ตอนที่ 3 กลบเกลื่อน (3)

1079 คำ
เด็กหญิงลินลดาเอ่ยเล่าเจื้อยแจ้ว ก่อนที่ผู้เป็นมารดาบิดาจะทันได้เอ่ยทักท้วงอะไร “โดนทำร้ายงั้นหรือ” คุณย่ามะลิมีสีหน้าตกใจ ก่อนจะคลายความกังวลเล็กน้อย เมื่อสังเกตไปตามเนื้อตัวของเด็กหนุ่มแต่ไม่พบบาดแผลอะไรที่น่ากังวล ยกเว้นร่อยรอยบวมช้ำเล็กๆ สองสามแห่งบนใบหน้า “ใช่ค่ะ เค้าช่วยไล่คนที่มาขโมยผลไม้ในสวนของคุณย่าเลยโดนต่อยเอาน่ะค่ะ” เสียงใสๆ ยังเอื้อนเอ่ยต่อ เรียกรอยยิ้มชอบใจจากผู้สูงวัยที่รู้สึกเอ็นดูเด็กสาวตั้งแต่แรกเห็น ในวันหมั้นหลานสาว “งั้นหรอกหรือ” คุณย่ามะลิรับคำยิ้มๆ “เล่ย์ นี่คุณย่ามะลิของเค้าเอง และนี่ก็คุณพ่อคุณแม่ของเค้า ส่วนนั่นคุณอาอรรถกับคุณอาอร เพื่อนของคุณพ่อคุณแม่เค้านะ” เด็กสาวหันมาแนะนำคนในครอบครัวแก่เพื่อนใหม่ โดยที่ไม่ได้สังเกตสีหน้ายิ้มๆ ของคุณย่ามะลิ และคุณอรรถพลกับคุณอรนภาเลย “สวัสดีครับ” เด็กหนุ่มยกมือขึ้นไหว้พร้อมกับกล่าวทักทายทุกคนตามที่ลินลดาแนะนำ ด้วยหน้าตาเหมือนคนที่กำลังกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จะพูดอะไรออกไปก็ไม่มีจังหวะ “มาให้ป้ากอดหน่อยสิลูก ไม่เจอกันนาน โตจะเป็นหนุ่มแล้วนะเนี่ย” คุณอรนภาเรียกพัฒนะให้เข้าไปใกล้ๆ ก่อนจะสวมกอดเอาไว้ด้วยความรัก พอๆ กันกับคุณอรรถพลที่ยกมือขึ้นลูบศีรษะได้รูปของหนุ่มน้อยด้วยความเอ็นดูเช่นกัน “พี่อรเค้าบ่นหาเราทุกวันเลย เร่งลุงกับป้าให้พามาบ้านคุณย่าแทบทุกวัน” คุณอรรถพลบอกกับหลานชายคนเล็กลูกของน้องชายเสียงนุ่ม “เอ่อ คือว่า…รู้จักกันด้วยเหรอคะ” หนูน้อยลินลดาถามออกมา แม้จะแปลกใจแค่ไหน แต่ก็อยากได้ความมั่นใจว่าสิ่งที่คิดมันคือเรื่องจริง เรื่องจริงที่กำลังทำให้เธอหน้าแตกแบบที่พยาบาลต้องเบือนหน้าหนีและหมอก็คงไม่ยอมรับเย็บ “เล่ย์เป็นหลานของอาเองจ้ะหนูลิน ลูกชายคนเล็กของนายอาร์มนะครับคุณธิน คุณหญิงลัด” ทั้งหมดได้แต่พยักหน้าหงึกหงักกับสิ่งที่ได้รับรู้ คงมีแต่เด็กสาวลินลดาเท่านั้นที่นั่งหน้าตูม แถมยังจ้องเพื่อนใหม่ที่ตอนนี้นั่งยิ้มแหยๆ ส่งให้อย่างเคืองๆ โทษฐานที่ทำให้เธอต้องขายหน้าแบบนี้… ธันย์ธาดาชะงักเท้าที่กำลังเดินตรงมายังลำธารกว้างยาวที่อยู่ติดกับสวนผลไม้ ด้วยความที่บ้านเรือนไทยอยู่เกือบจะถึงเชิงเขา จึงทำให้ใกล้กับลำธารที่ทอดยาวลงมาจากภูเขาสูง ซึ่งเป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงชีวิตของคนที่อาศัยในละแวกนี้ ให้ได้รับความสะดวกในการทำมาหากินด้วยการเกษตรแบบเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งต้องอาศัยน้ำในการให้ชีวิตพืชพรรณธัญญาหารรับความชุ่มฉ่ำและอุดมสมบูรณ์ เพื่อแตกดอกออกผลสำหรับปากท้องของคนที่นี่ “ทำอะไร” เขาถาม เมื่อเห็นอิงอรกำลังสาละวนกับการแก้ปมเชือกที่มัดเรือแจวไว้อย่างขะมักเขม้น