พูดยาวไม่ว่าแต่คำพูดต่อจากนี้ต่างหากที่ทำให้ฉันรู้สึกใจเต้นแรงเป็นบ้า ไม่ใช่เพราะว่าดีใจที่เขาเปย์ของแพงๆ ให้นะ แต่ดีใจที่รามก็เห็นฉันสำคัญและเป็นที่หนึ่งสำหรับเขา แต่ถึงยังไงฉันก็ไม่สบายใจหรอกนะที่ต้องเห็นแฟนตัวเองไม่รู้จักพอทั้งที่มีฉันอยู่ตรงนี้ทั้งคน
“ดูอะไรดีอะ” มาถึงโซนโรงหนังฉันก็มองป้ายหนังด้านบนซึ่งก็มีหนังสยองขวัญ,หนังไซไฟ,การ์ตูนและหนังรักโรแมนติกซึ่งฉันก็ไปมองคนตัวสูงที่มองโซนที่นั่งโดยไม่สนใจเลยว่าจะดูหนังเรื่องไหน
“วีไอพี”
“สองที่นะคะ” พนักงานสาวกดไปยังโซนวีไอพีก่อนจะสบตากับฉัน “ดูเรื่องไหนดีคะ?”
“ดูอะไรดีอะราม”
“ไม่รู้” ไม่น่าถามความเห็นจากเขาเลยนะ เพราะรามเดินตรงไปยังเคาน์เตอร์เพื่อซื้อน้ำกับป็อบคอร์น
“ตอนนี้เรื่องไหนดูเยอะสุดคะ?”
“ก็จะเป็นการ์ตูนอนิเมชั่นค่ะ” คิดหนักมากจนฉันตัดสินใจที่จะดูหนังได้แล้ว
“งั้นหนังสยองขวัญค่ะ” ปกติฉันไม่ค่อยดูการ์ตูนและรามเองก็เช่นกัน ส่วนหนังรักโรแมนติกที่คู่รักมักจะชอบแต่ไม่ใช่คู่ของฉันกับเขาไงล่ะ
“ห้านาทีหนังฉาย เชิญเข้าด้านในได้เลยค่ะ”
พยักหน้ารับก่อนจะเดินไปหยุดข้างรามเกียรติ์ที่ถือแก้วน้ำขนาดบิ๊กไซค์ไว้พร้อมกับป็อบคอร์น “หนังฉายแล้ว”
“อีกห้านาที” ยื่นตั๋วให้พนักงานเขาบอกโรงที่ 5 ฉันก็ยื่นมือไปตรงหน้ารามงมองฉันอย่างไม่เข้าใจ “ช่วย”
“ไม่ต้อง”
เราสองคนเดินตรงเข้ามาในโรงหนังซึ่งเปิดไฟอยู่ หน้าจอก็มีโฆษณาคั่น รามเดินนำฉันไปยังโซนวีไอพีที่อยู่บนสุดของที่นั่งและตรงนี้มีแค่เราสองคนเท่านั้น ส่วนในโรงหนังก็มีแค่ฉัน รามและผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่แถวสองนับจากด้านล่างกับผู้หญิงสองคนที่นั่งริมสุดแถวที่สี่
“ทำไมคนน้อย”
“นั่นสิ” อันที่จริงฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าทำไมคนถึงน้อย “รอบสุดท้ายหรือเปล่า”
“เลือกหนังอะไร?” รามถามขณะดูดน้ำอัดลมพร้อมกับวางถังป็อบคอร์นไว้ที่ข้างตัวเพื่อให้ฉันได้หยิบกินได้ง่าย
“หนังสยองขวัญ”
“...” สายตาของเขาทำให้ฉันชะงักมือที่จะเอาป็อบคอร์นเข้าปาก
“ทำไมอะ”
“เรื่องอื่นมีเยอะแยะ”
“กลัวอ่อ” ถามกลับด้วยรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์พลางเอานิ้วจิ้มที่แก้มเขาเบาๆ “จริงอะ”
“เงียบ”
“เฮ้ย รามกลัวผี” ตวัดมามองด้วยสายตาไม่พอใจก่อนจะหันไปมองหน้าจอตามเดิมซึ่งไฟในโรงหนังก็ดับลงจนเหลือแค่จอที่กำลังจะฉายหนังสยองขวัญเรื่อง ‘ผีห้อยหัว’ แน่นอนว่าฉันขอให้ทุกคนอย่าวผวนเป็นอันขาด!
ระหว่างที่รอหนังฉายขึ้นจอดำและตัวอักษรสีแดง ฉันจึงสะกิดไหล่รามที่หันมามองฉันด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง แต่ฉันดันเห็นถึงแววตาที่ดูลุกลี้ลุกลนยังไงบอกไม่ถูกและอาการแบบนี้ทำให้ฉันยิ้มขำในใจ ตบลงที่ไหล่ซ้ายตัวเองเบาๆ
“กลัวก็ซบที่ไหล่พี่ได้นะน้อง”
“ตลก”
“บอกไว้ เผื่อคนแถวนี้ต้องการไหล่ไว้พักพิงเวลาผีโผล่!”
พอแกล้งรามเสร็จฉันก็หันไปจ้องจอหนังแน่นอนว่าฉันผ่านการดูหนังผี หนังสยองขวัญมามาก ทว่าเรื่องนี้กลับทำให้ฉันขนหัวลุกตั้งแต่ต้นเรื่องจนถึงกลางเรื่อง ที่ปากดีกับรามไว้ว่าผีโผล่ให้พิงซบไหล่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าฉันกลัวจนต้องหลับตาลงและเอนหน้าซบกับไหล่ของเขา
“หึ”
“อย่าขำนะ” ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอจำต้องเงยหน้ามองสบตากับเขาที่มองอยู่ก่อนแล้ว “ตอนผีห้อยหัวมาแบบไม่ทันตั้งตัวอะ คิดว่าจะมาตรงนี้อุตส่าห์ทำใจแต่ดันไปโผล่อีกที”
“เลิกพูด”
“แต่ว่าน่ากลัวตรงที่พระเอกเข้าไปในห้องแล้วผีโผล่ห้อยหัวลงมาอะ” พูดไปก็ลูบแขนตัวเองไป สายตาก็จับจ้องมองจอตรงหน้าที่เนื้อเรื่องกำลังเข้าใกล้ถึงตอนจบแล้ว
“แอล”
“ถ้าไม่ดูจนจบก็เสียดายเงิน เพราะงั้นทนดูให้จบอะเนาะ” ดูน้ำอัดลมแต่พอมานึกขึ้นได้ว่ารามเรียกชื่อ จึงหันไปมองก็พบกว่าเขามองฉันอยู่ก่อนแล้ว “เรียกทำไม...!”
ไม่ทันได้ฟังคำตอบจากเขา ริมฝีปากแดงคล้ำแต่ร้อนมากประทับลงมาที่กลีบปากของฉัน แน่นอนว่ามันสร้างความตกใจให้อย่างมากกระพริบตาถี่รัวเมื่อเขาผละจูบออกไป
“จะได้เลิกกลัว”
แบบนี้ก็ได้เหรอ?
เมื่อดูหนังเสร็จเรียบร้อยรามก็ขับรถมาถึงคอนโดเขาในเวลาต่อมา ฉันถอนหายใจเมื่อเข้ามาในห้องก็พบว่ามันรกรุงรังแบบสุดๆ โยนถุงกระเป๋าที่รามซื้อมาให้ลงบนเตียงและเท้าเอวมองร่างสูงที่ถอดเสื้อและกางเกงออกจนเหลือแค่บ็อกเซอร์ตัวเดียวเท่านั้น “ทำไมห้องรกแบบนี้”
“เธอไม่มา” หันมามองฉันและหยิบผ้าขนหนูพาดไหล่ “เลยรก”
“เฮ้อ” ถอนหายใจและหยิบเสื้อ กางเกงและของใช้ต่างๆ ลงตะกร้า “หิวเปล่า จะได้ทำให้”
“ไม่”
เสียงประตูห้องน้ำถูกปิดลงฉันก็จัดการห้องนอนของรามให้สะอาดหมดจดทั้งที่ก่อนหน้านั้นมันจะเละเทะไปหมด เหงื่อเต็มตัวไปหมดแม้จะเปิดแอร์จนเย็นตามที่รามชอบ เขาก็อาบน้ำออกมานุ่งแค่ผ้าขนหนูสีน้ำเงินผืนเดียวพันเอว
“ไปอาบน้ำ” วางมือบนศีรษะฉันและเดินไปหยิบซองบุหรี่ที่หน้าโต๊ะกระจก “เสื้อในตู้”
“อืม” ประตูห้องปิดลงฉันก็เปิดตู้เสื้อผ้าหยิบเอาเสื้อเชิ้ตสีเทาติดมือมาและเข้าห้องน้ำ จากนั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นหน้ากระจกฉับพลันรอยยิ้มก็ผุดขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ยามที่หยิบแปรงที่มียาสีฟันบีบไว้เรียบร้อยแล้ว “น่ารักจริงๆ”
ปกติรามจะเป็นคนที่เนือยและพูดได้น้อยมากๆ ทำเหมือนไม่สนใจแต่จริงๆ เขาก็สนใจฉันอยู่ตลอดจนเผลอดีใจทุกครั้ง แม้ว่าเรื่องบางเรื่องของเขามันจะหนักหนาก็ตามทีแต่ฉันก็มองข้ามมันไปเพียงเพราะเขาทำสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ให้
เมื่อออกมาจากห้องน้ำ ออกมาจากห้องนอนก็กวาดสายตามองหาร่างสูงจึงเห็นผ้าม่านปลิวไหวตามแรงลมสาวเท้าไปจึงเห็นแผ่นหลังกว้างที่มีรอยสักตรงหัวไหล่ซ้ายเป็นคำว่า L ตัวใหญ่กับคำว่า R ที่อยู่คนละฝั่ง อันที่จริงฉันไม่รู้ถึงความหมายก็เลยไม่คิดถาม
หมับ
“อะไร?” ตกใจที่ฉันกอด รามก็หันมามองฉันด้วยสีหน้าไม่พอใจแต่ก็เบือนหน้าหนีมองวิวตรงหน้าริมฝีปากแดงคล้ำก็พ่นควันพวยพุ่งไปตามลม
“กอดไม่ได้หรือไง” ทำเสียงไม่พอใจพลางกดจูบลงที่ท่อนแขนแกร่งและขยับตัวไปกอดเขาทางด้านหน้า ซบหน้าลงกับแผงอกตรงตำแหน่งของหัวใจที่เต้นตามจังหวะการหายใจ “คิดถึง”
“คิดถึงอะไร?” เมื่อทิ้งก้นบุหรี่แล้วก็โอบแขนที่เอวฉันทั้งสองข้าง ก้มหน้ามองฉันที่ฉีกยิ้มและจูบไปที่ปลายคางเขา
“คิดถึงรามเกียรติ์”