บทที่ 7 นางน่าเอ็นดูไม่ใช่เล่น

2269 คำ
จ้าวเฉียนยี่มองบนโต๊ะที่เหลือเพียงจานเปล่าด้วยความพอใจ ชายหนุ่มพ่นลมขึ้นจมูกประหนึ่งว่าภูมิใจที่กินไม่เหลือทิ้ง บนเก้าอี้พบร่างสตรีตัวเล็กเอนศีรษะขึ้นมือก่ายหน้าผากอีกมือหนึ่งกุมท้องป่องของตัวเองเอาไว้ หน้าเหยเกคล้ายพะอึดพะอมแต่ยังคงส่งยิ้มให้กับชายหนุ่มที่ถามขึ้นมาว่า “ถูกปากเจ้าหรือไม่” “จะ..เจ้าค่ะ” แน่นอนว่าถูกปากนาง ในเมื่อนางปรับวิธีการกินให้ตรงกับจ้าวเฉียนยี่ที่สุด ผิดก็แต่อีกคนที่ดูเหมือนจะอารมร์ดีไม่น้อยที่ได้รังแกนาง จ้าวเฉียนยี่ลอบยิ้ม วันนี้ได้เห็นนางรับบทแทนเขาปกติคนที่รับหน้าที่จัดการอาหารเหลือเป็นเขาเองวันนี้ต้องเป็นนาง แก้มขาวอมข้าวจนแก้มตุ่ยสีหน้าคล้ายร้องไห้ของนางช่างดูน่าอภิรมย์ หากแต่ตอนนี้ยังนั่งหลังเหยียดตรงเหงื่อไหลเต็มกรอบหน้า ทว่าริมฝีปากยังคงยิ้มแย้มได้อยู่จึงลองแกล้งอีกสักหน่อย “ทานเสร็จแล้วต้องล้างปากด้วยของหวานถึงจะดี” สายตาคมตวัดมองของหวานในหาบที่นำมารอก่อนแล้วราวกับสิ่งนั้นคืออาวุธใช้แกล้งนาง และหลี่ถิงถิงรู้เท่าทันรีบฉวยของหวานในจานรองออกให้พ้นมือจ้าวเฉียนยี่ “ขะ..ข้าไม่ใคร่ของหวานเท่าไหร่” “จะเอาไปไหน” คนตัวสูงเลิกคิ้วถาม ระหว่างหยัดกายขึ้นค้างกลางอากาศเมื่อมือไม่เร็วเท่าแมวขโมยข้างกาย “ให้จื่อลั่วนำไปเก็บเจ้าค่ะ” พูดจบก็เรียกจื่อลั่วเข้ามา สาวใช้ยืนปรนนิบัติใกล้ชิดได้ยืนรอเก็บถ้วยชามหน้าประตูอยู่ตามหน้าที่ จึงเดินมาหยุดหน้าประตูทางเข้าทันทีที่ได้ยินเสียงหลี่ถิงถิงเอ่ยเรียกและไม่ลืมที่จะขออนุญาตตามมารยาท เท้าจื่อลั่วเข้ามาเพียงหนึ่งก้าวจำต้องชะงักลง เมื่อเจ้าของเรือนอย่างเสนาบดีจ้าวยกมือขึ้นเป็นการห้ามเอาไว้ “คนยังไม่ได้ทาน รีบเก็บทำไม” เมื่อโดนห้ามเช่นนั้นสีหน้าจื่อลั่วไม่สู้ดีหันมาทางหลี่ถิงถิง “ทะ..ท่าน! ข้ากินไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะ หากให้กินทั้งหมดนี่อีก ท้องข้าคงระเบิดแน่” หลี่ถิงถิงคิดว่าจ้าวเฉียนยี่จะต้องส่งขนมหวานใส่ท้องนางอีกรอบ นางหรี่ตาพลางกรอกตาไปมาเป็นสัญญาณแก่จื่อลั่วให้นำอาหารออกไป จื่อลั่วเลิ่กลั่กมองคุณหนูของนางด้วยสายตาสงสัยเช่นกัน คุณหนูของนางกำลังต้องการพูดสิ่งใด..?! จ้าวเฉียนยี่ส่ายหน้า