แขกเหรื่อมาเต็ม เจ้าสาวก็แต่งตัวพร้อมแล้ว และอีกไม่ถึงยี่สิบนาทีก็จะได้ฤกษ์เข้าพิธี แต่เจ้าบ่าวก็ยังไม่โผล่มาในงาน ทำให้คนเป็นแม่กังวลกลัวว่าลูกชายจะหนีงานแต่งงานในครั้งนี้ เพราะงานแต่งงานถูกจัดขึ้นโดยที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวไม่ได้เต็มใจเข้าพิธีด้วยกันทั้งคู่ แต่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายพึงพอใจให้เกิดงานนี้ขึ้น
“คุณ...ทำไมสงครามยังไม่มาอีก?” นางดึงแขนสามีที่กำลังเดินผ่านเข้ามาคุยพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล
“ลูกอาจจะติดผ่าตัดก็ได้คุณกิ่ง” เจ้าสัวชนะบอกพร้อมกับตบหลังมือภรรยาให้คลายความกังวล
“ให้มันจริงเถอะเจ้าสัว ถ้าสงครามไม่มาจะทำยังไง แขกก็เต็มงาน มีแต่แขกสำคัญทั้งนั้น ถึงเราจะจัดงานแต่งกันแบบส่วนตัวไม่ได้เชิญนักข่าวมาทำข่าว แต่ทุกคนก็ล้วนเป็นคนใหญ่คนโตมีหน้ามีตาในวงสังคมทั้งนั้น และพ่อกับแม่ของหนูแสนก็ใช่ใครอื่นที่ไหน ฉันจะเป็นลมพูดแล้วก็” แล้วนางก็ยกมือขึ้นก่ายหน้าผากเอนซบไหล่สามีที่ตัวสูงของตนเอง
“คิดมากน่าคุณกิ่ง เดี๋ยวลูกก็มาหรอกน่า สงครามมันอายุไม่น้อยแล้ว มันรู้ว่าอะไรควรไม่ควร อีกอย่างมันก็รับปากเองว่าจะแต่งงานให้เรา” เจ้าสัวบอกภรรยาพร้อมตวัดแขนอีกข้างตวัดโอบกอดปลอบประโลมใจภรรยาไม่ให้คิดมาก
“ไม่ให้คิดมากได้ยังไง ก็เพราะว่าอายุมากเนี่ยแหละ เราถึงได้บังคับให้ลูกแต่งงานกับหนูแสน” นางเอนตัวผละจากอ้อมแขนของสามีมายืนเอง
“คุณกิ่งก็รู้ ถ้าสงครามพูดอะไรออกมาแล้วจะรับผิดชอบคำพูดของตัวเองเสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกันคุณกิ่ง เชื่อเถอะว่าสงครามไม่ทำให้เราขายหน้าแน่นอน” แล้วเจ้าสัวก็โอบประคองภรรยายอดดวงใจตัวเองเข้าไปในงานเพื่อต้อนรับแขกที่มาร่วมงาน
ร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาในบ้านด้วยชุดสูทสีดำเหมือนที่แต่งไปทำงานทุกวัน บ้านที่ตอนนี้เป็นสถานที่จัดงานแต่งงาน แน่นอนงานมงคลสมรสในวันนี้คืองานของเขาเอง เขารับบทเจ้าบ่าว แม้จะไม่เต็มใจ เมื่อเป็นคำสั่งของพ่อกับแม่ เขาจึงยอม และที่ยอมเพราะเขาจะไม่ยอมให้หุ้นของบริษัททั้งหมดตกไปเป็นของครอบครัวธนโชติแน่นอน เขาไม่เข้าใจ ทำไมพ่อถึงได้ทำพันธะสัญญากับคุณอาสาม เพื่อนรุ่นน้องที่สนิทกันว่าให้ลูกชายและลูกสาวแต่งงานกันเมื่อโตขึ้น หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผิดสัญญา หุ้นของบริษัทจะถูกโอนไปเป็นของอีกหนึ่งครอบครัวโดยอัตโนมัติ แน่นอนว่าเขาทำงานหนักขนาดนี้จะยอมให้มันถูกโอนไปให้ใครอื่นงั้นเหรอ ไม่มีทาง และก็รู้ดีว่าเจ้าสาวของเขาในวันนี้ก็คงไม่ต่างจากเขา ยอมจำนนฝืนใจเข้าพิธีกับตน เพราะหุ้นของบริษัทเช่นกัน