งานพิธีคัดเลือกพระชายาขององค์รัชทายาทและเหล่าอ๋องทั้งหลายเป็นไปอย่างคึกคัก สตรีชนชั้นสูงกว่าหนึ่งพันนางต่างรู้สึกตื่นเต้นและกระตือรือร้นในการร่วมงานครั้งนี้ ต่างแต่งตัวด้วยอาภรณ์ที่งดงามและสวมใส่เครื่องประดับล้ำค่าราคาแพงเพื่อมาประชันกัน ในวันนี้มีบุรุษที่จะเลือกพระชายาทั้งหมดเก้าคน ซึ่งก็คือ องค์รัชทายาท อ๋องทั้งแปด ส่วนเหล่าองค์ชายที่ยังไม่ได้ตำแหน่งอ๋องและยังทรงพระเยาว์อยู่ต้องรอจนถึงเวลาที่เหมาะสม
สถานที่จัดงานคือห้องโถงใหญ่ของตำหนักหงเป่าสือซึ่งเป็นตำหนักด้านหน้าอยู่ติดกับสวนอุทยานและเป็นที่จัดงานพิธีต่างๆของวังหลวง ฮ่องเต้และฮองเฮาเสด็จเป็นประธานในพิธี เมื่อถึงเวลาเหล่าสาวงามที่รออยู่แล้วต่างพากันตื่นเต้นอย่างออกนอกหน้าเมื่อองค์รัชทายาทและเหล่าอ๋องเสด็จเข้ามา แน่นอนว่าเป้าหมายอันดับหนึ่งของโฉมสะคราญนับพันย่อมต้องเป็นองค์รัชทายาท ใครๆต่างก็มุ่งหวังตำแหน่งไท่จื่อเฟยและต้องการเป็นฮองเฮาในอนาคต
“เอาล่ะ ได้เวลาแล้ว องค์รัชทายาทจะเป็นคนแรกที่จะทำการคัดเลือกพระชายาและนางใน” เสียงทรงอำนาจของฮ่องเต้ดังขึ้น ฮองเฮานั้นกระหยิ่มยิ้มย่องอย่างภาคภูมิใจ นางเป็นใหญ่เหนือกว่าสตรีทั้งหลายในใต้หล้า พระโอรสของพระนางก็เฉกเช่นเดียวกัน ย่อมต้องเหนือกว่าเหล่าอ๋องทั้งหลายในวันนี้ ฮองเฮาเหยียดยิ้มพลางปรายตามองเหล่าสนมชายาที่ตามเสด็จมาในครั้งนี้ด้วย สนมชายาเหล่านั้นต่างก็อยากมาดูหน้าว่าที่ลูกสะใภ้ของตน
ไป๋เฟยหลงขยับก้าวขึ้นมาด้านหน้า เขากวาดสายตามองไปจนทั่วห้องโถงใหญ่นี้ สตรีนับพันต่างยืนเรียงแถวให้เหล่าบรรดาบุรุษที่จะเลือกคู่ครองได้ชมโฉม องค์รัชทายาทหนุ่มเดินสำรวจสตรีที่ยืนเรียงรายจนครบทุกแถวแล้วเดินกลับมายืนอยู่ด้านหน้าก่อนหันไปยิ้มน้อยๆให้กับไป๋เฟยเทียน และไป๋เฟยหย่า
ฝ่ายไป๋เฟยเทียนนั้นหัวใจร้อนรุ่มยิ่งนัก เขามองเห็นจิวชุนลี่ สตรีในดวงใจของเขาวันนี้นางสวมใส่อาภรณ์สีชมพูอ่อน ประดับด้วยเครื่องประดับที่ทำจากไข่มุกแท้สีชมพูทั้งสร้อยคอ สร้อยข้อมือ ต่างหูและปิ่นปักผม ความงามของนางหากจะเทียบกับสตรีนับพัน ณ ที่แห่งนี้ เวลานี้ นับว่าโดดเด่นเหนือผู้ใด ยิ่งมองนางเขาก็ยิ่งลุ่มหลงในความงามและยิ่งรู้สึกกริ่งเกรงหากว่าไอ้องค์รัชทายาทบ้าอำนาจนั่นมันเกิดนึกชอบใจในตัวจิวชุนลี่ขึ้นมา นี่มันกฎเกณฑ์บ้าบออะไร ให้องค์รัชทายาทซึ่งเป็นน้องได้เลือกพระชายาก่อน ส่วนตัวเขาซึ่งเป็นพี่ชายใหญ่ต้องเลือกสตรีที่เหลือจากการเลือกขององค์รัชทายาทงั้นหรือ ฮ่องเต้ช่างไม่ยุติธรรม หรือว่านี่จะเป็นแผนการสกปรกของฮองเฮากันแน่ อ๋องใหญ่กำหมัดที่ซ่อนในแขนเสื้อยาวแน่น เขาได้แต่ภาวนาให้ไป๋เฟยหลงมองข้ามความงดงามของจิวชุนลี่ไป