ทั้งขำและเห็นใจเมื่อเห็นทั้งนายและบ่าวส่งสายตากันไม่ลดละ อีกคนไม่เข้าใจความหมายส่วนอีกคนก็พยายามสื่อความหมายเต็มที่ “พวกเจ้าทั้งสองเล่นอะไรกัน” “!” หลี่ถิงถิงรีบหันกลับมาทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมราวกับถูกตำหนิ คนตัวโตสีหน้ายังคงเรียบนิ่งน้ำเสียงคล้ายตำหนิทว่าไม่ได้ตั้งใจตำหนินางแม้แต่น้อย พลันได้เห็นสีหน้าละห้อยของนางก็อมยิ้มขึ้นมาบางเบา “จะนำไปทิ้ง คนที่ทำขนมขึ้นมาจะไม่เสียน้ำใจแย่หรือ” “ไม่เจ้าค่ะ!” หญิงสาวตอบรวดเร็วทันควัน นางเป็นเจ้าของขนม หากจะนำไปทิ้งก็ไม่เสียดายดีกว่าปล่อยให้มันตกสู่ท้องของนางที่ตอนนี้ยังเต็มไปด้วยอาหารเกือบทั้งหมดบนโต๊ะ! ด้านจ้าวเฉียนยี่เลิกคิ้วขึ้นค้างหนึ่ง คิดไตร่ตรองชั่วครู่ก่อนจะยอมนั่งลงแล้วพูดว่า “เจ้ากังวลว่าข้าจะยัดเยียดขนมให้แก่เจ้าหรือ.. เจ้าเห็นข้าเป็นคนใจร้ายถึงเพียงนั้นเชียว” ก็ใช่หน่ะสิ!! หลี่ถิงถิงคิดในใจแต่ไม่กล้าพูดออกมา.. “เอาขนมมาเถอะ ไม่ใช่ว่ามีใครบางคนตั้งใจทำมาแต่แรกหรอกหรือ ข้าจะกินมันเองไม่บังคับเจ้าแล้ว” คนพูดราวกับล่วงรู้ว่าขนมเหล่านี้เป็นฝีมือผู้ใด หลี่ถิงถิงได้ฟัง มุมหนึ่งในใจเหมือนได้รับการปลอบประโลม ทว่าขณะเดียวกันนั้นอีกมุมหนึ่งกลับแปลกใจและต้องเก็บความหวังที่จุดประกายขึ้นมาเอาไว้อย่าได้หวังสูงเกินไป “ชะ..เช่นนั้นก็ ทานให้เยอะนะเจ้าคะ” “อืม” ดวงตาคมกล้าเปรยมองดวงหน้าเล็กละมุนครู่หนึ่ง มุมปากกดลึกจนดูไม่ออกว่ากำลังยิ้มอยู่ จ้าวเฉียนยี่จำวิธีการทำขนมของนางได้ ขนมแต่ละอย่างจะมีลักษระคล้ายดอกไม้และแต้มสีแดงไว้ตรงกลางทุกชิ้น แต่ละชิ้นล้วนพิถีพิถัน มื้ออาหารวันนี้เป็นวันที่มืดค่ำที่สุดในชีวิตของจ้าวเฉียนยี่ได้จบลง หลังบ่าวใช้ได้เติมน้ำอุ่นจนเต็มถังชายหนุ่มตั้งใจแช่น้ำชำระกายหลังจากมีเรื่องเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน ขายาวก้าวเดินไปยังอีกห้องหนึ่ง ทว่าหางคิ้วกลับกระตุกขึ้นเรื่อย ๆ เดินหนึ่งก้าวก็ได้ยินเสียงเท้าเล็กกระทบพื้นไม้หนึ่งหน ก่อนจะถอนหายใจออกมาและหยุดฝีเท้าลง ส่งผลให้ร่างเล็กที่เดินตามมาแต่แรกไม่ทันระวัง หน้าผากชนเข้ากับหลังแข็งจนถอยหล่นไปถึงสองก้าวพร้อมด้วยเสียงร้องตกใจของหลี่ถิงถิง “โอ้ย..ทะ..ท่านหยุดเดินทำไมเจ้าคะ” “ข้าควรถามเจ้า เจ้าเดินตามข้ามาทำไม” จ้าวเฉียนยี่หมุนตัวกลับ ก้มลงมองคนเตี้ยกว่า ดวงหน้างามอมลมจนแก้มป่องคล้ายไม่พอใจที่ได้ยินคำถามจากชายหนุ่มตรงหน้า แน่นอนว่านางตามไปปรนนิบัติน่ะสิถามได้! นางเตรียมน้ำมันหอมไว้เสียเต็มมือเพียงนี้ดูไม่ออกหรือตาบอดหรืออย่างไร! “ปรนนิบัติสามีเป็นหน้าที่ของภรรยา สาวใช้พวกนั้นท่านไม่จำเป็นต้องพึ่งพวกนางแล้ว” หลี่ถิงถิงกล่าวถึงสาวใช้ที่ต้องคอยปรนนิบัติดูแลจ้าวเฉียนยี่ ภายในจวนสกุลจ้าวมีสาวใช้มากมายแต่สาวใช้ที่ถูกเลือกมาปรนนิบัติจ้าวเฉียนยี่นั้นดูเหมือนจะงดงามเป็นพิเศษ แน่นอนว่าความงามไม่สู้นาง แต่นางเองก็ไม่อาจปล่อยให้มีช่องโหว่ของโอกาสได้! พี่ใหญ่และพี่รองเองก็มีสาวใช้อุ่นเตียงนับไม่ถ้วน ทั้งพวกนางยินดีเสนอตัว หากตอนนี้ไม่ยอมตัดไฟตั้งแต่ต้นลมปล่อยให้มีสาวใช้ปรนนิบัติจ้าวเฉียนยี่ต่อไปมีหวังนางได้จับไข้เหมือนพี่สะใภ้ใหญ่และพี่สะใภ้รองเป็นแน่ “..หน้าที่ของบ่าวใช้ เจ้าไม่จำเป็นต้องลำบากทำแทน” น้ำเสียงเหนือศีรษะคล้ายไม่พอใจ ก่อนจะดึงของในมือหลี่ถิงถิงติดมือไปด้วย “ดะ..เดี๋ยวก่อน ถึงอย่างไรข้าก็เป็นภรรยาท่านแล้ว เรื่องเล็กน้อยเท่านี้ ไม่ถือว่าลำบากเจ้าค่ะ!” คนตัวเล็กพูดอย่างไม่ยอม เขย่งปลายเท้าขึ้นคว้ากล่องไม้ซึ่งในนั้นมีทั้งฝักสบู่และน้ำมันหอม ซึ่งกล่องไม้ที่ว่าก็ถูกคนตัวสูงกว่ายกขึ้นจนต้องกระโดดคว้าแล้วก็ไม่ถึง “ถิงถิง เจ้าพูดไม่รู้ความตั้งแต่เมื่อไหร่ ปกติฟังคำข้าตลอดมิใช่หรือ” จ้าวเฉียนยี่ขยับถอยหลังขณะที่ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มอ่อนอย่างนึกขัน ระหว่างมองหลี่ถิงถิงกระโดดตามเขามาดูคล้ายกับกระต่ายป่าดื้อรั้นก็ไม่ปาน ครั้นได้ยินจ้าวเฉียนยี่พูดเช่นนั้น ร่างบางจึงชะงัก แล้วหันกลับมาสู้หน้าที่จัดว่างดงามและหล่อเหลาถูกใจอย่างยิ่งจนแอบนึกหมั่นไส้ของจ้าวเฉียนยี่ “ข้าถูกสอนมาว่าเป็นภรรยาต้องเชื่อฟังสามีก็จริงอยู่ แต่ภรรยาท่านไม่ต้องการตบตีฆ่าฟันกับสาวใช้อุ่นเตียงหรือเหล่าอนุสามีหรอกนะเจ้าคะ” ตบตีฆ่าฟัน? นั่นนางพูดออกมาจากปากเองหรือ จ้าวเฉียนยี่พลันเงียบไปหนึ่งอึดใจ แต่หากหลี่ถิงถิงมีใจคิดในแง่ดีต่อเขาอีกสักหน่อยคงจะเห็นได้ว่าตัวเขาไม่ต้องการให้นางเหน็ดเหนื่อยและทำหน้าที่ของสาวใช้เช่นนั้น มันไม่เหมาะสมกับนาง.. “ถิงถิง วางใจเถอะ ข้าจะไม่มีเล็กมีน้อยให้เจ้าเป็นใหญ่ ข้าสัญญาแล้วว่าจะเป็นสามีที่ดีให้แก่เจ้า หากสิ่งใดที่เจ้าไม่ชอบข้าจะไม่ทำ” “...” น้ำเสียงนั้นหนักแน่นทว่าสตรีตรงหน้ายังคงนิ่งเงียบทั้งยังเลี่ยงสายตา จ้าวเฉียนยี่ไม่อาจคาดเดาความคิดของนาง จากความเงียบที่ผิดปกตินี้ทำให้ความรู้สึกร้อนรนสายหนึ่งเกิดขึ้นในจิตใจสุขุมของเขา “วัน ๆ หนึ่งเพียงวุ่นวายในหน่วยงานกลาโหมและเรื่องของเจ้าก็มากพอแล้ว เรื่องราวของสตรีอื่นไหนเลยจะมีเวลามาใส่ใจ” “...” คราวนี้สตรีตรงหน้ามีปฏิกิริยา ใบหน้าเล็กรูปไข่หันกลับมาเผชิญหน้าแล้ว คิ้วเรียวสวยเลิกขึ้นคล้ายกับสงสัยในคำพูดของจ้าวเฉียนยี่ ชั่วครู่หนึ่งที่เห็นว่าสตรีตรงหน้ามีปฏิกิริยา จ้าวเฉียนยี่ที่อยู่ ๆ เกิดความกังวลโดยไม่รู้ถึงสาเหตุพลันโล่งใจขึ้นมาเสียอย่างนั้น และรีบกล่าวต่อคล้ายแก้ตัว “ภายภาคหน้างานบ้านงานเรือนให้ภรรยาเป็นคนจัดการ บ่าวใช้ในเรือนต้องเชื่อฟังคำสั่งเจ้า สิ่งใดที่เจ้าไม่ชอบใจและต้องการปรับเปลี่ยนย่อมไม่ใช่เรื่องใหญ่” หลี่ถิงถิงที่จ้าวเฉียนยี่คิดว่าไม่พอใจนั้นยินนิ่งอยู่แท้จริงกำลังตั้งใจฟังทุกตัวอักษรทั้งยังใจเต้นแรงอย่างคนเสียอาการ บุรุษจากหลายตระกูลไม่เว้นแม้แต่ตระกูลหลี่ บุตรคนโตทั้งสองของพวกเขาก็มีทั้งฮูหยินเอกและฮูหยินรองรวมถึงอนุเรือนหลัง น้อยนักที่จะมีภรรยาเอกเพียงผู้เดียว แม้จะรักแต่ภรรยาที่ยกย้องให้เป็นที่หนึ่ง แต่ลำดับที่สองและสามที่ตามมาก็มักมาจากการแต่งงานเพื่อคงอำนาจหรือประโยชน์ร่วมกัน จ้าวเฉียนยี่บัดนี้ให้คำมั่นต่อนางว่าจะไม่รับภรรยารองเข้าจวนหรือมีอนุเรือนหลังนั่นเท่ากับว่าเขายอมอ่อนลงให้นางอย่างมากใช่หรือไม่? อย่างไรก็ตามใจคนเรานั้นไม่แน่นอน วันนี้พูดอย่างวันหน้าพูดอย่าง นางไม่ควรคาดหวังมากจนเกินไป “..ท่านอาจไม่รู้ตัว แต่วาจาของท่านช่างเป็นการทำให้สตรีลุ่มหลงนัก” “ข้าไม่..” จ้าวเฉียนยี่ครุ่นคิดว่าประโยคใดของเขาถึงเป็นการชักนำให้สตรีลุ่มหลงกันแน่.. หลี่ถิงถิงยกยิ้มกรุ้มกริ่ม นัยน์ตาเป็นประกายเจิดจ้าระหว่างคิดบางสิ่งอยู่ในหัว เท้าเล็กก้าวเข้ามาประชิดตัวร่างสูงฉับพลัน เขย่งปลายเท้าขึ้นสุดตัวเพียงพอให้ใบหน้าของนางอยู่ในระดับใบหูจ้าวเฉียนยี่เท่านั้น ก่อนน้ำเสียงหวานหยดจะกล่าวขึ้นราวกับมีเรื่องสนุกอยู่ว่า “ตัวท่านผลักไสข้าแต่กลับไม่คิดรับอนุหรือแต่งภรรยารองเข้าเรือนเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าแท้จริงแล้วท่านมีใจแก่ข้าแต่ไม่รู้ตัวหรอกหรือ” “!!” จ้าวเฉียนยี่ตาเหลือกโตกำลังจะอ้าปากแย้งคำนาง แต่ถูกนิ้วเรียวทาบลงมาบนริมฝีปากพร้อมด้วยเสียงห้ามปรามเบา ๆ หลี่ถิงถิงในตอนนี้ยิ้มพริ้มพรายดูเจ้าเล่ห์และงดงามจนตาพร่า ในระหว่างช่วงหนึ่งลมหายใจ หญิงสาวรีบเขย่งตัวอีกครั้งฝังริมฝีปากลงข้างแก้มสากเร็ว ๆ หนึ่งที ก่อนจะยอมถอยหลังออกมา ใบหน้ายิ้มแย้มมองคนตัวโตกว่าที่ยืนนิ่งเป็นหินคล้ายคนสติหลุด “ให้รางวัลที่ท่านพูดจาเข้าหู ส่วนวันนี้สามีเขินอายข้านักต้องใช้เวลาสักพักปรับตัวให้ชินกับการดูแลของข้า จึงยอมถอยให้ท่านมีเวลาทำใจสักหนึ่งคืน แต่หลังจากนี้ข้าไม่รับปากแล้วนะว่าจะยอม” “ใครเขินอายเจ้ากัน..” เสียงทุ้มที่พูดออกมานั้นเบาหวิวเสียจนแทบไม่ได้ยิน ขณะที่ใบหน้าคมคายเลือกหันไปมองอีกทางไม่ยอมสบสายตาสว่างสดใสของสตรีตรงหน้า “ดึกแล้วท่านชำระกายให้ไวเถอะ แช่น้ำนานประเดี๋ยวจะจับไข้เอาได้ หากท่านไม่รีบเข้าไประวังข้าเปลี่ยนใจล่ะ” ไม่พูดเปล่ายังแกล้งหยอกเขาด้วยการจะเดินเข้าบานประตูไปด้วยอีกคน จ้าวเฉียนยี่ทันดึงรั้งแขนนางเอาไว้ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงคล้ายตำหนิ “เหตุใดบุตรสาวขุนนางอย่างเจ้าถึงอยากจะแย่งหน้าที่บ่าวใช้ถึงเพียงนี้ กลับไปนั่งรอข้าอย่าดื้ออย่าซน หากสาวใช้เหล่านั้นจะเข้ามา ก็ให้บอกแก่พวกนางไปว่าธุระของข้าข้าจะจัดการด้วยตัวเอง ตกลงหรือไม่” “ได้หรือเจ้าคะ” หญิงสาวเลิกคิ้วถาม และออกจะแปลกใจด้วยซ้ำที่ครั้งนี้นางไม่ต้องหว่านล้อมอะไรมากมายเช่นครั้งก่อน ๆ “ได้สิ” จ้าวเฉียนยี่ย้ำกับนางอีกครั้งเพื่อให้นางมั่นใจระหว่างจับไหล่บางให้หันหลังกลับไป ด้านหลี่ถิงถิงก็รีบตกปากรับคำพยักหน้าหงึก ๆ เดินไปนั่งรอที่ตั่งอย่างว่าง่าย ยังคงยิ้มไม่ยอมหุบดูอย่างไรก็ดูออกว่าพึงพอใจอย่างยิ่ง ทำเอาคนที่เผลอตามใจไปโดยไม่รู้ตัวถึงกับกุมขมับ พักหลังมานี้เขายอมลงให้นางมากกว่าแต่ก่อนอีกแล้วใช่หรือไม่..?
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม