“ถ้าเพื่อนพี่สนใจเราจริงๆ เราจะรับไว้พิจารณารึเปล่าล่ะ” พายัพเอ่ยถามน้องสาวที่อยู่ในชุดนักศึกษาด้วยท่าทีจริงจัง ไร้ท่าทีล้อเล่น แม้แต่น้อย
“เพื่อนคนไหนคะพี่พาย” พราวมุกยิ้มหวานให้พี่ชายขณะเอ่ยถาม เพื่อนๆ ของพี่ชาย ต่างก็มีผู้หญิงล้อมหน้าล้อมหลัง อีกอย่างเธอก็ไม่ได้คิดกับใครเกินเลยไปถึงขั้นคนรัก เธอรักและนับถือพี่ชายเช่นไร ก็นับถือเพื่อนของพี่ชายเช่นนั้น พายัพพี่ชายของเธอเองออกจะหวงๆ ไม่ชอบให้เพื่อนมาเกาะแกะเธอด้วย หลายครั้งที่เอ่ยเตือนเพื่อนตัวเอง แถมยังด่าเพื่อนเจ็บๆ แสบๆ จนเธอหัวเราะท้องแข็งตั้งหลายครั้ง แล้วรอบนี้มาแปลก กลับมาถามเธอแบบนี้
“เจ้าตรัยมันสนใจเราน่ะ เห็นบอกว่าชอบเรา” พายัพบอกน้องสาวตรงๆ ไม่อ้อมค้อม ในบรรดาเพื่อนเขาทั้งหมด ตรัยดูจะไม่สนใจผู้หญิงคนไหนหรือเจ้าชู้ประตูดิน
“ยี้... ไม่เอาหรอกค่ะ พวกเพื่อนๆ ของพี่พายมีผู้หญิงเยอะแยะ ฝากบอก พี่ตรัยด้วยนะคะว่าพราวนับถือพี่ตรัยเหมือนพี่ชาย ปล่อยให้พราวมีอนาคตที่ดีเถอะค่ะ คิกๆ” พราวมุกพูดขำๆ กับพี่ชาย จริงๆ เธอเองก็รู้ว่าตรัยแตกต่างจากคนอื่น แต่เธอนับถือตรัยเหมือนพี่ชายคนหนึ่งเท่านั้น ไม่เคยคิดเกินเลยเป็นอื่น อีกอย่างตรัยเองก็เอ็นดูเธอ ไม่คิดว่าจะอยากจีบเธอด้วย มันทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ ที่เขามาคิดแบบนี้กับเธอได้ แม้ส่วนลึกของจิตใจจะเทิดทูนบูชาเขาเป็น ฮีโร่ก็ตามที แต่เธออยากเก็บความรู้สึกดีๆ แบบนี้เอาไว้ หากคบกันเป็นคนรัก ถ้าเลิกรากันไป เธอกลัวจะมีปัญหา หรือมองหน้ากันไม่ติด เธออยากให้ตรัย เป็นพี่ชายที่น่ารักเป็นฮีโร่ในใจของเธอต่อไป ตอนเด็กๆ นอกจากพายัพพี่ชายของเธอแล้ว ก็มีตรัยนี่แหละที่คอยปกป้องดูแลเธอ ไม่ให้ใครมารังแก
“โอเค แล้วจะบอกมันให้” พายัพโยกศีรษะน้องสาวคนเดียวไปมาด้วยความเอ็นดู ก่อนจะเดินออกไปนอกบ้าน เขาไม่เคยบังคับน้องสาวตัวเอง รักและดูแลกันมาตลอด อะไรที่เป็นความสุขของน้อง คนเป็นพี่อย่างเขาไม่เคยขัด
พราวมุกอมยิ้ม เดินขึ้นห้องไปด้วยความเหนื่อยเพราะเธอเรียนอยู่ ปีสุดท้าย กำลังจะเรียนจบมหาวิทยาลัยอีกไม่กี่เดือน เหลือแค่ฝึกงานเท่านั้น แล้วเธอก็ไม่ได้ติดใจอะไรอีกในคำพูดของพี่ชาย เพราะคิดว่าพี่ชายอาจจะ ถามเล่นๆ เท่านั้นเอง