“ข้าจะทำเช่นไรดี หากว่าไอ้องค์รัชทายาทบ้านี่มันเลือกชุนลี่ของข้า” ไป๋เฟยเทียนเริ่มหายใจติดๆขัดๆเมื่อไป๋เฟยหลงหันมาส่งยิ้มให้กับเขาอีกครั้ง
จิวชุนลี่ในชุดอาภรณ์สีชมพูอ่อนประดับด้วยเครื่องประดับไข่มุกนั้นช่างงามโดนเด่นนัก หากกล่าวว่านางเป็นที่สองของแคว้น ไป๋กว๋อก็คงจะไม่มีผู้ใดกล้าเป็นที่หนึ่ง อีกทั้งชื่อเสียงด้านความสามารถทางด้านการเล่นพิณ แต่งกลอน เขียนอักษร วาดภาพ หรือว่าเล่นหมากล้อมนั้นก็โดดเด่นไม่แพ้ใคร มีแม่สื่อพ่อสื่อนับร้อยที่แวะเวียนมาที่จวนสกุลจิว แต่แล้วต่างก็ต้องผิดหวังกลับไปเพราะนายท่านใหญ่สกุลจิว หรือว่าท่านแม่ทัพจิวนั้นได้บอกกล่าวเป็นเชิงปฏิเสธ เขาวาดหวังและเล็งเห็นว่าหลานสาวของเขาผู้นี้โชควาสนาย่อมไปได้ไกลกว่าการเป็นฮูหยินของจวนสกุลใดสกุลหนึ่ง แต่นางคือผู้ที่จะเป็นใหญ่กว่าสตรีทั้งปวงในแคว้นไป๋กว๋อต่างหากเล่า แม้ว่าท่านอ๋องใหญ่ไป๋เฟยเทียนจะพยายามสื่อความในใจว่าเขารู้สึกเช่นไรกับหลานสาวคนโปรด แต่ท่านแม่ทัพใหญ่ก็แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นและมองข้ามเขามาตลอด
“เป็นชายาอ๋องรึจะสู้เป็นชายาองค์รัชทายาท” นี่คือคำพูดที่ท่านแม่ทัพจิวพูดกรอกหูจิวชุนลี่เสมอมา เพราะเขาเองก็รู้สึกระแคะระคายว่านางอาจจะมีใจให้กับอ๋องใหญ่
หัวใจของเขาตกเป็นของนางนับแต่นาทีที่สบตากันครั้งแรก ไป๋เฟยหมิงพลันหัวใจกระตุกวูบเมื่อพลันสบเข้ากับดวงตาเมล็ดซิ่งของนาง เขาจำนางได้ดี เขาเคยพบเจอนางที่ตลาด ด้านหน้าร้านขายยาสมุนไพรชื่อดัง ตอนนั้นฝนเพิ่งหยุดตก พื้นเลยลื่น นางเสียหลักเดินชนกับเขาและเกือบจะหงายหลัง เป็นเขาที่รีบคว้าตัวนางไว้และพยุงนางไม่ให้ล้มลงไป นางอยู่ในอ้อมแขนของเขาเพียงเสี้ยวขณะหนึ่ง แต่น่าแปลกที่ไป๋เฟยหมิงกลับสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นอย่างแปลกประหลาดที่แผ่ซ่านเข้าสู่หัวใจของบุรุษผู้หนึ่ง นางมองหน้าและสบตากับเขา น่าแปลกที่นางไม่ได้มีกิริยารังเกียจเดียดฉันท์ชายอัปลักษณ์เช่นเขา นางยิ้มและกล่าวขอบคุณก่อนจะจากไป
นางคือรักแรกและรักเดียวของอ๋องแปดผู้อัปลักษณ์ นับจากวันนั้นมาไป๋เฟยหมิงได้แต่คร่ำครวญหานางในใจ ขนาดที่ว่าเขาแอบเขียนบทกลอนขึ้นมาเพื่อพรรณนาถึงความรู้สึกที่เขามีต่อนางด้วย
ถึงจะตัวคนเดียวแต่หาได้โดดเดี่ยวไม่
พระจันทร์คือเพื่อนที่ดีที่สุดของข้า
เจ้าอยู่เคียงข้างข้าทุกค่ำคืน
ตลอดเวลาที่ผ่านมาไป๋เฟยหมิงรู้สึกว่าตนเองนั้นโดดเดี่ยว เดียวดาย แต่หลังจากที่เขาได้เจอกับสตรีที่งดงามราวกับนางเซียน อีกทั้งกิริยามารยาทงดงามอย่างจิวชุนลี่ ท่านอ๋องผู้อาภัพก็รู้สึกว่าชีวิตของเขานั้นมีชีวิตชีวามากขึ้น ทุกวันตอนเช้าเขามักจะมองไปที่สวนดอกไม้พร้อมกับเขียนบทกลอนที่สื่อถึงนาง
นั่งกลางดงดอกไม้จิบน้ำชาชั้นดี
ตัวข้ายามนี้อ้างว้างนัก
แหงนหน้าขึ้นมองจันทรา
เจ้ายิ้มให้ข้า
ดวงใจนี้มิอาจรอคอย
ราตรีกาลและคืนเดือนเพ็ญจะมาเยือน
“นางเป็นผู้ใด และอีกเมื่อใดจะได้เจอนางอีกนะ” ไป๋เฟยหมิงได้แต่รำพึงรำพันในใจ แม้ว่าลึกๆแล้วเขาเองก็รู้ตัวดีว่า บุรุษที่สุดแสนจะอัปลักษณ์เฉกเช่นเขาย่อมไม่คู่ควรกับหญิงงาม แต่เขาก็มิอาจต้านแรงปรารถนาแห่งหัวใจได้ นี่แหละ…ธรรมชาติของมนุษย์
อาการที่ผิดแผกไปของท่านอ๋องแปดมิอาจรอดพ้นสายตาของคนสนิทของเขาไปได้ ลู่เฟยนั้นเป็นคนสนิทที่คอยติดตามดูแลไป๋เฟยหมิงตั้งแต่เขายังเยาว์วัย มีหรือที่เขาจะดูไม่ออก บุรุษวัยกลางคนผู้นี้ผ่านเรื่องราวของความรักมามากพอที่จะเข้าใจและดูออก
“กระหม่อมไปสืบมาแล้ว นางชื่อจิวชุนลี่ เป็นหลานสาวของท่านแม่ทัพจิวและบุตรสาวของท่านรองแม่ทัพจิวพะย่ะค่ะ นางได้ชื่อว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของแคว้นไป๋กว๋อ อีกทั้งความสามารถด้านต่างๆล้วนโดดเด่น มีบุรุษมากหน้าหลายตาต่างส่งพ่อสื่อแม่สื่อไปทาบทาม แต่ท่านแม่ทัพจิวนั้นปฏิเสธทุกคนไปอย่างไม่ใยดี สายของกระหม่อมรายงานมาว่า หนึ่งในบุรุษที่พึงพอใจนางมีท่านอ๋องใหญ่ด้วย ไม่แน่ว่าท่านแม่ทัพจิวอาจจะอยากให้นางแต่งเข้าตำหนักอ๋องใหญ่ เป็นหวางเฟยก็เป็นได้”
หลังจากฟังคำบอกเล่าของคนสนิท ไป๋เฟยหมิงก็ได้แต่ทอดถอนใจ ตัวเขาเองจะมีอะไรไปสู้กับไป๋เฟยเทียนได้ คนอัปลักษณ์เช่นเขาควรจะเจียมเนื้อเจียมตัวและอยู่อย่างเงียบๆสินะ ตั้งแต่นั้นมาไป๋เฟยหมิงก็ตั้งใจว่าจะไม่แต่งงานกับสตรีนางใด และ…ไม่มีความรัก เพราะบุรุษเช่นเขาหากมีความรัก ผลสุดท้ายก็คงมีแต่อกหักเท่านั้น