ยามเช้ามาเยือน แสงตะวันสาดส่องแรงกล้า
หมิงเยว่สะลึมสะลือขยับร่างกายไปมา ฉับพลันนั้นกลับรู้สึกเมื่อยขบและปวดร้าวที่กลางลำตัว
หือ...
หญิงสาวมุ่นคิ้ว ขยับขาอีกที ความรู้สึกปวดหนึบตรงส่วนสงวนยิ่งเด่นชัด นางเบิกตาโพลง ลุกขึ้นนั่งทันใด
“โอ๊ย!”
ช่วงล่างยิ่งเจ็บแปลบจนหลุดอุทานเสียงแหบ ยังรู้สึกได้ถึงของเหลวกรุ่นคาว ไหลหยาดจากต้นขา
หมิงเยว่เปิดผ้าห่มออก เห็นร่างตนเองที่เปล่าเปลือยมีรอยจุมพิตเต็มไปหมดและหยดเลือดพรหมจรรย์แดงชาดบาดตาเปรอะเปื้อนผสานกับน้ำคาวสีขาวขุ่น
“หา?”
พอเหลือกตามองไปเบื้องหน้า ยังเห็นบุรุษร่างใหญ่นอนเปลือยเปล่าเคียงข้าง
“หยางเจี้ยน!”
เสียงพลั่กเกิดขึ้น ตามด้วยเสียงของหนักตกกระทบพื้นดังตุ้บ
ร่างใหญ่ถูกเท้าเล็กถีบกระเด็นจนตกเตียง
“อ่า...”
หยางเจี้ยนถึงกับสร่างเมาสะลึมสะลือตื่นขึ้นมา
เขาลุกขึ้นนั่ง หันมองขวับ
เห็นฝ่าเท้าเปลือยเล็กน่ารักเต็มสองตาบนเตียงนอน
“เจ้า...เจ้ากล้าถีบข้า”
หยางเจี้ยนมองสตรีบนเตียงด้วยดวงตาพร้อมพ่นไฟ
หมิงเยว่ที่เพียรรักษาพรหมจรรย์อันบริสุทธิ์ยิ่งชีพเพื่อฝึกฝนเพลงดาบในชาติที่แล้วให้รู้สึกถึงการสูญเสียและสิ้นหวังครั้งใหญ่อย่างแท้จริงในชาตินี้
“ท่าน...ท่านขืนใจข้า...”
นางโอดครวญน่าสงสาร หอบผ้าห่มคลุมกายแน่น ร้องไห้อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
หยางเจี้ยนลุกขึ้นยืนตระหง่านหว่างคิ้วขมวดเข้ม ใบหน้าบึ้งตึง เขาเอ่ยเสียงเครียด
“มิใช่เป็นเจ้าเองที่เรียกร้องทั้งคืนหรือไร?”
“ว่า...ว่าอะไรนะ?”
หมิงเยว่กัดปากเบิกตากว้าง หยางเจี้ยนเดินมานั่งลงบนขอบเตียงด้วยสีหน้าถมึงทึงดำคล้ำไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง
เขากำลังรู้สึกเหมือนฟ้าจะถล่มลงมาตรงหน้ายิ่งกว่าสตรีผู้กำลังร่ำไห้เสียอีก
เมื่อคืนแม้เมามายแต่เขาก็จำได้ นางขึ้นนั่งบนตักเขา ขบกัดติ่งหู ซุกไซ้ซอกคอของเขาอย่างดุดันยั่วเย้ามอมเมา เขาเองที่เริ่มคิดได้ว่าไม่ควรเสียใจกับสตรีที่ตายไปแล้วผู้นั้น จึงตามใจและจัดให้สตรีตรงหน้าอย่างเต็มที่ เต็มอารมณ์
เพราะถึงอย่างไรนางก็คือภรรยาของเขา เป็นสตรีที่มองอย่างไรก็นุ่มนวลชวนถนอม และที่สำคัญนางยังตบแต่งให้เขาอย่างถูกต้องตามธรรมเนียม
การที่เขาคิดถึงสตรีอื่นเป็นเรื่องไม่สมควรนัก
ทั้งๆ ที่นางครวญครางกรีดร้องอย่างสุขสมปานนั้น แต่นางกลับกล่าวหาเขา คำว่าขืนใจช่างบาดหูนัก!
หยางเจี้ยนรู้สึกโกรธมาก!
บุรุษผู้องอาจหยิ่งทะนง ยึดมั่นคุณธรรมสูงส่งยิ่งชีพ เคยถูกตราหน้าเยี่ยงนี้ที่ใด?
หยางเจี้ยนให้รู้สึกถึงการถูกหยามเกียรติอย่างที่สุด
บุรุษเช่นเขาเคยต้องงอนง้อขอขึ้นเตียงกับสตรีที่ใด? มิใช่ว่ามีหญิงงามมากมายหมายเสนอตัวให้เขาทุกวันหรือไร?
แม่ทัพหนุ่มให้รู้สึกร้อนรุ่มอย่างประหลาด
เขาหงุดหงิดอย่างมาก
รู้สึกคล้ายม้าศึกตัวโตผงาดกล้าที่ถูกหนูตัวเล็กๆ มองว่าเป็นแค่หมูโสโครกตัวหนึ่งที่หิวโหยหื่นกระหายกินไม่เลือก
สาเหตุที่หยางเจี้ยนรู้สึกต่อเรื่องนี้ค่อนข้างรุนแรง ล้วนเป็นเพราะเขาไม่เคยปล่อยเนื้อปล่อยตัวมั่วราคะกับใคร
ความร้อนแรงที่มอบให้คือสิ่งหวงแหนอย่างยิ่ง
การที่ภรรยาไม่รู้ดินฟ้านางนี้ถีบเขาตกจากเตียง ทั้งยังชี้หน้าด่าทอว่าถูกเขาขืนใจ
นั่นจึงนับว่าเป็นการล่วงเกินกันอย่างที่สุด
สำหรับหยางเจี้ยน สิ่งหนึ่งที่ผู้คนล้วนกล่าวขานถึง คือผู้ใดก็ตามหากล่วงเกินคนอย่างเขาผู้นี้ ย่อมไม่มีจุดจบที่ดี
เตรียมตัวรับชะตากรรมจากมัจจุราชเถอะ!
ทว่าเพราะอีกฝ่ายเป็นเพียงสตรี ทั้งยังเป็นภรรยาซึ่งได้มาจากสมรสพระราชทาน ร่างสูงจึงมองร่างเล็กปราดหนึ่งด้วยแววตาอำมหิต เพียงคาดโทษจดบัญชีแค้นไว้ในใจ ก่อนผุดลุกขึ้นอย่างปั้นปึ่งเย็นชา หยิบเสื้อผ้ามาสวมลวกๆ แล้วเดินออกจากห้องหอไปอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า
ทิ้งร่างเล็กให้มองตามอย่างเหลอหลา เรียวคิ้วเหนือดวงตาขมวดแน่น ภายในใจกำลังนึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่ผ่านมา
เอ่อ...หรือว่า...
ในห้วงภวังค์ นางเสมือนเห็นร่างระหงของตนเองปีนขึ้นไปนั่งบนตักหนาแกร่งของหยางเจี้ยนอย่างทุลักทุเล
เรียวแขนกระหวัดโอบรอบลำคอเขาอย่างอาจหาญ โน้มใบหน้าคมคายเข้าหา แล้วบดจูบอย่างบ้าคลั่ง
“...”
นางเป็นฝ่ายบดขยี้กลีบปากเขาก่อนจริงๆ ด้วย
จากนั้นก็กัดติ่งหู ซุกไซ้ซอกคอ พลางปลอบประโลมพึมพึมอย่างขวัญกล้า ‘ท่านอย่าได้เสียใจไปเลยที่ต้องแต่งงานกับข้า มาเถิด สตรีเช่นข้าย่อมมีดีเหนือใคร’
หมิงเยว่สะดุ้งกับความทรงจำเฮือกหนึ่งแล้วคิดต่อ
ก่อนร่วมหอลงโลงนางยังไม่ลืมสั่งให้เขามองแค่นางก่อนกระชากเสื้อผ้าชุดเจ้าบ่าวของเขาออกจากร่างอย่างแรง สีแดงปลิวว่อนทั่วห้อง
เมื่อรู้สึกได้ถึงลมหายใจกรุ่นร้อนและเสียงคำรามแหบต่ำจากเขา นางก็ยิ่งหื่นกระหาย เสื้อผ้าของนางและของเขาหลุดร่วงไปจนหมดสิ้นเมื่อใดไม่ทราบได้
ใครเป็นผู้ถอดชั้นในออกไปก็ไม่อาจรับรู้
นางจำได้ว่าแค่กระชากเสื้อเจ้าบ่าวตัวนอก
เมื่อคืน บนตักแข็งอุ่น นางรู้สึกได้ถึงตัวตนร้อนผ่าวของเขาสัมผัสตรงท้องน้อยของนางอย่างเร้าอารมณ์มาก
ไม่นานสองเราก็รวมร่างร่วมประสานขับลำนำ บรรยากาศในห้องหอเต็มไปด้วยความเร่าร้อน ได้ยินเพียงเสียงเคลื่อนกายเสียดสีกับเสียงหอบครางสอดประสาน
เขากระชับเอวคอดขยับเอวสอบโยกบั้นท้ายชักนำ ส่วนนางก็ไม่นำพาอะไรแล้วทั้งนั้น เพียงแหงนหน้ากอดรัดบดเบียดอกอิ่มนุ่มนิ่มกับแผ่นอกแข็งแกร่งของเขาอย่างคนต้องการไออุ่นไม่รู้จักจบสิ้น
เขาจ้องหน้าแดงเรื่อของนาง มองลึกเข้ามาในแววตา นางจ้องมองโครงหน้าชัดเจนของเขา เห็นแค่ดวงตาร้อนแรงแสนเปี่ยมเสน่ห์ทรงพลังคู่นั้น มองสิ่งอื่นใดไม่เห็นแล้วทั้งสิ้น เขากอบกุมสะโพกกลมมนไว้แน่น ตรึงเต็มฝ่ามือร้อนกรุ่น เคล้นคลึงอย่างดุดันก่อนจับเอวคอดของนางแล้วยกขึ้นจากเก้าอี้ริมโต๊ะในท่วงท่าที่ยังผสานเป็นหนึ่ง จากนั้นก็จับนางกดลงบนเตียงนอน ปลายลิ้นร้อนลากไล้วนเวียนบนยอดถัน
เนินอกของนางชูชัน ในขณะที่บางส่วนของเขาก็เหยียดผงาดตั้งชันเช่นกัน
ท่ามกลางความมืดสลัวเลือนราง ท่อนขาของนางถูกเขาแยกออกจากกัน ท่วงท่าสองเรานั้นน่าอายอย่างที่สุด สองมือของนางจับท่อนแขนเปี่ยมกล้ามเนื้อทรงพลังของเขาไว้แน่น ส่วนเขาก็คุมจังหวะเร่าร้อนตอกตรึงอย่างยาวนาน
เพราะสุราเป็นเหตุโดยแท้ หมิงเยว่พึงสังเกตได้...