นางมาร…1/2

1524 คำ
แทนตาอยากจะพูดอะไรกลับไปสักคำแต่ผัวของเธอเดินไปนู่นแล้ว และกำลังกดโทรศัพท์เรียกบริการพนักงานขับรถส่วนตัวซึ่งเขามักจะใช้บริการนี้หากดื่มเธอจึงไม่เสียเวลาจะอยู่กับสิ่งที่ไม่ได้สนใจ รีบวิ่งไปดึงแขนเขาไว้ “แทนนั่งแท็กซี่มา เดี๋ยวแทนขับเอง” ท่ามกลางผู้คนด้านนอกที่มีมากพอสมควร แม้ปุณวริทธิ์จะไม่อยากกลับพร้อมเธอ แต่เธอไม่ได้เอารถมา จะให้แยกกลับแท็กซี่ไปคนเดียวก็กระไรอยู่ เพราะยังไงก็กลับไปที่เดียวกันอยู่ดีจึงยอมเดินนำที่รถ แทนตาเอื้อมมือมาสอดนิ้วเข้ากับนิ้วมือของเขา ใจชื้นขึ้นนิดหนึ่งเมื่อเขาจะไม่ได้สะบัดออก แต่...เธอรู้สึกได้ว่ามันไม่ได้ประสานกันเหนียวแน่นเหมือนอย่างแต่ก่อน หญิงสาวกดความรู้สึกนี้ลงไป พยายามคิดในแง่ดีว่าเขากำลังโกรธ ระหว่างทางริมฝีปากหยักได้รูปเม้มสนิท ใบหน้าบึ้งตึง ตามองตรงไปข้างหน้า ไม่มีแม้แต่แวบเดียวที่เขาจะเหลือบมองเธอ แทนตาจึงเก็บปากเก็บคำเพราะตอนนี้พูดอะไรก็มีแต่จะย้อนศรกลับมาให้ตัวเองเจ็บ กลับมาถึงคอนโดชายหนุ่มก็เข้าไปทำธุระส่วนตัวให้ห้องน้ำ ไม่หันมาพูดจาใด ๆ กับเธอแม้แต่คำเดียว เธอจะถามว่าเขาอยากกินอะไรอีกไหมก็ไม่มีโอกาสได้ถาม เข้ามาในห้องอีกทีก็เห็นเขานอนหลับอยู่บนเตียง หญิงสาวเฝ้ามองเขาจากตรงนี้ ได้แต่หวังว่าพอรุ่งเช้า ทุกอย่างจะกลับมาดีเหมือนเดิม ก่อนจะมานอนอยู่ด้วยกันในวันนี้เมื่อสามปีก่อนแทนตาได้เจอผู้ชายคนนี้หน้าร้านอาหารกึ่งผับแห่งหนึ่งที่เธอไปนั่งรอเพื่อน ท่ามกลางผู้คนที่พากันออกมาหาสถานที่ผ่อนคลายในแบบที่ตัวเองชอบ แทนตายืนรอเพื่อนอยู่หน้าร้านบนฟุตพาท สายตาเธอมองเห็นผู้ชายคนหนึ่งที่โดดเด่นออกมาจากฝูงชนและเขากำลังมองมาที่เธอ ในตอนนั้นแทนตาจำความรู้สึกตัวเองได้ว่าตื่นเต้นแค่ไหนที่ได้สบตากับเขา มันไม่เหมือนคนที่บังเอิญหันมาสบตากันแต่มันเหมือนมีประจุไฟฟ้าเล็ก ๆ ปะทุขึ้นในอากาศ หญิงสาวบอกตัวเองว่าหากเขาคนนั้นเดินเข้ามาทำความรู้จักเธอจะคุยด้วย แต่หากเขาเดินเข้ามาแบบผู้ชายที่เที่ยวผู้หญิงหรือหาคน One Night Stand เธอก็ขอบาย เหมือนเขากับเธอจะมีใจที่ตรงกัน ผู้ชายคนนั้นเดินเข้ามาขอทำความรู้จักเธอแบบสุภาพแล้วทั้งคู่ก็ได้นั่งคุยกันในร้านระหว่างรอเพื่อน “ผมอยากทำความรู้จักคุณ สะดวกไหมครับ” เริ่มต้นด้วยประโยคง่าย ๆ ตรงประเด็นไม่อ้อมค้อม แทนตาในตอนนั้นก็เหมือนจะพึงพอใจในรูปลักษณ์ภายนอกของเขาอย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อนจึงตัดสินใจไม่ยากว่าจะทำความรู้จัก ตอนแรกก็เหมือนคนอื่นทั่วไปที่นัดวันไปเดตทำความรู้จักเบื้องต้น หลังจากนั้นความสัมพันธ์ก็ยืดยาวเรื่อยมา หญิงสาวไม่ได้เรียกร้องสถานะอะไรจากเขา เธอพอรู้ว่าฐานะทางสังคมของเขาอยู่ในระดับไหน เขามีนามสกุลตรงกับตระกูลที่มีชื่อเสียงเธอไม่สนใจว่าเขามีส่วนในการดูแลในสายงานไหนของธุรกิจเครื่องดื่มระดับประเทศ นั่นไม่ใช่ประเด็นที่เธอสนใจ แทนตาไม่ได้คาดหวังว่าในอนาคตเธอจะสร้างครอบครัวแบบสมบูรณ์ มีพ่อ แม่ลูก กับผู้ชายคนนี้ ยังไม่ได้คาดหวังไปไกลขนาดนั้น การมีลูกสำหรับเธอคือการมีห่วงสารพัด เธอแค่อยากอยู่กับใครสักคนเป็นคนที่เธอรักได้ตลอดไปก็พอแล้ว แทนตาสอดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับเขาแทนที่จะรู้สึกอบอุ่นอย่างที่เคยเป็นมา เธอกลับรู้สึกเหมือนนอนอยู่ใกล้ภูเขาน้ำแข็ง ตั้งแต่เมื่อไรนะที่สายตาของเขาที่มองมาเริ่มเย็นชาขึ้นทุกที เขาไม่เคยมีความคิดจะอยู่กับเธอ ไปตลอดชีวิตตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เรื่องจะยกย่องเธอในฐานะ ‘เมีย’ นั้นไม่เคยมีอยู่ในสมอง ในขณะที่อีกฝ่ายอยากหยุดทุกอย่างลงแค่นี้ อีกฝ่ายกลับมีความคิดตรงกันข้ามที่มากขึ้น จากที่คิดว่าตัวเองจะไม่รู้สึกหึงหวงก็เริ่มทนไม่ได้ถ้าเห็นเขาอยู่ใกล้ชิดกับผู้หญิงคนอื่น เธอเองก็ปวดใจกับความสัมพันธ์แบบนี้ที่ไม่รู้จะยื้อต่อไปได้นานแค่ไหน เช้าวันต่อมาแทนตาตื่นก่อนเขาและมาเตรียมอาหารเช้าไว้รอเขาเหมือนเช่นเคย เมื่อปุณวริทธิ์เดินออกมาในชุดที่เตรียมพร้อมออกไปข้างนอกคนที่ยังอยู่ในชุดอยู่บ้านก็เลิกคิ้วถาม “รู้สึกแฮงค์มั้ย จะรับกาแฟดำหรือซุปไก่ดี แทนจะได้จัดให้” “ไม่ต้อง” กระแสเสียงติดห้วน สายตาหญิงสาวจึงไล่มองการเลือกชุดเสื้อผ้าของเขาแล้วถามอีก “จะออกไปไหนคะ วันนี้วันเสาร์นี่คะ ไม่ได้เข้าออฟฟิศไม่ใช่เหรอ” “ไม่ต้องถามซักครั้งจะได้มั้ย มันน่าเบื่อ” นอกจากน้ำเสียงไม่น่าฟังแล้ว สีหน้าของปุณวริทธิ์ยังแสดงให้เห็นว่า ‘เบื่อ’ “อ้อ ตอนนี้คุณเบื่อฉันแล้ว ถึงพูดออกมาได้เต็มปากเต็มคำขนาดนั้น” เธอถอดผ้ากันเปื้อน เดินหน้าถมึงทึงมาจ้องหน้าเขา ท่าทางแบบนั้นยิ่งทำให้ผู้ชายที่ชอบเห็นอะไรสวย ๆ งาม ๆ สบายตายิ่งรำคาญ “พอสักทีเถอะ” “อะไรพอ” “ก็จบกันไง ต่างคนต่างไป ต้องการเท่าไหร่ ล้านนึงพอมั้ย” ปุณวริทธิ์เสนอเงินให้เธออย่างหมดความอดทน มองคนที่ยืนตัวสั่นน้ำตาคลอเบ้าอยู่ตรงหน้าอย่างเฉยชา จริง ๆ ถ้าเขาจะไม่ให้อะไรเธออีกแม้แต่บาทเดียวชีวิตที่เหลือของแทนตาก็คงไม่ลำบาก เพราะที่ผ่านมาตลอดสามปีเขาดูแลเธอไม่ขาดตกบกพร่องทั้งเรื่องกินอยู่และเงินทอง เขารู้ว่าเธอเป็นคนรู้จักเก็บเงิน และเชื่อว่าตอนนี้เธอมีเงินเก็บอยู่พอสมควร แต่ก็นั่นล่ะ อย่างน้อยก็ควรให้เธอติดกระเป๋าไปเพิ่ม “นี่คุณต้องการแบบนั้นจริง ๆ เหรอ” ชายหนุ่มเมินหน้าไปพ่นลมหายใจออก ไม่อยากเห็นหยาดน้ำตาที่ไหลรินออกมา ไม่ใช่ว่ากลัวว่าตัวเองจะใจอ่อน แต่มันน่าสมเพช “จริง” “ไม่นะ แทนยังไม่พร้อม” “ไม่พร้อมในเรื่องอะไรฉันจะได้จัดการให้พร้อม ถ้าต้องการเงิน ฉันจะจ่ายเพิ่มให้อีกสามล้าน” โธ่เอ๊ย ถ้าหากไม่รักสักนิด ไปตั้งแต่ล้านแรกแล้ว ไม่รอให้ถึงสามล้านหรอก จะรีบใส่ปีกใส่หางบินหนีออกทางหน้าต่างกลับดินแดนหิมพานต์ของเธอเลยแม้แต่บ่วงนาคบาศที่พรานบุญขอยืมมาจากท้าวชมพูจิตก็จับเธอไว้ไม่อยู่ “ทำไม” หญิงสาวถามเสียงอ่อน แววตาเว้าวอนเข้ามาสอดมือรอบเอวสอบ ยังไม่ทันได้ซบหน้าลงไปก็ถูกมือแกร่งจับข้อมือแล้วดันตัวเธอออก ถ้าทำได้ตอนนี้เขาคงอยากจะดันเธอออกไปจากชีวิตทันทีมากกว่า “รังเกียจกันขนาดนี้ เมื่อคืนกับยัยนั่นคงไปถึงไหนต่อไหนกันแล้วล่ะสิ” “ก็แล้วแต่จะคิด คิดได้เท่านี้ก็คิดไป” เขาไม่ชอบให้ใครมาพูดประชดประชันในอะไรทำนองนี้ มันดูไม่มีหัวคิดและงี่เง่า แทนตาตั้งสติ ถอนสะอื้นเฮือกสุดท้ายเก็บความรวดร้าวคืนลงไปแล้วเปลี่ยนเป็นฉีกยิ้มกว้างจนถึงดวงตาให้เขาใหม่ จนชายหนุ่มเริ่มคิดว่าเธอน่าจะมีอาการไบโพลาร์ “ตอนนี้คุณออกไปข้างนอกก่อนก็ได้ เผื่อคุณจะใจเย็นลงแล้วเปลี่ยนความคิด แทนรู้ว่าพักหลังมานี้แทนอารมณ์ร้อน หงุดหงิดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน คุณออกไปข้างนอกก่อนนะ ไปเถอะ จะไปไหนก็ไปเถอะค่ะ” เป็นเธอเองที่ดันหลังให้ชายหนุ่มเดินออกประตูไปด้วยรอยยิ้มที่ปนคราบน้ำตา แกล้งยิ้มหัวเราะไปแบบนั้นหลอกตัวเองว่าเขาพูดเล่นทั้งที่ท่าทางทุกอย่างของเขาแสดงออกชัดเจนว่าไม่ต้องการเธอแล้ว ชายหนุ่มเดาอารมณ์เธอไม่ออก และไม่อยากคิดเรื่องไร้สาระ ยิ่งเธอเป็นแบบนี้เขายิ่งไม่ต้องคิดอะไรเยอะหากจะจบกับผู้หญิงคนนี้ ออกไปหาอะไรที่มันเจริญหูเจริญตาข้างนอกดีกว่า
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม