ห้องโถงหลักในเรือนใหญ่วันนี้มีบรรยากาศคุกรุ่นมากกว่าทุกวัน เหล่าผู้อาวุโสล้วนมีสีหน้าเครียดตึงยิ่งนัก เบื้องหน้าของพวกเขาคือซู่หลิน นางกำลังคุกเข่าอ้อนวอนฟ้องร้องขอความเป็นธรรมด้วยน้ำเสียงสั่นเทา “ฮูหยินท่านแม่ทัพช่างมีจิตใจคับแคบเหลือเกิน หลินเอ๋อร์เกิดมายังไม่เคยเจอสตรีใดเป็นเช่นนี้เลยเจ้าค่ะ” คนงามยามร่ำไห้กล่าววาจาเสียงหวานช่างเป็นภาพที่ทำให้ผู้คนทรมานใจ นางยกชายผ้าซับน้ำตาอย่างอ่อนช้อย กล่าวเสียงสั่นเครือเจือสะอื้นอีกว่า “กฎระเบียบธรรมเนียม ศีลธรรมจรรยาที่ผู้คนยึดถือปฏิบัติมาช้านาน หลินเอ๋อร์ล้วนท่องจำได้ขึ้นใจ มิคาดว่าฮูหยินน้อยสกุลไป๋จะ....” ซู่หลินจงใจกล่าวไม่จบไปเช่นนั้น คงไว้เพียงประโยคที่กล่าวถึงตน ให้ผู้คนตีความได้เองว่านางใส่ใจกฎธรรมเนียม สมเป็นกุลสตรี อันแตกต่างจากสตรีอีกคนที่ทำตัวหยาบช้า ไม่รักษากฎระเบียบอันพึงปฏิบัติ ช่างผิดแผกยิ่งนัก แม้ซู่หลินจะเข้าจวนหยางมาแค่ฐานะอน