กลิ่นอายรัก 5

2353 คำ
กลิ่นอายรัก 5 มื้อเช้ามีเพียงฉันและแม่นั่งกินด้วยกัน เป็นข้าวต้มหมูสับง่าย ๆ แต่อร่อยมากจนติดใจ หลังกินข้าวเสร็จฉันก็กอดหอมแม่อย่างที่ชอบทำก่อนออกไปทำงาน เพราะมัวแต่งอแงไม่ไปทำงานแม่ถึงได้ตีหน้าดุและขู่ว่าจะไม่ยอมให้เข้าบ้านหากฉันไม่ยอมไปทำงานเสียที นั่นแหละเพราะโดนขู่ถึงทำให้ฉันตัดสินใจขับรถไปทำงาน ระหว่างที่ขับรถอยู่นั้นเพื่อนสนิทฉันอย่างจิ้มก็โทรเข้ามาอย่างรู้เวลา “จิ้ม ว่าไงฉันใกล้ถึงแล้ว” เอ่ยทักเพื่อนและรีบบอกพิกัดตัวเองทันทีไม่รอให้เพื่อนได้ถาม (ผิง พี่ ๆ จะสั่งกาแฟแกเอาอะไรไหม?” มักจะเป็นแบบนี้ในตอนเช้าที่มีคนถึงก่อนก็จะถามไถ่ว่าอยากสั่งกาแฟหรือเครื่องดื่มอย่างอื่นไหม “เอาชานมปั่น” (ได้เดี๋ยวบอกพี่ ๆ ให้ แกขับรถระวังด้วยนะ) “รับทราบเจ้าค่ะ จะถึงแล้วอีกสิบนาที” บอกเพื่อนก่อนจะวางสายและตั้งใจขับรถดังที่เพื่อนเอ่ยเตือน เพราะเป็นเวลาในการเดินทางไปทำงานของใครหลาย ๆ คนรถมักจะติดเป็นแบบนี้เสมอ ดีที่ว่าที่บริษัทเริ่มทำงานตอนเก้าโมงครึ่งทำให้ช่วงเวลาในการเดินทางไม่ได้เร่งรีบมากขนาดนั้น เมื่อถึงบริษัทฉันก็หิ้วกระเป๋าทำงานตัวเองเดินเข้าไปภายในตัวอาคาร สแกนลายนิ้วมือเข้างานจากนั้นก็เดินไปรอลิฟต์ แต่ระหว่างยืนรอลิฟต์อยู่นั้นก็ไม่คิดว่าจะบังเอิญเจอเจ้านายที่เดินเข้ามาพร้อมกับแฟนของเขา “อะไรกัน ที่นี่ให้พนักงานตำแหน่งเล็ก ๆ ใช้ลิฟต์ตัวเดียวกับผู้บริหารได้ยังไง” เสียงหวานเอ่ยแซะ ไม่ได้เบาแต่ก็ไม่ได้เสียงดังมาก แน่นอนว่าฉันและพนักงานที่ยืนรออยู่สี่ห้าคนได้ยินสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นพูดแน่ ๆ พอเสียงหวานเอ่ยจบเราชาวพนักงานตำแหน่งเล็ก ๆ ก็มองหน้ากันเลิกลัก ฉันจึงค่อย ๆ ก้าวถอยห่างและเลือกที่จะเดินขึ้นบันไดแทนการรอลิฟต์ เอาจริงมันน่าเบื่อนะกับเรื่องแบบนี้ในที่ทำงาน มันรู้สึกเหนื่อยจริง ๆ แค่งานก็หนักแล้วยังจะต้องมาเจอเจ้านายหรือแฟนเจ้านายประสาทเสียแบบนี้อีก เลี่ยงได้ก็เลี่ยงดีกว่า “หน้าตาก็ดีนะแต่นิสัยฉันไม่ไหวจริง ๆ” “บอสนี่ยังไง จะคบใครก็ไม่เลือกหน่อยนิสัยแย่แบบนั้นคบไปได้ยังไง” “จริง ปกติก็ไม่ยอมว่าอะไรแต่พอแฟนพูดแค่นั้นก็มองเราดุ ๆ” เสียงพนักงานที่เดินขึ้นบันไดตามหลังฉันมาบ่นอย่างไม่พอใจและแสดงออกชัดเจนว่าหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย ยังดีที่พวกพี่เขาอยู่ชั้นสามแต่ฉันต้องเดินขึ้นไปอีกจนถึงชั้นห้านี่สิ กว่าจะถึงแผนกก็เหนื่อยหอบเหงื่อเกาะตามใบหน้า ต้องการยาดมมากเลยค่ะตอนนี้ “ตายแล้ว! ทำไมเป็นแบบนั้น” เสียงจิ้มร้องทักพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้ “ขายาดมหน่อยจะเป็นลม” บอกเพื่อนก่อนจะเกาะแขนเดินไปนั่งที่เก้าอี้ทำงานของตัวเอง จิ้มยื่นยาดมมาให้มือก็หยิบสมุดมาพัดให้ฉันไปพลาง “ไปทำอะไรมาผิง” พี่มายุหัวหน้าแผนกเอ่ยถามด้วยความตกใจเช่นเดียวกัน เมื่อเดินออกมาเจอฉันสภาพใกล้เป็นลม “หนูเดินขึ้นบันได เลยเหนื่อยค่ะพี่” “โอ๊ย ลิฟต์ก็มีพี่ล่ะอยากจะตีแกเหลือเกินผิง” พี่มายุดุ “ก็ลิฟต์พนักงานเสียนี่คะ แล้วมีแค่ของเจ้านาย...” “เมื่อเช้าพวกพี่ก็ใช้ลิฟต์เจ้านาย” “แต่ตอนหนูมาเจ้านายกับแฟนมาพอดี เขาไม่ชอบให้พนักงานใช้ลิฟต์ตัวนั้นหนูกลัวเข้างานสายเลยเดินขึ้นบันไดมาแทน” “โอ๊ย พี่เป็นลมเป็นเพื่อนเลยละกัน เอา ๆ นั่งพักไปก่อนพี่สั่งน้ำหวานมาแล้วเดี๋ยวเขาคงเอามาส่ง” พี่มายุเดินมาลูบผมเบา ๆ ก่อนจะเดินกลับเข้าห้องทำงาน ไม่นานพี่ ๆ คนอื่น ๆ ก็ทยอยเข้ามาในแผนกเพื่อเริ่มทำงาน ฉันเองก็ไม่รู้ว่าแผนกอื่นจะเป็นยังไงแต่แผนกฉันที่ทำงานร่วมกับพี่ ๆ มาทุกคนน่ารักมากเลยนะ บางอย่างที่ฉันไม่รู้พี่ ๆ ก็จะสอนและแนะนำเรื่องงานหลาย ๆ อย่างฉันรู้สึกขอบคุณมาก ๆ เลยเช่นเดียวกัน “เที่ยงนี้ไปกินตามสั่งกันไหม มีร้านเปิดใหม่” มินเพื่อนที่ทำงานในแผนกเดียวกันไถลเก้าอี้เข้ามาชวนเมื่อเห็นว่าฉันสภาพโอเคขึ้นกว่าก่อนหน้า “ไปสิ” ฉันพยักหน้าเห็นด้วย “เยี่ยม เดี๋ยวชวนพี่ ๆ ไว้เลย พี่ตองเที่ยงนี้ตามสั่งร้านใหม่ ไปไหม” มินไถลเก้าอี้กลับไปโต๊ะตัวเองพร้อมกับเอ่ยชวนพี่ ๆ ที่เดินผ่านไปมาหน้าโต๊ะเจ้าตัว “ไป ๆ แต่ก่อนอื่นแกทำบิลนี้ให้พี่ก่อนขอร้อง” พี่ตองยื่นงานให้มิน จากนั้นทุกคนในแผนกก็เริ่มเข้าโหมดทำงานของตัวเองด้วยความจริงจัง “หยุดยาวเปิดทริป นครนายกสองวันหนึ่งคืน” พี่เพชรเดินเข้ามาในแผนกในมือถือแก้วน้ำหวานหลายแก้วพร้อมกับเอ่ยชวนพวกเราที่นั่งทำงานกันอยู่ “หยุดกี่วันพี่เพชร” พี่ดาวถามต่อ พร้อมกับเดินไปเลือกแก้วเครื่องดื่มตัวเอง ฉันเองก็เดินเข้าไปใกล้พี่ ๆ เพื่อเอาชานมตัวเองเช่นเดียวกัน “หยุดสามวันเราไปสองวันพออีกหนึ่งวันพักก่อนกลับมาทำงาน” พี่เพชรบอก “เอาไงดี อยากไปนะล่องแก่ง” “จิ้ม ผิง ไปกับพวกพี่นะ ไม่ได้ไปด้วยกันนานแล้ว” พี่มายุหันมาชวน ฉันมองหน้าเพื่อนสนิทอย่างต้องการจะปรึกษา “จิ้ม...” “แกเคยบอกว่าอยากไปนี่ งั้นไปกันไหมสองวันเอง” “แกจะไปใช่ไหม?” ถามเพื่อนเพื่อความมั่นใจ “ใช่” “อื้อ ขอไปด้วย” บอกกับเพื่อนสนิท “พี่ ๆ หนูกับผิงไปด้วยนะคะ” “เยี่ยมเลย เดี๋ยวที่จัดโปรแกรมเอง สัปดาห์นี้นี่แหละเราเตรียมกันไว้เลย” พี่ท้อบอก “ค่ะพี่ ๆ” เราทั้งสองคนขานรับจากนั้นก็เดินกลับมานั่งที่โต๊ะทำงานตัวเองเพื่อทำงานต่อ ระหว่างที่ทำงานโทรศัพท์ก็มีข้อความจากแม่ส่งเข้ามาเรื่อย ๆ เพื่อบอกว่าตัวเองทำอะไรอยู่ นอกจากข้อความที่พยายามพิมพ์จะมีรูปภาพที่ถูกส่งเข้ามาในช่องแชต แม่แม่ของแอปเปิลน้อย :: แม่จัดดอกไม้สวยไหม แม่แม่ของแอปเปิลน้อย :: Sent photo ผิงกั่วน้อยของแม่ :: สวยมากเลยค่ะ ผิงกั่วน้อยของแม่ :: เก่งมากๆ เลยค่ะ เย็นนี้จะซื้อขนมไปฝากแม่แม่นะ แม่แม่ของแอปเปิลน้อย :: แม่รอลูกนะ ส่งข้อความตอบแม่เสร็จก็ล็อกหน้าจอโทรศัพท์และจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ต่อทันที ถามว่าหลังจากผ่านวันแต่งงานมางานยังโถมเข้ามาเหมือนเดิมไหมบอกเลยว่าค่ะ มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้จำต้องยอมรับไปเรื่อย ๆ และทำเหมือนไม่มีอะไรแม้จะต้องหอบงานกลับไปทำที่บ้านก็ตามที เกือบเที่ยงเราชาวแผนกเดินออกจากแผนกเพื่อไปร้านอาหารพร้อมกัน กลุ่มเราชาวแผนกมีทั้งหมดแปดคนด้วยกันรวมฉันและเพื่อนด้วยดังนั้นเวลาไปกินข้าวพร้อมกันครบทุกคนโต๊ะเราจะโต๊ะใหญ่เป็นพิเศษครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน “คุณมายุบังเอิญจังเลยค่ะ ขอร่วมโต๊ะได้ไหมคะ โต๊ะเต็มหมดเลย” เสียงหนึ่งดังจากด้านหลังเมื่อเราเข้ามานั่งในร้านได้สักพัก “ได้ค่ะมาเลย ๆ นั่งด้วยกันเลย” พี่มายุเอ่ยชวน พอมองก็เห็นว่าเป็นเลขาของเจ้านายทั้งสองคนรวมถึงเจ้านายที่วันนี้ผิดปกติไปเพราะตอนนี้เขากำลังเดินตามหลังเลขาเขามา ปกติไม่มีหรอกที่จะเจอแถวนี้เวลาพัก “เจ้านายนั่งด้วยนะคะ มีประชุมบ่ายไม่อยากออกไปไกลค่ะ” “เชิญค่ะบอส นั่งตรงนี้ก็ได้ค่ะ” พี่มายุเชิญเจ้านายนั่งที่เก้าอี้ตัวด้านในสุดฉันจะไม่รู้สึกอยากร้องไห้เลยถ้าตรงที่เขานั่งไม่อยู่ตรงข้ามฉัน “กลายเป็นโต๊ะเรานั่งสิบเอ็ดคนนะคะ” พี่มายุหันไปแจ้งพนักงานเพื่อเตรียมเครื่องดื่ม ส่วนอาหารเราโทรมาสั่งล่วงหน้าแล้วว่าจะกินอะไรเป็นอาหารจานเดียวง่าย ๆ เพราะกลัวจะไม่ทันเวลาเข้างานตอนบ่ายโมง “ผิงจะไปดูเครื่องดื่มไหม?” จิ้มที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เอ่ยถามเสียงเบา “แต่วันนี้กินแล้วนี่สิ” ฉันเองก็อยากกินชามะนาวแต่คงจะไม่ไหวเพราะวันนี้กินชานมไปแล้ว “อย่าไปกลัว อีกแก้วเลยฉันเอาด้วย” จิ้มสนับสนุนราวกับว่าอ่านใจฉันออกว่าตอนนี้อยากจะกินเหมือนกัน “เอาอะไรเดี๋ยวเดินไปสั่งให้” ฉันอาสาอย่างใจดี ไม่ใช่ อะไรหรอกฉันรู้สึกกดดันกับสายตาของเจ้านายที่ตอนนี้มีโอกาสร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยกันนี่แหละ “น้ำมะนาว” “ได้ เดี๋ยวมา” ฉันรับคำก่อนจะลุกออกจากโต๊ะเพื่อไปยังร้านน้ำที่ตั้งอยู่ด้านนอกเพื่อสั่งเครื่องดื่มอีกแก้วในรอบบ่าย “ป้าคะ เอาน้ำมะนาวหนึ่งแก้วแล้วก็ชามะนาวอีกหนึ่งแก้วนะคะ” “ได้จ้ะ รอหน่อยนะลูก” ป้าร้านขายน้ำเอ่ยบอกระหว่างที่รอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูอะไรไปเรื่อยเปื่อย จู่ ๆ ก็มีข้อความถูกส่งเข้ามาเป็นไลน์ที่ไม่คุ้นเคย KIRAY :: สั่งให้ด้วย KIRAY :: ทำไมไม่อ่าน KIRAY :: นี่ ฉันเก็บโทรศัพท์ทันทีไม่อยากสนใจข้อความที่ถูกส่งเข้ามานั้นอีกและทำราวกับว่าไม่เคยเห็นข้อความจากโนตินั้นเลย “คุณผิงทำให้พี่ตกใจนะคะ” “คะ?” อยากจะบอกว่าพี่นั่นแหละค่ะทำให้หนูตกใจ อยากจะบอกพี่เลขาผู้หญิงตรงหน้าไปแบบนั้นแต่ก็ไม่กล้าพูด พี่เลขาทั้งสองคนเป็นอีกสองคนที่รู้เรื่องการแต่งงาน แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาและฉันเองก็ไม่ต้องการให้ใครรู้เหมือนกัน “ก็เจ้านายอยากกินแบบคุณผิงกินไงคะ” “ไม่เกี่ยวกับหนูหรอกค่ะ อีกอย่างพี่เรียกหนูแค่ชื่อก็ได้ไม่ต้องเรียกคุณหรอก หนูไม่ชิน” เอ่ยบอกกับพี่ดา “ไม่ได้หรอกค่ะ คุณผิงเป็นถึง...” “ไม่พี่ดา ไม่พูดถึงค่ะงั้นเรียกหนูว่าน้องได้ไหม หนูไม่อยากให้พี่เรียกว่าคุณเลย” “ถ้าอย่างนั้นพี่จะพยายามเรียกแบบที่คุณ แบบที่น้องผิงต้องการนะคะ” พี่ดายิ้มหวานส่งมาให้ “ขอบคุณค่ะพี่ พี่เอาอะไรหนูสั่งให้” เปลี่ยนเรื่องคุยเพราะไม่อยากคุยอะไรที่จริงจัง ไปมากกว่านี้แล้ว เวลาพักเที่ยงแม้จะแค่หนึ่งชั่วโมงฉันก็ต้องพักดังนั้นอย่าหวังว่าฉันจะเอาเรื่องเครียด ๆ มาใส่ในหัวเลย “เจ้านายอยากกินเหมือนคุณผิง อ้อ เหมือนน้องผิงค่ะ” “งั้นสั่งเป็นชามะนาวนะคะ” “ค่ะ” “ป้าจ๋าเอาชามะนาวเพิ่มอีกแก้วจ้ะป้า” “ได้ลูก อีกหนึ่งคิวก็ถึงแล้ว” ระหว่างรอเครื่องดื่มร่างสูงของเจ้านายก็เดินออกมาหยุดยืนข้าง ๆ ฉัน พอเห็นว่าเป็นเจ้านายฉันก็ขยับเท้าถอยออกห่างทันที ท่ามกลางสายตาดุ ๆ ของเจ้านายที่มองทุกการเคลื่อนไหว ก็อยู่ใกล้แล้วเขารำคาญฉันก็อยู่ไกล ๆ เขาแล้วไงยังต้องการอะไรจากฉันอีกเนี่ยไม่เข้าใจเลย “คุณเข้าไปรอในร้านเถอะเดี๋ยวผมรอเอง” “ค่ะเจ้านาย” อ้าว ทำไมง่ายแบบนี้ล่ะ มองตามหลังพี่ดาอย่างขอความเห็นใจ แต่อีกฝ่ายกลับรีบเดินกลับเข้าไปภายในร้านโดยที่ไม่คิดจะหันกลับมามองฉันเลยสักนิดเดียว “ทำไมไม่อ่านไลน์” และเรื่องน่าตกใจก็เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อเจ้านายเอ่ยคุยกับฉัน! พายุจะเข้าหรือเปล่าหรือเกิดอะไรขึ้น “ไม่ว่างค่ะ” “แล้วทำไมเมื่อเช้าออกมาก่อน” “ออกมาทำธุระก่อนค่ะ” ใครจะไปกล้าพูดกันล่ะว่าฉันไม่อยากเจอเขาเลยรีบกลับมาที่บ้านตัวเองตั้งแต่เช้ามืด “เย็นนี้กลับไปกินข้าวที่บ้าน” “นัดกับแม่ไว้แล้วค่ะ” หวังว่าเขาจะเข้าใจนะว่าฉันหมายถึงอะไร หากยังไม่เข้าใจคงต้องพูดกับเขาไปตรง ๆ ว่าฉันไม่อยากร่วมโต๊ะกับเขา “อือ อย่ากลับดึก เย็นนี้เพื่อนจะไปกินข้าวที่บ้านด้วยถ้ากลับมาเร็วได้ก็กลับ” แปลก แปลกมากจริง ๆ เกิดอะไรขึ้นทำไมจู่ ๆ ถึงได้มาพูดดีด้วย “น้ำมะนาวหนึ่ง ชามะนาวสองแก้วได้แล้วค่ะ” “นี่จ้ะป้า” ฉันยื่นเงินให้ป้าพร้อมกับรับแก้วน้ำทั้งสามมาถือไว้ ก่อนจะยกแก้วชามะนาวให้กับคนตัวสูงตรงหน้าและไม่ได้พูดอะไรกันอีก นอกจากเดินกลับเข้ามาในร้านอาหารเพื่อกินข้าวเที่ยง ตอนนี้ความหิวกำลังครอบงำจิตใจฉันแล้ว ฉันหิวข้าวมาก ๆ เลย ไม่สนใจฟังพี่ ๆ คุยกันมากนักและความสนใจฉันก็โฟกัสอยู่ที่กับข้าวตรงหน้า “งั้นสรุปทริปเรามีเพิ่มอีกสามคนนะครับ ผมจะวางแผนและตั้งไลน์ทริปเลยดีกว่า” “ตื่นเต้นแล้วสิ นาน ๆ จะได้เที่ยวครบทุกคน” “นับวันรอเลยแล้วกันค่ะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม