“เจ้าบอกว่าซูหลินเป็นลม? ” เสียงทุ้มถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ
“ใช่ขอรับ ฮูหยินเป็นลมไปกว่าสองชั่วยาม หลังจากที่นายท่านออกมาขอรับ"
“นางเคยแสแสร้งแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วน ช่างไม่รู้จักอับอายเลยจริงๆ ต่อไปเจ้าไม่จำเป็นต้องรายงานเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ของนางให้ข้าฟัง แค่คอยจับตาดูนางเอาไว้ก็พอ ต้องจับตาดูอย่าให้นางเข้าใกล้เจียวเจียว”
ฉางคงเหม่อมองไปที่ประตูห้องหนังสือ นึกถึงท่าทีของหญิงสาวในวันนี้ แล้วก็รู้สึกแปลกใจ เขาไม่เคยเห็นนางมีดวงตากระจ่างใสอย่างเช่นในวันนี้ ในตอนที่เขาตำหนิ นางก็ไม่โต้เถียงโวยวาย มันทำให้เขารู้สึกแปลกใจจริงๆ
ด้านของซูหลินในตอนนี้นางกำลังทบทวนเนื้อเรื่องในหัว กลัวว่าจะพลาดจุดสำคัญไป
อีกหนึ่งเดือนคนจวนของเสนาบดีจะถูกประหาร ดังนั้นต้องรีบไปเตือนคนบ้านนั้นให้รีบเตรียมการป้องกัน
ส่วนพระเอกของเรื่องจะเจอนางเอกในตอนที่ไปคุมทัพออกรบในครั้งนี้ นางจะต้องหาทางสงบศึกกับอีกฝ่ายก่อน
การจะทำให้ชายหนุ่มตกหลุมรักเจ้าของร่างนี้ นางรู้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ ยิ่งในระยะเวลาสั้นๆ คงเปลี่ยนความรู้สึกของเขาไม่ได้แน่นอน
อย่างแรกในตอนนี้นางต้องเข้าไปดูแลลูกสาวของตัวเองให้ได้ก่อน ตอนที่ยังอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า นางเคยช่วยเลี้ยงน้องๆ มาก่อน สำหรับเรื่องการเลี้ยงเด็กสามขวบ ซูหลินคิดว่าสบายมาก
เด็กในวัยนี้ต้องการความรักความเอาใจใส่จากมารดามากที่สุด นางต้องพิชิตใจเด็กน้อยได้อย่างแน่นอน
เมื่อคิดแล้วก็ต้องรีบลงมือทำ นางพยายามเลือกชุดที่คิดว่าดูดีที่สุด แต่ใส่เท่าไหร่ก็ใส่ไม่ได้ ชุดจีนโบราณแบบนี้มันดูไม่คุ้นเคยจริงๆ ซูหลินจึงเรียกเสี่ยวเถาที่ยืนรออยู่ข้างนอกเข้ามาแต่งตัวให้
เมื่อลองไปยืนส่องกระจกทองเหลืองดูแล้วก็พบว่าหน้าตาของเจ้าของร่างสวยมากเลยทีเดียว เอวเป็นเอว นมเป็นนม ไม่รู้ว่าทำไมพระเอกของเรื่องถึงไม่ชอบกันนะ?
ต้องเป็นเพราะนิสัยที่เลวร้ายของเจ้าร่างแน่ๆ เขาถึงกล่าวกันว่า ต่อให้งามสักแค่ไหนแต่ถ้านิสัยเลวทราม ความงามก็จะถูกลดทอนลง...
“ข้าอยากเจอเจียวเจียว พวกเจ้าขวางทางทำไม” ซูหลินถามอย่างไม่พอใจที่หน้าเรือนพักของเด็กหญิง ท่านแม่ทัพแยกลูกสาวของตัวเองออกมาอยู่อีกเรือนเพื่อป้องกันไม่ให้นางทำร้ายลูก
ต้องโทษเจ้าของร่างเดิมที่มีนิสัยชั่วร้าย ไม่มีใครเชื่อแน่ๆ ว่านางจะเข้าไปหาลูกด้วยจิตใจอันบริสุทธิ์
“ขออภัยฮูหยิน...นี่เป็นคำสั่งของท่านแม่ทัพ บ่าวไม่กล้าขัดคำสั่ง”
“เอาเถอะ ข้าจะไม่ทำให้เจ้าลำบากใจ” หลังจากที่พูดจบแล้วนางก็เดินออกมา คิดดูแล้วถ้าจะเจอลูกให้ได้ ต้องไปพบกับท่านแม่ทัพก่อน
ในห้องหนังสือของฉางคง "นางอยากพบเจียวเจียว? " ฉางคงเอ่ยถามต้าฉีเด็กรับใช้ข้างกายอีกครั้ง เพราะกลัวว่าตนเองจะฟังผิด
“ขอรับ”
ฉางคงขบคิดถึงท่าทีของนาง ไม่รู้ว่านางจะมีแผนชั่วร้ายอันใดอีก "ให้นางเข้ามา"
ทันทีที่ซูหลินเดินเข้ามาในห้อง นางก็ได้กลิ่นเครื่องหอมเย็น ๆ พุ่งเข้ามาในจมูก เมื่อลองดมไปสักพักก็รู้ว่ามันเป็นกลิ่นของน้ำหมึกเขียนกระดาษ
นักเขียนเจ้าของเรื่อง เขียนให้พระเอกชำนาญทั้งการศึก พิณ หมาก แต่งกลอน คัดอักษร เขาล้วนทำได้หมด เป็นบุรุษที่สมบูรณ์แบบไปทุกอย่าง
ในห้องหนังสือถูกจัดเป็นระเบียบ ไม่ดูรกตา มีทั้งรูปวาดแขวนอยู่ที่ผนัง และมีธนูที่อันใหญ่กว่าตัวของนางตั้งอยู่ข้างๆ โต๊ะหนังสือ การตกแต่งห้องเป็นแบบเรียบๆ บ่งบอกตัวตนของเจ้าของห้อง
ขณะที่ซูหลินกำลังสำรวจห้อง ฉางคงก็มองสำรวจนางเช่นกัน ดวงตาของซูหลินในตอนนี้มันเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น นางไม่ได้แต่งหน้าหนักๆ ประโคมแป้งหนาๆ มองแล้วดูขัดตาอีกต่อไป
วันนี้หญิงสาวสวมชุดกระโปรงสีเหลืองสดใส ตอนนี้เป็นหน้าร้อน ชุดกระโปรงตัวนี้ถูกออกแบบให้มีน้ำหนักเบา มันบางมากสามารถมองเห็นน่องขาเรียวๆ ของหญิงสาว
แม้ว่าร่างกายของซู่หลินจะผอมเพรียว แต่นางก็มีทุกอย่างที่ควรมี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน้าอกที่เต่งตึงมันเด่นชัดขึ้นเพราะชุดนี้รัดเอวของนางเอาไว้จนแน่น
มันกระตุ้นความปรารถนาของเขา นางไม่ได้แต่งหน้าหนาๆ เผยผิวใสๆ ออกมา มันดูละเอียดนุ่มนวลน่าสัมผัส ดวงตากลมโตของนางเป็นประกาย ริมฝีปากเป็นสีแดงสดน่าจุมพิต ถ้านางไม่อาละวาดตลอดเวลา บางทีนางก็น่ารักน่าเอ็นดูเหมือนกัน...นี่ข้ากำลังคิดอะไรอยู่?
ฉางคงรีบสลัดความคิดลามกในใจ เขามีความคิดแบบนี้กับคนชั่วร้ายอย่างนางได้อย่างไร เป็นเพราะไม่ได้แตะต้องผู้หญิงมานานเกินไปแน่ๆ
“ท่านแม่ทัพ ข้าขอคุยกับท่านหน่อยได้ไหม เกี่ยวกับเรื่องของเจียวเจียว” นางต้องอ้อนวอนเขาเพื่อจะพบลูกให้ได้
"ลองว่ามาสิ"
“ในฐานะแม่ของเจียวเจียว ข้าไม่ควรถูกห้ามไม่ให้เห็นเจียวเจียว…” ซูหลินพูดคุยกับฉางคงอย่างจริงจัง แต่นางไม่รู้ว่าคนตรงข้ามไม่ได้ฟังนางเลย
เมื่อลมพัดเข้ามาจากหน้าต่างที่เปิดไว้ กระโปรงของซูหลินก็ปลิวขึ้นไปตามแรงลม เนื่องจากมันเป็นผ้าโปร่งบางน้ำหนักเบา เผยเรียวขานวลเนียนออกมาเล็กน้อย แม่ทัพฉางคงไม่ได้สนใจคำพูดของนางเอาแต่จ้องเรียวขาของหญิงสาวอยู่แบบนั้น
ซูหลินรู้สึกว่าสายตาของเขามองต่ำไปที่ส่วนล่างของนาง “ท่านแม่ทัพ... ท่านมองอะไร”