พอพูดจบแขก็หันหลังและจูงมือซ่งอิ้งหร่วนที่ฟังแขเถียงกับคู่อริของตนจนตัวเองตาตะลึงให้หันหลังกลับจวน เพราะแขขี้เกียจจะเถียง เธอเหนื่อยทั้งเธอเองก็ไม่อยากมีเรื่องกับตัวละครในนิยาย
ส่วนซ่งอิ้งหร่วนเดินตามแขโดยที่มือของอีกฝ่ายยังคงจูงมืออยู่ นางกระหยิ่มยิ้มย่องทั้งปลื้มใจกับหญิงสาวที่อยู่ข้างหน้าตน
ฝ่ายเจียวเหม่ยลี่ที่เสียหน้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นางโกรธจัดทั้งส่งสายตาอาฆาตแค้นให้แก่สตรีทั้งสองที่หันหลังให้กับตน ส่วนนางเมื่อมองจนอีกฝ่ายลับตาจึงได้หันหลังกลับไปที่จวนตระกูลเจียวซึ่งเป็นจวนเสนาบดีการคลัง เมื่อถึงจวนนางจึงสั่งให้คนไปสืบว่าสตรีที่แอบอ้างว่าเป็นว่าที่ฮูหยินนั้นแท้จริงแล้วนางเป็นใครและมีความสัมพันธ์อันใดกับท่านแม่ทัพ
“เจ้าไปสืบมาว่านางนั่นเป็นใคร มีความสัมพันธ์ใดกับท่านแม่ทัพซ่ง
“ขอรับคุณหนูใหญ่” หลังจากได้รับคำสั่งองครักษ์หันกายออกจากจวนเพื่อตรงไปสืบข่าวให้กับนายของตน
“ข้าต้องรู้ให้ได้ว่าเจ้าเป็นใคร คราวนี้ยังไงข้าก็จะไม่ยอมรามือจากท่านแม่ทัพเป็นแน่” เจียวเหม่ยลี่พูดกับตนเองด้วยน้ำเสียงไม่พอใจก่อนจะตรงกลับเข้าไปยังเรือนของตน
ทางฝ่ายของซ่งอิ้งหร่วน ที่กำลังจะกลับถึงจวน นางที่ยกย่องแขในใจเอ่ยขึ้น
“ข้าขอบใจเจ้ามากเลยนะเยว่ชิง เจ้าเจ็บมากหรือไม่”
“ไม่เป็นไร ฉันไม่เจ็บแล้วแหละ เธอมีปัญหาอะไรกับแม่ผีจูออนใช่ไหม...ยังไงก็ระวังตัวด้วยเล่า แล้วนี่ถ้าพี่ชายเธอรู้ไม่ว่าเอาหรอ อีกอย่างแอบอ้างว่าฉันเป็นว่าที่ภรรยาพี่ชายเธอจะเสียหายได้นะ” แข กล่าวเตือนซ่งอิ้งหร่วนด้วยความเป็นห่วงทั้งไม่ลืมถามถึงคนที่ตนเองแอบอ้างว่าเป็นภรรยาของเขา
“ไม่หรอก พี่ใหญ่เข้าใจอีกอย่างเรื่องในวันนี้ คนผิดก็ไม่ใช่ข้า เหม่ยลี่เป็นคนหาเรื่องข้าก่อนส่วนเจ้าก็เป็นผู้รับเคราะห์แทนข้า หากพี่ใหญ่จะกล่าวโทษคงไม่พ้นข้า แทนที่เจ้าจะเป็นห่วงข้ากลับเป็นห่วงพี่ใหญ่ของข้าว่าจะเสียชื่อเสียง อย่าบอกนะว่าเจ้าคิดอะไรกับพี่ใหญ่ของข้า” ซ่งอิ้งหร่วนเอ่ยหยอก
“แหม...คุณหนูใหญ่เจ้าคะ เพิ่งเจอหน้า...” แขกำลังจะเอ่ยท้วงทว่าต้องหยุดปากเมื่อมีเสียงหนึ่งแทรก
“คารวะคุณหนูใหญ่” แขหันหน้าไปมองตามเสียงที่มีน้ำเสียงทุ้มต่ำที่ไพเราะ เมื่อเห็นหน้าเธอถึงกับตาค้าง
‘หล่อ เข้ม ดูดี ตาโตจัง รอยยิ้มนั่นช่างละมุนอะไรเช่นนี้ หน้าตาน่าเข้าใกล้เป็นมิตรแท้เพื่อแขจริงๆ โอ้ย! หล่ออะไรอย่างนี้ ยิ่งดูรวมๆ แล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน ไม่ต้องทำเขินแขพูดจริงๆ โอ้ย! ยิ่งมองยิ่งฟิน เหมาะกับการแทะโลมค่า....’
ระหว่างที่แขนึกกล่าวชมของผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า พรรณนาถึงความหล่อเหลาก็ต้องหยุดความคิด เพราะเสียงที่ทำให้เธอหลุดจากภวังค์ก็ปลุกเธอตื่นขึ้นมากับโลกความเป็นจริงอีกครั้ง
“กลับมาแล้วหรอ พี่หย่งฉือ” ซ่งอิ้งหร่วนเอ่ยถามน้ำเสียงดีใจ
“ขอรับ แล้วเอ่อ...แม่นางท่านนี้คือ” หย่งฉือกล่าวถามเพราะตนไม่เคยเห็นมาก่อน
“นี่คือ เยว่ชิง สหายต่างเมืองของข้า นางจะมาอาศัยอยู่ที่นี่ เพื่อเรียนรู้ขนบธรรมเนียมของคนในเมืองหลวง” ซ่งอิ้งหร่วนเอ่ยตอบแทนพี่ชายเพราะจะได้ตัดปัญหาในการอธิบายแล้วนางก็หันไปทางแข
“เยว่ชิง นี่ซ่งหย่งฉือ เป็นบุตรของอี้เหนียงใหญ่”
“ข้าเยว่ชิง ขอคารวะท่านซ่งหย่งฉือ ยินดีที่ได้รู้จักนะเจ้าคะ”
‘โอ้ย! ถ้าเป็นโอปป้า อีแม่จะวิ่งเข้าไปกอดเลย’ แขที่จะคิดในใจเสียไม่ได้ ระหว่างทางที่เดินเข้าด้านในหูก็ยังฟังคำสนทนาระหว่างชายหญิงตรงหน้า
“คุณหนูใหญ่ไม่ทราบว่าพี่ใหญ่อยู่ที่จวนหรือไม่ พอดีข้ามีเรื่องจะคุยกับพี่ใหญ่พอดี”
“น่าจะอยู่ที่เรือนกระมัง เพราะข้าเห็นองครักษ์เดินไปรายงานความเคลื่อนไหวของข้าให้เทพแห่งสงครามแล้วแหละ” ซ่งอิ้งหร่วนตอบอย่างไม่พอใจนักเพราะเรื่องของตนพี่ใหญ่มักจะรู้ได้อย่างรวดเร็ว ด้านซ่งหย่งฉือก็มองน้องสาวต่างมารดาด้วยรอยยิ้ม
“อย่าบอกว่าเจ้าไปก่อเรื่องอีกนะ”
“ข้าเปล่าเสียหน่อย แต่ว่า...ท่านเอาเรื่องนี้ไปบอกท่านพ่อ ข้ารับรองได้ว่าน้องสาวเจ้า ข้าจะแกล้งให้หายใจไม่ทันแน่”
“ข้าน้อยมิกล้า ใครหนอจะกล้าทำร้ายคุณหนูใหญ่ตระกูลซ่ง”
“ในเมื่อเจ้าไม่กล้าเจ้าช่วยจัดการองครักษ์ลับที่แอบตามข้าได้หรือไม่”
“เรื่องนี้ข้ามิอาจช่วยท่านได้จริงๆ ท่านก็รู้นี่ว่าเป็นคำสั่งของท่านพ่อกับพี่ใหญ่ พี่ชายคนนี้มิสามารถสอดมือไปก้าวก่ายได้จริงๆ คงต้องให้คุณหนูใหญ่ใช้ความสามารถของท่านเองแล้วแหละ ถ้าเช่นนั้นน้องชายคนนี้ขอตัวก่อน ข้ามีเรื่องสำคัญต้องคุยกับพี่ใหญ่” ซ่งหย่งฉือเดินยิ้มพลางส่ายหน้า สองขาพาตนเองออกไปจากสองสาวให้เร็วที่สุดเพื่อที่จะไปคุยธุระกับพี่ชายฐานะท่านแม่ทัพ
ณ จวนพยัคฆ์เมฆา
“เจ้าว่าอะไรนะ”
“เรียนท่านแม่ทัพ ที่ข้าน้อยแจ้งเป็นความจริงขอรับ แม่นางเยว่ชิงยอมรับว่านางเป็นว่าที่ฮูหยินของท่านแม่ทัพ อีกทั้งคุณหนูใหญ่ก็เห็นชอบเช่นกัน”
“เจ้าบอกว่าคุณหนูใหญ่ยอมรับ?” องครักษ์ที่ส่งไปติดตามน้องสาวพยักหน้า ซ่งอิ้งเทียนนิ่งไปครู่หนึ่งจึงเปิดปากถาม “แล้วเยว่ชิงเป็นอย่างไรบ้าง”
“แม่นางเยว่ชิง ไม่เป็นอะไรมากขอรับ ใบหน้าก็ดีขึ้นมากแล้วขอรับ เออ! ท่านแม่ทัพขอรับ ข้าน้อยสงสัยขอรับ”
“เรื่องอะไร”
“เออ...หนังสือสุภาษิตสอนหญิงกับตำราสมบัติผู้ดีนี่ต้มกินได้จริงหรือเปล่าขอรับ” องครักษ์หลุดปากถามอย่างซื่อ ทว่าเขารออยู่นานก็ไม่ได้ยินเสียงของท่านแม่ทัพตอบกลับ เขาจึงใจกล้าเงยหน้าขึ้นมอง เมื่อเห็นแววตาของอีกฝ่ายทำให้เขารีบก้มหน้างุดแล้วเอ่ยเสียงสั่นเล็กน้อย
“เอ่อ...ข้าน้อยเพียงแค่สงสัย คะ..คือว่าหากต้มกินได้ ข้าน้อยอยากลองต้มตำราเรียนบ้างเผื่อว่าจะความรู้จะเข้าสมองข้าน้อยบ้างน่ะขอรับ”
“สมองเจ้ามีแต่มัดกล้ามรึ?” เขาดุองครักษ์ที่ไม่น่าซื่อคนนี้
“ขะ..ขอโทษขอรับ”
“เจ้าออกไปได้แล้ว”
“ขอรับ” แต่ในใจขององครักษ์ยังแอบบ่นในใจหลังจากออกจากเรือนไปแล้ว ‘สมองคนมีมัดกล้ามด้วยหรือเนี่ย’ นึกไปก็อดที่จะเกาหัวตนเองไม่ได้
หลังจากที่องครักษ์ออกไปแล้ว เขาได้แต่นิ่งเงียบพิจารณาคำที่องครักษ์กล่าวอย่างยากที่เชื่อว่าน้องสาวอย่างซ่งอิ้งหร่วนจะเป็นคนเอ่ยว่าสตรีผู้นั้นเป็นว่าที่ฮูหยินของตนด้วยเพราะน้องสาวคนนี้ไม่เคยยอมรับใครง่ายๆ มาก่อน และตั้งแต่ครานั้นน้องสาวรวมถึงตัวเขาก็ไม่เคยคิดจะปักใจเชื่อใจสตรีนางใดอีก
ซ่งอิ้งเทียนนั่งอ่านหนังสืออยู่สักพักหลังจากพักเรื่องของ
ซ่งอิ้งหร่วน บ่าวหน้าประตูเรือนได้เข้ามารายงานว่าซ่งหย่งฉือน้องชายได้ขอเข้าพบ
“ข้าน้อยหย่งฉือ ขอคารวะท่านแม่ทัพขอรับ”
“ไม่ต้องมากพิธีไป ที่นี่ไม่ใช่กองทัพ เจ้าว่ามาเถอะ เรื่องที่เจ้าสืบมาได้ความว่าอย่างไรบ้าง”
“เรียนพี่ใหญ่ เรื่องเสบียงกองทัพที่ถูกส่งมาล่าช้าพร้อมกับเน่าเสียหายนั้นเป็นฝีมือของเสนาบดีเจียวแน่แท้ หลักฐานเรามีพร้อมแล้วตอนนี้ขึ้นอยู่กับพี่ใหญ่ว่าจะจัดการอย่างไร”
“อืม...อย่าเพิ่งแหวกหญ้างูตื่น ข้าจะไปเตือนเขาเอง หวังว่าจะกลับตัวกลับใจไม่ทำอะไรให้เดือดร้อนถึงตระกูล” ซ่งอิ้งเทียนกล่าวกับซ่งหย่งฉือน้องชายต่างมารดาของเขาเพราะถึงอย่างไรเสนาบดีเจียวนั้นก็เคยเป็นสหายของมารดา เพื่อเห็นแก่หน้ามารดาตนจำต้องเตือนเขาไม่ให้หลงทำเรื่องผิดพลาดที่เป็นภัยแก่ตระกูล
“พี่ใหญ่ ข้าเห็นไป๋หลันไปยังหน่วยสืบราชการลับ พี่ใหญ่มีงานสำคัญหรือขอรับ” ซ่งหย่งฉือถามด้วยความสงสัย เผื่อตนจะได้ช่วยสืบให้อีกทางหนึ่ง
“ไม่มีเรื่องสำคัญอะไร” ซ่งอิ้งเทียนกล่าวเพราะไม่ต้องการให้ใครรู้เรื่องของแขมากเกินความจำเป็น
“ขอรับ พี่ใหญ่ ถ้าเช่นนั้น ข้าขอตัวกลับจวนก่อนแล้วกัน”
“อืม...ขอบใจเจ้ามาก”
หลังจากนั้นซ่งหย่งฉือก็ออกจากเรือนหลังจากรายงานความคืบหน้าที่ตนเองไปสืบ เขาจึงหันกลับไปสะสางงานของตนเช่นกัน