเองเข้ากำบังฝนธนูที่กระหน่ำยิงใส่เขาหมายจะเอาชีวิต
"แสดงว่า...ข้ากับแม่ทัพอะไรนั่น ก็ไม่ได้รักกันสินะ" คำถามนี้ไม่ได้รับคำตอบจากแม่นมชุนเหยียน แน่นอนว่าถ้าต้องเดาคำตอบก็ง่ายเพียงนิดเดียว หากไม่เป็นอย่างที่นางว่าแม่นมชุนเหยียนคงเอ่ยปฏิเสธไปแล้ว
"แล้วจะให้หมั้นกันทำไม ช่วยด้วยวิธีอื่นก็ได้มิใช่หรือ สร้างเรือนให้ข้าในเมืองหลวง ให้เงินทองสนับสนุนให้ข้าได้ทำมาหากินเลี้ยงตัวเอง กับ...แม่นมชุนเหยียนแค่สองชีวิตเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว"
"ไม่ได้นะเจ้าคะคุณหนู ในยุคที่บ้านเมืองมีสงครามเช่นนี้ การได้ออกเรือนถือเป็นเรื่องที่ดีกับสตรีตัวคนเดียวอย่างคุณหนูมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้ครองเรือนกับแม่ทัพหนุ่ม ที่เพิ่งจะพาชัยชนะกลับมาให้บ้านเมือง หนำซ้ำยังมีเชื้อพระวงศ์อีกต่างหาก" ถงหลานเฟยเลิกคิ้วสนใจคำพูดเมื่อครู่ของแม่นมชุนเหยียน แต่หญิงชรากลับทำทีเหลียวซ้ายแลขวาก่อนจะยื่นหน้ามากระซิบพูดด้วยเสียงที่ดูระมัดระวัง
"แม่ทัพเจินเป็นบุตรชายของอนุในฮ่องเต้องค์ก่อน หรือกล่าวก็คือเป็นน้องชายของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันเจ้าค่ะ" แม่นมชุนเหยียนพูดกระซิบกระซาบ คนฟังก็พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
"แสดงว่าตำแหน่งแม่ทัพก็ได้มาเพราะเส้นสายงั้นสิ" หญิงชราถึงกับเบิกตากว้างเมื่อได้ยินอย่างนั้น
"อย่าพูดสุ่มสี่สุ่มห้าเชียวนะเจ้าคะ หากคุณหนูเจินลี่หลัวมาได้ยินเข้า อาจจะผิดใจกันเอาได้" คนพูดรีบยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองด้วยความตกใจ นั่นสินะเธอลืมไปเสียได้อย่างไร
"ได้ ต่อไปข้าจะระวัง ว่าแต่...ข้าตกลงไปในบ่อน้ำนั่นได้อย่างไร?" เมื่อถูกถามคำถามนี้ แม่นมชุนเหยียนก็ลอบกลืนก้อนน้ำลายลงคอ เธอเองก็ไม่แน่ใจในเหตุการณ์เท่าไรนัก แต่บ่าวในจวนต่างก็ลือกันว่าเป็นฝีมือของ หนิงเซียง
"ชุนเหยียนไม่แน่ใจนัก แต่มีบ่าวที่เห็นเหตุการณ์เล่าต่อกันมาว่า เป็นฝีมือของหนิงเซียง" หญิงชราเล่าด้วยน้ำเสียงกระซิบกระซาบอีกครั้ง
"หนิงเซียง? ใครอีกล่ะ"
"หญิงสาวชาวบ้านจากเขตชายแดน ที่แม่ทัพเอากลับมาจากไปทำสงครามน่ะสิเจ้าคะ ลืมสิ้นแล้วจริงๆ หรือ" คนถูกถามพยายามนึก แต่ก็นึกอะไรไม่ออก ก็แน่ล่ะเธอไม่ใช่แม่นางถงหลานเฟยนี่สักหน่อย
"นางกับแม่ทัพ...รักกันเหรอ" ถงหลานเฟยตัดสินใจเอ่ยถามไปตามตรง หากมิใช่เรื่องชู้สาว แล้วจะพากลับมาด้วยทำไม และสีหน้าของชุนเหยียนก็ให้คำตอบได้อย่างชัดเจน
"แล้วตอนนี้นังตัวดีนั่นอยู่ไหน?"
"เห็นว่าไปทำธุระที่ชายแดน...กับท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ"
"หน็อย!!! คู่หมั้นถูกรังแก แต่กลับไปเสวยสุขอยู่กับ...คนรัก" จากที่กำลังจะอารมณ์ขึ้น ร่างบางที่หยัดกายยืนขึ้นก็พลันชะงัก
"ก็ถูกแล้วนี่" แต่เมื่อเธอกำลังจะหย่อนตัวลงนั่ง ก็กลับลุกยืนขึ้นอีกครั้ง
"แต่ทำแบบนี้มันก็ไม่ถูกนะ ไม่อยากแต่งงานกับฉันก็น่าจะถอนหมั้นไปสิ ที่เอ่อ...ชื่ออะไรนะ"
"หนิงเซียงเจ้าค่ะ"
"นั่นแหละ ที่ยัยหนิงเซียงอะไรนั่นทำร้ายฉันก็เพราะความหึงหวง ชุนเหยียนพาข้าไปชายแดนที ข้ามีเรื่องจะไปคุยกับแม่ทัพ!!!"