“แอลเสิร์ฟโต๊ะ 10”
“ได้จ้า”
หลังจากกลับมาจากบ้านของราม เราสองคนก็ไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก อันที่จริงเป็นฉันซะมากกว่าที่ไม่คิดจะพูดอะไร โดนตอกหน้าไปตอนนั้นก็หมดอารมณ์ที่จะเซ้าซี้ ฉันก็ไปหาเขาตามปกติทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่ใจของฉันมันยังคงคิดถึงเรื่องนั้นวนเวียนไปมา
“มาแล้วค่ะ” ฉันมาทำงานที่บาร์กึ่งเปิดในเวลาสี่ทุ่มและเลิกอีกทีตอนตีหนึ่งกว่าๆ เพราะแบบนี้ไงพี่เอ็มถึงได้เป็นห่วงและอยากให้ฉันเลิกทำงานที่นี่ทั้งที่ได้เงินเดือนดีมาก
“น่ารักเหมือนเดิมเลยนะครับน้องแอล” ขาประจำที่มานั่งดื่มก็รู้จักฉันเป็นอย่างดีจึงฉีกยิ้มหวานๆ ให้เพื่อเป็นการตอบแทนคำชม “พี่ให้ทิปครับ”
“ขอบคุณมากๆ เลยนะคะพี่” ไหว้อย่างนอบน้อมและรับธนบัตรสีเทามาไว้กับตัว “แอลขอไปทำงานต่อนะคะ”
เพราะที่นี่มีระบบป้องกันอย่างดีเพื่อไม่ให้เด็กเสิร์ฟโดนลวนลามและที่นี่ก็ไม่มีเหตุการณ์แบบนั้นเลย ฉันทำงานที่นี่ก็ไม่ค่อยได้สนิทกับใครนอกซะจากบาร์เทนเดอร์ที่ชื่อเป้แค่นั้น
“โต๊ะ 5” ฉีกยิ้มให้กับเป้ก่อนจะเดินถือถาดที่มีวิสกี้และแก้วออกมาด้านนอก
“มาแล้วค่ะ” วางของลงก่อนจะเงยหน้าสบตากับคนตรงหน้าที่เท้าคางยิ้มให้กับฉันอยู่ แน่นอนว่ามันสร้างความดีใจให้กับฉัน
“ไงครับ งานหนักเลยเหรอ?” น้ำเสียงแหบพร่าและเซ็กซี่นิดๆ ของเขาทำให้ฉันพยักหน้ารับ
“ไม่คิดว่าเชนจะมา” ผู้ชายคนนี้ชื่อว่าราเชน ฉันเจอกับเขาที่นี่เพราะเขามาดื่มกับเพื่อนบ่อยและตอนนั้นก็เมาจนกลับไม่ได้ ก็ได้ฉันเนี่ยล่ะที่ดูแลจนสร่างเมา
“ก็มาวันก่อนแล้วไม่เจอ” เทวิสกี้ลงแก้วและยกขึ้นดื่มพลางมองนาฬิกาข้อมือ “เลิกงานแล้ว กินบะหมี่กัน”
ไม่ปฏิเสธราเชนและแน่นอนว่าเขาเปรียบเสมือนเพื่อนของฉันคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะหลังจากนั้นเขาก็ติดต่อกับฉันมาตลอดจนกลายเป็นว่าฉันมีเพื่อนเพิ่มอีกหนึ่งคน
หลังเลิกงานเวลาตีหนึ่งครึ่งฉันก็เปลี่ยนเสื้อผ้าจากยูนิฟอร์มของร้านที่เป็นเสื้อเชิ้ตสีดำสกรีนตรงหน้าอกว่า ‘Bye’bar’ ก็เดินออกมาจากร้านฉับพลันก็เจอรุ่นพี่ผู้หญิงที่ทำงานอยู่ยืนดักรอฉันอยู่
“มีอะไรหรือเปล่าคะพี่นิด” ถามออกไปเธอก็บิดตัวไปมาก่อนจะชี้นิ้วไปยังร่างสูงของราเชนที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงรถสปอร์ตเฟอรารี่สีดำ “พี่รู้ว่าน้องแอลมีแฟนแล้ว แต่กับคุณราเชนล่ะคะ เขาโสดหรือเปล่า?”
“อ๋อ ปิ๊งเชนเหรอคะ”
“น้องแอลอ่า” รอยยิ้มของฉันผุดขึ้นขณะที่เดินสวนพี่นิดไปหาราเชนที่หันมาสบตากับฉัน
“จะไปกินบะหมี่ตอนนี้ที่ไหนอะ?” ถามก่อนจะได้ขึ้นรถเพราะนี้มันก็ตีหนึ่งกว่าเกือบตีสองแล้ว
“ที่ห้องผม”
“หือ”
“ล้อเล่นน่ะครับ ก็มินิมาร์ทไง” พยักหน้ารับก่อนจะขึ้นรถของราเชนที่ขับไปส่งฉันที่บ้านแต่แวะที่มินิมาร์หน้าปากซอยบ้านของฉัน “มาแล้วครับ”
ระหว่างนั่งรถที่หน้าร้านซึ่งมีโต๊ะเก้าอี้ไว้บริการบะหมี่ถ้วยก็ส่งกลิ่นหอมโชยเตะจมูก มองน้ำที่ถูกยื่นมาและเครื่องดื่มบำรุงร่างกายที่แถมมาด้วย
“ขอบคุณนะ หิวมากเลย”
“ผมก็กะแล้วล่ะว่าแอลจะต้องหิว” เอาตะเกียบชี้มาตรงหน้าก่อนจะจัดการบะหมี่ถ้วยพร้อมกับฉัน “แล้วแฟนแอลไม่รู้เหรอครับว่าต้องทำงานหนักขนาดนี้”
มือชะงักที่กำลังจะคีบเส้นบะหมี่เข้าปาก สบตากับราเชนที่เลิกคิ้วขึ้นเพื่อฟังคำตอบ “อย่าบอกเขานั่นแหละดีที่สุด”
“ทำไมล่ะครับ อย่างน้อยก็น่าจะมารอรับแอลเวลากลับดึกๆ”
“ถ้าบอกเขา ป่านนี้ฉันคงไม่ได้ทำงานหรอก” สูดเส้นบะหมี่เข้าปากและยกถ้วยขึ้นซดน้ำ อิ่มท้องที่สุด “เพราะถ้าบอกว่าเดือดร้อนต้องใช้เงิน เขาจะโอนให้ทันทีโดยไม่ลังเล”
“ก็ดีไม่ใช่เหรอครับ?”
“ไม่ดีสำหรับฉันไง” กระดกน้ำขึ้นกรอกผ่านลำคอเกือบหมดขวดยกหลังมือปาด ริมฝีปากตัวเอง “เอาจริงไม่อยากใช้เงินเขา ถึงจะเป็นแฟนกันแต่เรื่องเงินมันไม่เข้าใครออกใคร”
“อ๋อ เข้าใจแล้วครับ”
ราเชนขับรถมาส่งฉันที่บ้านในเวลามาต่อ ซึ่งเป็นจังหวะที่พี่เอ็มจอดรถที่หน้าบ้านกำลังจะไขประตูเข้า สีหน้าของพี่เอ็มยามมองราเชนไม่ค่อยจะพอใจเท่าที่ควรฉันรู้เลยล่ะ
“พี่เอ็มนี่ราเชน เชนนี่พี่ชายฉันชื่อพี่เอ็ม”
“สวัสดีครับพี่เอ็ม” พี่ชายของฉันรับไหว้อย่างไม่เต็มใจนัก “ผมกลับก่อนนะครับ ไว้เจอกัน”
“ขอบคุณนะเชน”
ฉันเข้าบ้านมาพร้อมกับพี่เอ็มที่ปิดประตูล็อกเรียบร้อยก็ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาข้างกัน ฉันหยิบรีโมทขึ้นมาเปิดทีวีดูไปเรื่อยต้องนั่งสักพักก่อนถึงจะไปอาบน้ำแล้วนอนได้
“เมื่อกี้ใครอีกล่ะ?”
“พี่เอ็มหมายถึงเชนอ่อ”
“แล้วใครมาส่งแกเมื่อกี้ พี่ก็ถามถึงคนนั้น” ผละจากจอทีวีหันไปมองสบตากับพี่เอ็มที่แม้จะมองฉันอยู่แต่มือก็เปิดโน้ตบุ๊คได้อย่างแม่นยำทีเดียว
“ราเชนเขาเป็นเพื่อนแอล”
“เพื่อน? นอกจากมัดหมี่แล้วแกคบเพื่อนผู้ชายด้วยเหรอ” พี่เอ็มถามด้วยความมึนงง “ก็ไอ้รามมันหึงแกจะตาย”
“หึงตรงไหน เย็นชาขนาดนั้น”
พอพูดถึงรามฉันก็เบ้ปากและลุกขึ้นหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพายบ่าและหันไปมองพี่เอ็มที่เลิกคิ้วขี้นด้วยความึนงง