หลังจากที่บิดามารดาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อหลายปีก่อน พายัพก็ดูแลเธอมาตลอด เขาเปิดบริษัททำธุรกิจเกี่ยวกับการก่อสร้าง ซึ่งกิจการเป็นไปได้ด้วยดี เพิ่งมาปีนี้แหละที่เศรษฐกิจประเทศตกต่ำ พี่ชายจะบ่นๆ กับเพื่อนในกลุ่มเดียวกัน เธอแอบได้ยินถึงปัญหาที่เกิดขึ้น แต่กระนั้นก็ยังพยุงกิจการไปได้
“นายได้ยินที่น้องฉันพูดแล้วใช่ไหมไอ้ตรัย” พอคล้อยหลังมาได้ พายัพก็กรอกเสียงเข้าไปในโทรศัพท์
“ได้ยินชัดเต็มสองรูหูเลยเว้ย!” ตรัยตอบกลับไป จำได้ว่าตัวเองนั่งอึ้ง อยู่นานเมื่อได้ยินการสนทนาโต้ตอบระหว่างพี่น้อง นี่พราวมุกเห็นเขาเป็นพี่ชายเท่านั้นเองน่ะรึ ถ้าเธอลองเปิดใจสักนิด เขาก็คงจะไม่นั่งหดหู่อยู่แบบนี้ แถมเธอยังพูดปิดท้ายด้วยว่าปล่อยให้เธอมีอนาคตที่ดีเถอะ เกิดมายังไม่เคยโดนผู้หญิงว่าขนาดนี้ ถึงจะเข้าข้างตัวเองว่าเธอพูดเล่นขำๆ ก็ตามที แต่ใจฝ่อไปไม่น้อย
ที่สำคัญเธอเป็นผู้หญิงที่เขาแอบชอบตั้งแต่เด็กๆ ฟันน้ำนมยังไม่หลุด ฟันแท้ยังไม่ขึ้นด้วยซ้ำ เพราะเขากับพายัพบ้านอยู่ใกล้กัน เรียนมาด้วยกันตั้งแต่อนุบาลจึงสนิทกันมาก
“ยายพราวไม่ชอบนาย จบนะไอ้ตรัย ฉันไม่เคยบังคับน้องตัวเอง” คนขี้หวงเอ่ยบอก แต่ถึงจะหวงขนาดไหน เขาก็ไม่เคยขัดใจน้องสาวได้เลยสักครั้ง ถ้าพราวมุกชอบเพื่อนของเขาจริง เขาก็จะไม่ขัดขวาง แต่จะคอยดูอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ หากมีอะไรเกิดขึ้นจะได้ช่วยเหลือได้ทัน คนเป็นพี่อย่างเขาไม่ได้หวังอะไรมากมายในชีวิต ขอแค่น้องสาวมีความสุข แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
“รู้แล้วน่า ฉันรักพราวจริงๆ แต่ถ้าน้องนายไม่รักไม่ชอบฉัน ฉันก็ไม่บังคับใจใครหรอกว่ะ งั้นแค่นี้ก่อนนะ” ตรัยเคาะนิ้วไปมาอย่างใช้ความคิด เขาอาจจะยอมถอยออกมาก่อน แต่ใช่ว่าจะถอยตลอดไป คนอย่างเขาทำอะไรมีแผนการ และรอบคอบเสมอ บางทีนี่อาจจะเป็นบทพิสูจน์ตัวเขา ให้พราวมุกได้เห็นว่า เขารักเธอคนเดียว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนไหน
ระยะเวลาอาจจะทำให้อะไรๆ ดีขึ้น ในเมื่อตอนนี้พราวมุกเองยังไม่มีใคร เขาก็ยังมีความหวัง
“เออๆ เดี๋ยวพาไปกินเหล้า” พายัพรีบพูดเอาใจเพื่อน นึกเห็นใจตรัยอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าให้เขาเลือกระหว่างเพื่อนกับน้อง เขาก็ต้องเลือกน้องสาวที่คลานตามกันมาอยู่แล้ว
“กินทำไมวะ” ตรัยถามกลับ
“แก้อกหัก” พายัพตอบแล้วหัวเราะ
“เออๆ นายต้องเลี้ยงนะเว้ย ฉันเป็นหม้ายขันหมากแบบนี้ พวกนายต้องช่วยปลอบใจ” ตรัยพูดติดตลก ทั้งๆ ที่ใบหน้าเครียดเขม็ง ในสมองขบคิดแผนการมากมายเต็มไปหมด
“บ้าแล้ว! ยังไม่ได้สู่ขอ จะเป็นหม้ายขันหมากได้ยังไงวะ” พายัพหัวเราะลงลูกคอ แต่โล่งใจที่เพื่อนเข้าใจและไม่คิดจะเซ้าซี้ให้น้องสาวของเขาต้องรำคาญใจ ถ้าเป็นแบบนั้นเขานี่แหละจะขัดขวาง ในเมื่อตอบว่าไม่ ก็คือไม่ เขาเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ไม่พูดมากไร้สาระ
ตรัยวางโทรศัพท์จากเพื่อนรักก่อนจะเคาะนิ้วไปมาบนโต๊ะทำงานของตัวเองอย่างครุ่นคิด เขารู้ดีว่าพายัพหวงน้องสาว แต่เขารักจริงหวังแต่ง ตอนนี้ คงต้องทำให้ใครๆ ตายใจไปก่อน แล้วค่อยรุกทีเดียว เขาคงต้องทำตัวกลมกลืนและสนิทสนมกับพราวมุกเหมือนเคย
บางครั้งการทำตัวเหมือนก่อนก็ดีกว่าทำให้เธอรู้สึกอึดอัดและตีตัว ออกหากจากเขา...
“จริงเหรอคะพี่ตรัย ทำไมมีปัญหาแบบนี้ แต่พี่พายไม่เคยบอกพราวเลยล่ะคะ” พราวมุกฟังตรัยเล่าปัญหาของพี่ชายนึกห่วงพายัพยิ่งนัก เธอรู้ว่าช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ใคร่จะดีนัก ตอนที่พายัพมาบอกเธอว่าต้องไปทำงานต่างจังหวัด เธอไม่ได้เอะใจสงสัยอะไร เพราะพี่ชายเดินทางออกบ่อย พี่ชายของเธอเปิดบริษัทรับเหมาก่อสร้าง และทำมาหลายปีแล้ว เธอเรียนหนังสือจบก็เพราะเงินจากกิจการของพี่ชายกับเพื่อนๆ ของเขา
“จริงสิครับน้องพราว ตอนนี้เรามีปัญหาเพราะเศรษฐกิจไม่ดี ข้าวของ ก็แพง นายพายจึงต้องวิ่งหางาน” ตรัยเล่าให้น้องสาวเพื่อนรักฟัง ก่อนจะถอนใจสีหน้าหมอง จริงๆ ปัญหามันไม่ได้ใหญ่โตอะไร แต่มันก็มีปัญหาเข้ามาแล้ว เพราะว่าเศรษฐกิจของประเทศย่ำแย่นัก เขาจึงต้องใช้จุดนี้เผด็จศึกให้สำเร็จ ก่อนพายัพจะกลับมา ไม่เช่นนั้นอาจไม่มีโอกาสอีก เพราะพายัพไม่เคยบังคับน้องสาวให้ต้องมาทำงานด้วย พราวมุกอยากทำอะไร พายัพตามใจน้องทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องมีแฟน ซึ่งเพื่อนของเขาอยากให้เรียนจบก่อน นั่นถือว่าเป็นข้อดี เพราะเขาจะได้มั่นใจว่าพราวมุกโสดสนิท ไม่มีผู้ชายคนไหนกล้ามาเกาะแกะ
“พราวพอจะช่วยอะไรได้บ้างคะ ทำไมพี่พายไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้พราวฟังบ้างเลย สักนิดก็ยังดี”
“ไอ้พายมันเป็นห่วงและรักพราวมากนะครับ มีปัญหาอะไรก็ไม่อยากให้พราวไม่สบายใจ” เรื่องนี้เขายอมรับว่าเขาพูดจริง พายัพมีปัญหาอะไรจะเก็บเอาไว้กับตัวหรือเล่าให้เพื่อนๆ ในกลุ่มฟัง แต่จะไม่ทำให้น้องสาวคนเดียว ไม่สบายใจเด็ดขาด
“ค่าใช้จ่ายตอนพราวเรียนก็มากนะคะ แถมเรียนจบออกมา ยังไม่ได้ทำงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันอีก พราวนี่แย่จังเลยนะคะ” พราวมุกพูดเสียงเศร้า เธอรู้ดีว่าพี่ชายรักและห่วงเธอมาก เพราะมีกันอยู่แค่สองคนพี่น้อง แต่เธออยากแบ่งเบาภาระของพี่ชายบ้าง ไม่ใช่ทำอะไรไม่เป็น เอาแต่ใช้เงินไปวันๆ
“น้องพราวแค่อย่าบอกไอ้พายก็พอว่ารู้เรื่องนี้แล้ว พี่ไม่อยากผิดใจกับมัน”
จริงๆ คือเรื่องเศรษฐกิจเป็นหลักถึงมีผลกระทบบ้างแต่ไม่มาก ตรัยไม่อยากโกหกกุเรื่องขึ้นมาหรือปั้นน้ำเป็นตัวด้วยเรื่องที่ไม่เป็นความจริงสักนิด เพราะสุดท้ายแล้วเขาต้องแสดงความจริงใจกับพราวมุกตั้งแต่แรก ไม่ใช่โกหกเป็นไฟให้เธอจับได้ทีหลัง เขาไม่อยากแก้ตัวหรืออธิบายในสิ่งที่ตัวเองทำผิดเต็มๆ
“พราวสัญญาค่ะพี่ตรัย พี่ตรัยบอกพราวมาเลยค่ะว่าจะให้พราวช่วย ทำอะไร” เธอรีบพูดอย่างกระตือรือร้น
“ระหว่างนี้ถ้าพราวจะมาช่วยทำงานที่นี่ก่อน ก็ดีนะครับ” ตรัยพูดอย่าง มีความหวัง ความหวังเล็กๆ ที่จะได้ใกล้ชิดกับพราวมุกในแบบฉบับของคนรักไม่ใช่พี่น้องเหมือนที่แล้วๆ มา
“ได้ค่ะ ให้พราวช่วยอะไรบอกมาได้เลยนะคะ ถึงพราวจะเพิ่งเรียนจบ แต่พราวก็จะตั้งใจทำงานค่ะ” พราวมุกยิ้มให้ตรัยอย่างน่ารัก สีหน้าของเธอ บ่งบอกถึงความมุ่งมั่นอย่างแท้จริง
พี่ชายบอกให้เธอพักผ่อนค่อยหางานที่ชอบทำ เขาไม่เคยบังคับเธอเลย ให้เลือกเรียนเอาตามแต่ที่สนใจจริงๆ อยากจะทำงานด้านไหนก็ไม่เคยขัด มีแต่จะสนับสนุน ถ้ารู้ว่าเขามีปัญหา เธอจะรีบมาทำงาน แทนที่จะนอนอยู่กับบ้านอย่างที่เป็นอยู่ ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกผิด