ข้านี่แหละฮูหยินรสแซ่บ
บทที่ 2
สวีจิ้งเทียนกับความลับหน้ากระจก
หนิงเจียวลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่ปวดร้าวบริเวณใบหน้าเป็นอย่างยิ่ง นางค่อยๆลุกขึ้นมานั่งก่อนจะมองไปรอบๆด้วยสายตามึนงง
ที่นี่ที่ไหนกันนะ ดูแล้วไม่ใช่ที่โรงพยาบาล หรือว่าพวกโจรมันจะลักพาตัวเธอมาไว้ที่นอกเมือง
"เจียวเอ๋อร์ลูกรักของแม่!!!เจ้าฟื้นแล้ว"
หนิงเจียวหันไปมองก่อนจะพบกับสตรีวัยกลางคนผู้หนึ่ง สวมชุดลวดลายสีสันงดงามตา ริมฝีปากสีแดงสด ใบหน้าที่ดูงดงามแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มกำลังเดินเข้ามาหานางด้วยท่าทางดีอกดีใจ
ลูก?ลูกใครอ่ะ?
ฮูหยินรองลูบผมของหนิงเจียวด้วยความรักและเอ็นดู ก่อนจะสำรวจดูตามร่างกายของนางด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
"โชคดีที่เจ้าปลอดภัย หนิงเซียนก็ช่างรนหาที่ยิ่งนัก นางวางยาเจ้ากับสวีจิ้งเทียน หวังให้เจ้าไปแต่งงานแทน เพื่อลบล้างความชั่วช้าที่นางก่อเอาไว้!!!"
"แต่งงาน?"
"จ๊ะลูก"
"แต่งกับใครคะ?"
"สวีจิ้งเทียน ชายหนุ่มในดวงใจของเจ้าอย่างไรเล่า"
หนิงเจียวเริ่มรู้สึกปวดที่ศีรษะอย่างรุนแรง ภาพความทรงจำของร่างเดิม ปรากฏขึ้นมาในหัวของนางไม่หยุด
"เจียวเอ๋อร์เจ้าต้องช่วยพี่ แต่งงานแทนพี่ด้วย!!!!"
"เจียวเอ๋อร์ เจ้าต้องล้างแค้นให้พี่ ตามหาคุณชาย....ให้พบ แล้วพาเขามาหมอบกราบที่หลุมฝังศพของพี่ให้ได้นะ!!!"
ภาพสตรีผู้หนึ่งวนเวียนไปมาจนนางตาลายไปหมด นางจำได้ว่าสตรีผู้นี้เป็นคนนำขนมกุ้ยฮวากับชาอย่างดีมาให้นาง นางก็กินมันจนหมดก่อนที่นางจะหมดสติไปและพบว่าสตรีในกระจกก็คือตัวนาง แต่การแต่งกายช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
"เจียวเอ๋อร์!!!เจ้าเป็นอะไรลูก? เด็กๆไปตามหมอมาเร็วเข้า!!!"
หนิงเจียวมองรอบๆไปมาอีกครั้ง ก่อนจะถอนหายใจออกมา โชคชะตาช่างเล่นตลกเหลือเกิน ตายไปแล้วคิดว่าจะได้ไปสบาย กลับต้องมาเกิดในโลกโบราณเช่นนี้
เอาเถอะ!!ไหนๆก็มาเกิดใหม่แล้ว จะโวยวายคร่ำครวญไปมันก็ไม่เกิดผลดีขึ้นมา โชคยังดีที่เกิดมาในร่างของสตรีที่หน้าเหมือนตนเอง แล้วชื่อก็ยังเหมือนกันอีกด้วย
แต่น่าเสียดายอาชีพผู้เชี่ยวชาญด้านความเสียวของนางเหลือเกิน การมาอยู่ในสถานที่ๆไร้ซึ่งโลกออนไลน์เช่นนี้ จะไปทำมาหากินอะไรได้!!!
เสียงดังตึกตักวิ่งเข้ามาจากหน้าประตูเรือน หนิงเจียวจึงหันไปมอง ฮูหยินรองกระชับเสื้อคลุมให้หนิงเจียวเพราะตอนนี้ชุดนอนของนางช่างบางเบา อาจจะทำให้ไม่สบายเอาได้
"คารวะฮูหยินรอง คุณหนูรอง"
"ท่านหมอลูกสาวของข้ามีอาการกระสับกระส่าย ท่านมาดูหน่อยเถิด!!!"ท่านหมอก้าวเข้ามา ก่อนจะใช้ผ้าคลุมที่ข้อมือของหนิงเจียว และตรวจจับชีพจรของนางอย่างละเอียด
"คุณหนูรอง รู้สึกปวดร้าวที่ใบหน้าหรือไม่ขอรับ?"
"เอ่อ เจ้าค่ะ"
"คุณหนูรอง โปรดยิ้มให้ข้าน้อยดูหน่อยเถิดขอรับ"
หนิงเจียวพยักหน้าน้อยๆด้วยความสงสัยแต่ก็ยอมทำตาม
โอะ!!!เหตุใดนางจึงยิ้มไม่ได้เล่า
"ท่านหมอ ใบหน้าข้าทำไมมันรู้สึกตึงๆเล่าเจ้าคะ?"
หนิงเจียวเอ่ยถามด้วยสีหน้าที่นิ่งเฉยราวกับคนไม่มีความรู้สึก ท่านหมอถอนหายใจออกมาอย่างอับจนปัญญา
"คุณหนูถูกผลกระทบจากยานอนหลับที่แรงจนเกินไป ทำให้ใบหน้าเป็นอัมพาตชั่วคราวขอรับ"
อัมพาตชั่วคราว!!!โวยยยยย ซวยซ้ำซวยซ้อนจริงๆ เกิดใหม่แล้วมาเป็นแบบนี้ อย่าให้มาเกิดเลยให้ตายๆไปจะยังดีซะกว่า สภาพพพพ!!!
"ท่านหมอ!!!จะมีทางรักษาหายได้หรือไม่เจ้าคะ?"
"คาดว่าคงจะใช้เวลาอย่างเร็วครึ่งปีขอรับ ช้าสุดก็คงจะหนึ่งปี ระหว่างนี้ให้ดื่มยาคล้ายเส้นที่ใบหน้าลดอาการตึงของเส้นเอ็น แล้วข้าน้อยจะจัดเทียบยา มาให้ทานสามวันครั้งนะขอรับ"
ฮูหยินรองมองบุตรสาวด้วยแววตาสงสาร นางปวดใจเหลือเกิน นึกสาปแช่งก่นด่าหนิงเซียนในใจ เพราะนางแท้ๆ หนิงเจียวจึงต้องมีชะตากรรมเช่นนี้
"เจ็บมากไหมลูก?"
"เจ็บเจ้าค่ะ"
แม้จะบอกว่าเจ็บเหลือเกิน แต่ใบหน้าของหนิงเจียวกลับไร้ความรู้สึกเช่นเดิม ราวกับว่านางไม่มีความรู้สึกนึกคิดใดใดทั้งนั้น
ฮูหยินใหญ่ที่สูญเสียบุตรสาวไป ก็เศร้าโศกจนไม่ยอมกินข้าวกินปลา ส่วนศพของหนิงเซียนถูกฝังไว้ที่สุสานนอกจวนตระกูลหนิง เพราะนางทำผิดกฎ ด้วยการลอบมีสัมพันธ์กับชายหนุ่มจนตั้งครรภ์ สร้างความเสื่อมเสียอับอายต่อบรรพบุรุษไม่สามารถจะฝังอยู่ร่วมกับคนในตระกูลได้
ราชเลขาหนิงเซียนเพียงเอ่ยต่อผู้ที่มาสอบถามว่าหนิงเซียนตายเพราะโรคเก่ากำเริบ เขาจะไม่ยอมให้เรื่องที่หนิงเซียนผูกคอตายเพราะตั้งครรภ์แพร่สะพัดออกไปเป็นอันขาด จนกว่าจะถึงวันแต่งงานของหนิงเจียว
เมื่อไม่มีหนิงเซียนแล้ว ความรักทั้งหมดก็ตกมาอยู่ที่หนิงเจียว ไม่มีผู้ใดในจวนกล่าวโทษนาง เพราะต่างรู้กันดีว่านางคือผู้ที่กำลังจะต้องรับชะตากรรมแทนเจินเซียง
"ท่านพี่ ท่านจะส่งเจียวเอ๋อร์เข้าไปเป็นภรรยาของสวีจิ้งเทียนที่จวนเสนาบดีสวีจริงหรือเจ้าคะ?"
ฮูหยินใหญ่เอ่ยถามราชเลขาหนิงซานด้วยสายตาเป็นกังวล นางพอจะรู้มาบ้างว่าตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้น สวีจิ้งเทียนก็ไม่พอใจเป็นอย่างมาก นางเองก็เลี้ยงดูหนิงเจียวมาพร้อมกับหนิงเซียน ถึงแม้จะไม่ใช่บุตรสาวแท้ๆ แต่นางก็รักและห่วงใยหนิงเจียวไม่น้อย
นางจะทนเห็นหนิงเจียวต้องไปทนทุกข์ได้เช่นไรกัน ฮูหยินรองเองก็คงจะคิดเช่นเดียวกันกับนางเป็นแน่
ราชเลขาหนิงซาน ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย เขาเองก็จนปัญญากับเรื่องนี้ หากปล่อยไปไม่ยอมจัดการให้มันจบสิ้น คนที่จะเสียหายที่สุดก็คือหนิงเจียว
แม้จุดพรหมจรรย์ของนางจะยังอยู่ครบถ้วนดี แต่ทว่านางก็ได้เปลื้องผ้านอนกอดกับบุรุษไปเสียแล้ว คงจะต้องยอมส่งนางไปเป็นภรรยาของสวีจิ้งเทียน จึงจะเป็นการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด อย่างน้อยก็ยังได้แต่งเป็นภรรยาเอกที่มีหน้ามีตา ดีกว่าไปเป็นภรรยารองหรืออนุอุ่นเตียงเหล่านั้น
จวนตระกูลสวี
สวีจิ้งเทียนกลับเข้ามาที่จวนตระกูลสวีด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม หลังจากเข้าไปคารวะท่านย่าและท่านแม่แล้ว เขาก็กลับไปที่เรือนนอนของตนเอง
"คารวะคุณขายใหญ่เจ้าค่ะ"
สาวน้อยใบหน้างดงามราวกับเทพธิดา ต่างวิ่งเข้ามาห้อมล้อมเขาด้วยสายตายั่วยวน
สวีจิ้งเทียนมองพวกนางด้วยสายตาเอือมระอา พวกนางคือสาวใช้ทงฝังที่ท่านย่ากับท่านแม่หามาให้เขา ด้วยกังวลว่าเขาจะเกิดปัญหาในตอนแต่งงาน
ภายนอกเขาเป็นบุรุษที่กำยำแข็งแรง เป็นถึงท่านรองแม่ทัพผู้สง่างาม ท่านพ่อของเขาก็เป็นถึงท่านเสนาบดีกรมกลาโหม ควบคุมบัญชาการกองกำลังทหารทั้งหมด
แต่ใครเล่าจะรู้ว่าสวีจิ้งเทียน จะมีโรคประหลาดที่ไม่เคยมีผู้ใดล่วงรู้
เขาไม่กล้าแตะต้องสตรี เพราะไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มต้นเช่นไร เรื่องนี้คือปัญหาที่เขากังวลมาตลอดว่าถ้าหากวันหนึ่งเขาต้องแต่งหนิงเซียนเข้ามาในจวน นางจะยอมรับพฤติกรรมเหล่านี้ของเขาได้หรือไม่
แต่ช่างปะไร!!!ตอนนี้นางไม่ใช่คนที่เขาจะมีใจรักอีกต่อไปแล้ว ส่วนหนิงเจียว เขาจะทำให้นางหวาดกลัวเหมือนตายทั้งเป็นไปชั่วชีวิต
สวีจิ้งเทียนที่คิดสิ่งใดไปเรื่อยเปื่อย พลันรับรู้ได้ถึงความแข็งชูชัน ที่มันดุนดันบริเวณหว่างขาของเขา
ต้องจัดการเสียหน่อยแล้ว!
สวีจิ้งเทียนเดินเข้าไปในห้องนอนก่อนจะลงกลอนอย่างแน่นหนา เขาถอดเสื้อผ้าออกจนหมดเผยให้แผงอกที่แน่นบึกบึน เขาเดินไปยืนที่หน้ากระจก จ้องมองแท่งมังกรผงาดที่แข็งชูชันของเขาด้วยสายตาพึงพอใจ
"โอว์ ซี๊ดดดด!!!
สวีจิ้งเทียนใช้มือกำรอบแท่งมังกรผงาดของเขา ค่อยๆรูดขึ้นลงจนสุดโคน หลังจากนั้นก็เร่งจังหวะมือขยับขึ้นลงอย่างชำนาญ พลางส่งเสียงครวญครางด้วยความเสียวกระสัน
สวีจิ้งเทียนยกขาข้างหนึ่งขึ้นไปเหยียบที่โต๊ะตรงหน้ากระจก ก่อนจะใช้แรงมือขยับขึ้นลง รูดลำแท่งมังกรผงาดด้วยความเร็วแรงขึ้นเรื่อยๆแรงจนตัวเขากระตุก ปลายเท้าสั่นเกร็ง ใบหน้ามีเหงื่อผุดขึ้นมาเป็นเม็ดเล็กๆ
"อ่าห์!!!โอวววว"
ไม่นานนักน้ำสวรรค์สีขาวขุ่นก็พุ่งกระจายราวหยดน้ำค้างจากสรวงสวรรค์ ลอยละล่องเป็นสายงดงามราวกับภาพวาด
เขาหอบหายใจด้วยความโล่งเบาสบาย นี่คือรสนิยมทางเพศที่สวีจิ้งเทียนชื่นชอบมากที่สุด การได้ปลดปล่อยตนเองเช่นนี้ ช่างทำให้เขาสบายตัวไม่น้อย
หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อย เขาก็ล้มตัวลงนอนพักผ่อนเอาแรง มุมปากผุดรอยยิ้มที่ชั่วร้ายขึ้นมา
หนิงเจียว คืนเข้าหอของเรา เจ้าจะต้องจดจำไปจนชั่วชีวิต!!!
เวลาหนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ชุดแต่งงานของหนิงเจียวก็ตัดเย็บเสร็จเรียบร้อยแล้ว
นางไม่เคยพบหน้าสวีจิ้งเทียนเลย มีเพียงของหมั้นหมายและสินสมรสเท่าขี้ตาแมวที่เขาส่งมาให้นาง
ราชเลขาหนิงซานขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกธรแค้น นี่ไม่เท่ากับจวนตระกูลสวีดูแคลนบุตรสาวของเขาหรอกหรือ สินสอดเพียงแค่ไม่กี่หีบ มีเครื่องประดับเพียงไม่กี่ชิ้น ผ้าแพรก็เป็นของดาษดื่นทั่วไปหาได้ตามท้องตลาดเพียงเท่านั้น
หนิงเจียวลอบสาปแช่งสวีจิ้งเทียนอยู่ในใจ ดูแล้วไอ้บ้าคนนั้นคงจะเป็นคนที่นิสัยไม่ดีเป็นแน่!!!
"เจียวเอ๋อร์ เจ้าไม่ต้องเสียใจไปนะ แม่ใหญ่จะนำสินสมรสของจวนเราติดตัวเจ้าไปให้มากกว่าเดิมอีกสักหน่อย"
"ไม่ใช่เพราะบุตรสาวของฮูหยินใหญ่หรือเจ้าคะ ที่ทำให้เจียวเอ๋อร์ต้องมารับกรรมเช่นนี้!!!"
"ท่านแม่!!!"
หนิงเจียวที่เป็นอัมพาตใบหน้า หันไปส่งเสียงปรามฮูหยินรองด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ แต่ทว่าใบหน้ายังคงไร้ความรู้สึก
อยากตัดหัวทิ้งจริงๆเมื่อใดโรคบ้านี่มันจะหายสักที!!!
หนึ่งเดือนที่หนิงเจียวใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ นางเองก็เริ่มปรับตัวได้บ้างแล้ว และนางเองก็ชอบฮูหยินใหญ่มากกว่าฮูหยินรองแม่ของนางเสียด้วยซ้ำ ตั้งแต่หนิงเซียนตายไป ฮูหยินใหญ่ก็หันมาทุ่มเทความสนใจให้นาง คอยสอนนางเรื่องกฎระเบียบที่สตรีพึงมี รวมถึงทำของอร่อยๆให้นางกิน
"แม่ใหญ่ไม่ต้องเพิ่มแล้วเจ้าค่ะ หากเขาไม่ดีต่อข้า ข้าก็จะกลับจวนเราเจ้าค่ะ จะมาอยู่กับแม่ใหญ่นะเจ้าคะ"
"นี่เจียวเอ๋อร์!!!แม่เจ้าอยู่นี่!!!"
ฮูหยินรองดึงเจียวเอ๋อร์ไปกอดเอาไว้ ฮูหยินใหญ่เองก็ไม่ถือสา เพียงยกยิ้มน้อยๆราชเลขาเดินเข้าไปลูบผมบุตรสาว ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
"เจ้าพูดถูก หากคนตระกูลสวีรังแกเจ้า เจ้าก็กลับมาจวนเรา พ่อกับแม่ๆของเจ้า รอเจ้าเสมอ เจ้าไม่ต้องกลัว พ่อจะให้ท่านหมอประจำตระกูลของเราตามเจ้าไปด้วย รักษาโรคของเจ้าให้หายในเร็ววันนะลูก"