อิงอรสะดุ้งตัวโยน หลังได้ยินเสียงทุ้มที่แสนคุ้นเคยดังขึ้นด้านหลัง มือบางชะงักงันกับกิจกรรมของตน แต่ก็ไม่กล้าที่จะตอบกลับหรือแม้แต่หันไปมองอีกฝ่าย “อยากพายเรือหรือไง พรุ่งนี้คงได้พายหรอก” เขาแขวะเข้าให้ ก่อนจะแย่งลงมือทำเสียเอง โดยที่หญิงสาวได้แต่ยืนมองตาปริบๆ ไม่ถึงหนึ่งนาที ร่างหนาก็สามารถพาตัวเองไปยืนอยู่บนเรือแจวขนาดเล็กสำหรับสองคนนั้นได้ แต่ดูเหมือนจะไว้ให้ใช้ได้คนเดียวมากกว่า เพราะเธอเห็นมีราวสำหรับนั่งเพียงอันเดียว “ลงมาสิ” เขาว่าก่อนจะยื่นมือให้ เมื่อเห็นร่างบางละล้าละลัง ไม่แน่ใจว่าควรเดินไปลงเรือกับเขาหรือไม่ แต่อีกใจก็รู้สึกตื่นเต้นจนแทบจะร้องกรี๊ดๆ ให้หมดมาดสาวเรียบร้อย เพราะจะได้โอกาสอยู่ใกล้ชิดกับชายคนที่เธอตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น อิงอรเอื้อมมือไปจับกับมือหนาที่ยื่นมารอ ก่อนจะค่อยๆ ก้าวเท้าลงไปยืนประจันหน้าเขาในเรือลำเล็ก เธอนิ่วหน้าน้อยๆ เมื่อสังเกตได้ว่าราวพาดสำหรับนั่งที่แค่แถวเดียว หากต้องนั่งสองคนมีหวังไม่ใครก็ใครต้องถูกเบียดตกลงไปในน้ำเป็นแน่ “อรว่าธันย์พายคนเดียวดีกว่านะ คือเรือมันนั่งได้คนเดียวน่ะ อรไปรอข้างบนดีกว่า” “ถ้าเธอเดินขึ้นไป ฉันจะไม่พูดกับเธออีก” เขาว่าเสียงขรึม ก่อนจะนั่งลงพร้อมกับยกไม้พายมาถือไว้ในท่าที่เตรียมพร้อมจะออกแรง “ก็มันนั่งได้คนเดียว จะให้อรยืนหรือไงล่ะ…คะ” เธอขึ้นเสียง ก่อนจะใส่หางเสียงในตอนท้าย เมื่อเห็นสายตาวาวโรจน์ของเขา ชายหนุ่มกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่หญิงสาวไม่ทันได้มองเห็น ก่อนจะดึงข้อมือเรียวเล็กให้ร่างบางเซถลาลงมาทับบนตักได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ “ว้าย!” เสียงวี้ดว้ายเพราะความตกใจดังขึ้น พร้อมกับร่างเล็กในอ้อมแขนดิ้นรนเพื่อออกห่างจากคนหน้านิ่ง ที่สีหน้าดูขัดแย้งกับการกระทำเหลือเกิน “นั่งเฉยๆ อยากตกลงไปในน้ำหรือไง เดี๋ยวเรือก็คว่ำกันพอดี ดิ้นอยู่ได้” ธันย์ธาดาดุคนบนตักเสียงเข้ม ก่อนจะอมยิ้มน้อยๆ เมื่อสังเกตเห็นข้างแก้มของหญิงสาวสุกระเรื่อ ไม่รู้ว่าที่แก้มแดงนั้น เพราะความร้อนอบอ้าวของแดดลม หรือเขินอายกันแน่ ชายหนุ่มปล่อยแขนออกจากเอวบาง เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กไม่ดิ้นรนขัดขืนเหมือนตอนแรก จากนั้นจึงค่อยๆ ใช้ไม้พายกวาดวนวิดไปบนน้ำอย่างเป็นจังหวะ เพื่อให้เรือน้อยเคลื่อนลอยตัวออกจากบริเวณท่าน้ำ โดยที่มีหญิงสาวบนตักนั่งก้มหน้าหลบหลีกสายตา ที่เขาอาจจะมองเห็นว่าเธอกำลังเขินอาย แต่ไม่ว่าจะขวยเขินแค่ไหน ก็เทียบไม่ได้กับความสุขที่ทำให้ต้องแอบยิ้มกริ่ม พลางเสไปมองนู่นนี่นั่นข้างลำธาร ด้วยความเบิกบานใจ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม