“น่ารำคาญจริงว่ะ มาถามว่าเสาร์ที่แล้วอยู่ที่ไหน ใครมันจะไปจำได้วะ” ไลท์สบถหงุดหงิด แต่มันก็เป็นเหตุผลที่เข้าที เพราะถ้าถามฉันว่าวันอื่นฉันทำอะไร อยู่ส่วนไหนของโลก ฉันก็จำไม่ได้หรอก นอกซะจากวันนั้นจะมีอะไรสำคัญจริงๆ “บอกว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่ไง ทำไมต้องเข้าใจอะไรยากๆ”
ไลท์บ่นยาวมากโดยที่ไม่สนว่าไอ้พวกนั้นมันจะเขม่นเขาแค่ไหน
ให้ตาย ฉันจะพลอยโดนฆ่าไปด้วยอีกคนมั้ยเนี่ย...
“มีอะไรอีกมั้ย ฉันกับแฟนจะไปกินข้าว”
“ไม่มีหรอก ฉันก็แค่อยากจะเข้ามาทักทาย ฉันชื่อลิ้งค์นะ” คนตัวสูงระบายยิ้มเป็นมิตรแต่ฉันกลับรู้สึกว่ามันน่ากลัว เขายื่นมือออกมาราวกับจะให้ฉันจับมือเขา ทว่าเขาก็ยื่นมือมาเก้อ เพราะฉันได้แต่หลบหลังไลท์ด้วยความพรั่นพรึง
ไม่รู้ว่าถ้าฉันจับมือเขากลับแล้วเขาจะจับฉันทุ่มรึเปล่า ฉันไม่อยากจะเสี่ยงเลยเหอะ
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว พวกฉันจะไปล่ะ” ไลท์ตัดบทแล้วคว้าตัวฉันแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ
“เดี๋ยวฉันจะไลน์ไปหาเธอ ตอบด้วยล่ะ”
“ถ้านายอยากให้แฟนฉันตอบ ก็โอนเงินมาก่อนนะ ฉันคิดประโยคละร้อย” อีตาไลท์ยังคงมีความหาเงินไม่เลิก เก็บเล็กเก็บน้อย เก็บทุกอย่างและฉันไม่รู้ว่าเขาพูดจริงหรือเล่นด้วย “มีเลขบัญชีรึยัง?”
ผู้ชายที่ชื่อลิ้งค์หัวเราะในลำคอแล้วไหวไหล่ไม่ใส่ใจไลท์ ก่อนที่เขากับเพื่อนจะเดินไปทางอื่นและทิ้งให้ฉันอยู่กับตัวอันตรายสองคน พอพวกนั้นไปแล้วสถานการณ์ก็ไม่ได้ต่างจากเก่ามากนัก เพราะฉันรู้สึกว่าจะอยู่กับใครมันก็น่ากลัวไปซะหมด
“เอาเถอะ ยังไงฉันก็ได้เงินจากมันมาแล้ว มีเงินเลี้ยงข้าวเธอไปได้อีกตั้งหลายมื้อ”
อีตานี่พูดโดยไม่อายการกระทำของตัวเองสักกะนิด ฉันอึ้งเล็กๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรในตอนที่เขาหยิบเงินมานับแล้วทำหน้าปริ่มเปรมอยู่ครู่นึง
“นายทำแบบนี้กับแฟนนายที่เคยคบกันทุกคนเหรอ?” ฉันถามด้วยความสงสัย พอเห็นพฤติกรรมเขาแล้วอยากจะรู้วิธีการอบรมสั่งสอนของครอบครัวเขาจริงๆ
“ไม่เห็นเป็นไร เราได้เงิน และมันก็ได้ไลน์ และต่อให้มันจะได้ไลน์เธอไป เธอก็แค่ไม่ตอบมันก็จบ”
นั่นไม่ใช่ประเด็นมั้ง...
“เธอมีปัญหาอะไรรึไง แฟนกันก็ต้องช่วยกันสิ”
“ปะ เปล่า” ฉันปฏิเสธหน้าแหย ที่จริงฉันก็มีปัญหากับตรรกะเขานั่นแหละแต่ขืนฉันพูดมากไปกว่านี้ ฉันกลัวว่าหมอนี่จะต่อยฉันน่ะสิ ;_;
“อยากกินไร” เขาถามขึ้นมาห้วนๆ และกวาดสายตาไปรอบๆ บริเวณที่มีทั้งอาหารและของขายละลานตาเต็มไปหมด แต่เขาคงลืมไปมั้งว่าฉันเพิ่งจะกินข้าวมาจากบ้าน ฉันจะยัดทะนานอาหารอย่างอื่นเข้าไปไหวได้ไง
“ฉันยังอิ่มอยู่เลย”
“นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะฉันเชื่อว่าเธอยังสามารถกินได้อีก” เขาพูดเสียงเรียบแถมไม่รู้เอาความมั่นใจผิดๆ นั่นมาจากไหน ฉันอิ่มก็คืออิ่มโว้ย! กะเพาะฉันไม่ใช่หลุมดำนะจะได้กินแบบอันลิมิตน่ะ!
“และฉันไม่สนว่าเธอจะอิ่มอยู่หรือไม่ เพราะฉันจะพาเธอไปกินบิงซู”
85%
ไลท์สรุปและลากฉันไปตามจุดหมายที่เขาต้องการทำให้ฉันปวดหัวตุบๆ
คราวหลังถ้าจะถามแล้วไม่ต้องการคำตอบก็ไม่ต้องถามฉันหรอก ไอ้เวรเอ๊ย! ฉันได้แต่สบถในใจ ส่วนสิ่งที่แสดงออกไปก็คือรอยยิ้มแหยๆ
ไลท์พาฉันมาที่ร้านบิงซูจริงๆ จนได้แถมยังสั่งบิงซูหน้าสตอเบอรี่แบบที่ขัดกับหนังหน้าเขามาอีก
“ร้านนี้อร่อย” เขาว่าแล้วยื่นช้อนให้ “เธออยากให้ฉันป้อนมั้ย?”
“มะ ไม่เป็นไร” ฉันยิ้มแห้งปฏิเสธแต่...
“ฉันคิดว่าเธออยากให้ฉันป้อน” ตาเขาดุขึ้นมาในทันใดที่เขาพูดจบ คำของเขาเป็นดังประกาศิตที่ฉันมิอาจขัดขืน น้ำตาฉันเกือบไหลตอนที่เขาจ้องมา
ฮือ ฉันจะโดนฆ่ามั้ยเนี่ย เพราะไอ้น้ำหอมบ้าๆ นั่นแท้ๆ ฉันเลยตกระกำลำบากอยู่กับคนประหลาดแบบนี้ได้!
“เธอชอบสตอเบอรี่มั้ย?”
“กะ ก็อร่อยดีนะ”
“ดี งั้นก็แดก... เอ๊ย ไม่สิ รับประทานเข้าไปซะ”
เขาว่าก่อนจะตักสตอเบอรี่คำเท่าควายยื่นมาตรงหน้าฉันพร้อมจดจ้องจนฉันเกร็ง เขาป้อนสตอเบอรี่ให้ฉันก็จริงแต่ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนเขากำลังหยิบยื่นยาพิษให้ฉันเลย ฮือๆ แม่จ๋า ;_;
“อ้าปากกว้างๆ เอาให้กว้างเท่าขาของเธอ”
อ๊ากกกกกก ฉันอยากจะหยิบเก้าอี้ฟาดหัวเขาจริงๆ เขาทุเรศและลามปามฉันมากแต่ฉันทำอะไรไม่ได้นอกจากอ้าปากและหน้าแดงเพราะอับอายในสิ่งที่หมอนั่นพูดชวนคิด
“อ้ากว้างกว่านี้ เธออ้าแค่นี้ฉันจะยัดสตอเบอรี่เข้าปากเธอได้ไงล่ะ” เขาดุแล้วจิ๊จ๊ะหงุดหงิด ฉันอ้าจนปากจะแหกออกจากกันแล้วเขายังบอกว่ามันไม่กว้างพออีกเหรอ
“มันได้แค่นี้” ฉันหุบปากก่อนจะบ่นอุบอิบให้เขาเห็นใจฉันมั่ง ถ้ามันลำบากขนาดนั้นฉันกินเองก็ได้
“จริงเหรอ” เขาอมยิ้มชั่วๆ
“จริงสิ”
“ไหน ลองอ้าใหม่สิ”
“ฉันกินเองก็ได้นะ”
“ฉันบอกว่าฉันจะป้อนก็คือฉันจะป้อน” เขาเสียงขรึมแล้วจ้องฉันเหมือนจะงับหัวฉันเข้าไป ฉันก็เลยได้แต่หุบปากและเชื่อฟังเขา “อ้าปากเดี๋ยวนี้ อย่าทำให้ฉันหงุดหงิด”
โอ๊ย! เขาต่างหากที่ทำให้ฉันหงุดหงิด!
แต่ฉันก็ทำอะไรไม่ได้เพราะความขี้ขลาดของตัวเอง บ้าบอชะมัด!
ฉันอ้าปากอีกรอบตามที่เขาสั่งและอีตานั่นก็กวนประสาทฉันด้วยการดึงช้อนกลับแล้วหัวเราะเลวๆ
“เธอเหมือนปลาที่นอนพะงาบๆ ที่อยู่บนชายหาดเลยว่ะ”
“นี่!” ฉันย่นคิ้วเผลอขึ้นเสียงใส่คนตัวสูงก่อนที่จะนึกขึ้นได้แล้วหดตัวเล็กลีบลงเช่นเคย ให้ตาย หมอนี่มันกวนประสาทฉันจริงๆ ฉันจะเขี่ยเขาออกจากชีวิตฉันได้ไงวะ!
“ฉันล้อเล่น ทำเป็นดุ อ่ะๆ ฉันจะป้อนเธอจริงๆ แล้ว อ้าปากสิ”
ฉันกัดฟันกรอด ถ้าเขายังแกล้งฉันอีกรอบ ฉันจะฆ่าเขาด้วยการเอาเก้าอี้ฟาดร้อยทีแล้วหนีไป... ที่ไหนล่ะ ฉันก็คงจะอ้าปากกินลมต่อไปแบบนี้ตามคำสั่งเขานั่นแหละ หน้าเขาดุจะตาย ใครจะกล้าขัด
ฉันอ้าปากอีกรอบและคิดว่าเขาคงจะกวนตีนฉันอีก หากแต่คราวนี้ไม่ใช่ เขายื่นช้อนเข้ามาเกือบจะแตะริมฝีปากของฉันก่อนจะชักมันกลับ เสี้ยววินาทีนั้นเขาก็ดึงฉันเข้าไปและ...
ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกอย่างมันไวมาก ริมฝีปากฉันร้อนฉ่าเพียงแวบเดียวและมันก็เย็นชื้นเมื่อสัมผัสกับอะไรบางอย่าง หน้าฉันร้อนวาบและใจหล่นไปที่ตาตุ่ม
ด้านหน้าคือนัยน์ตาสีดำสนิทที่ทำให้ฉันรู้สึกกลัวทุกครั้งที่จ้องมัน
ตึก...
เสียงหัวใจฉันมันดังสะท้อนอยู่ในหูตอนที่ริมฝีปากของเราเสียดสีกัน
ตึก ตัก
มันดังขึ้นอีกเมื่อฉันเริ่มรู้ว่าอะไรกำลังเกิดขึ้น และอะไรกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในโพรงปากของฉัน!
พลั่ก!!
ฉันสะดุ้งเฮือกเมื่อตั้งสติได้ในตอนที่รับรู้ว่าไลท์กำลังทำเรื่องบ้าๆ อยู่! ใจฉันเต้นถี่ มือข้างนึงรีบผลักเขาออก ในใจก่นด่าไปแล้วหลายประโยค เขาทำแบบนี้กลางที่สาธารณะได้ไง แล้วฉันกับเขาเพิ่งเจอกันก็จะพุ่งมาขโมยจูบฉันนี่นะ!!
ทุเรศเอ๊ย! ไร้ความสุภาพบุรุษที่สุด! ฉันก็รู้แหละว่าเขาไม่ใช่คนดีนักแต่... แม่งเอ๊ย!
แม่งเอ๊ยยยยยยย!
ฉันสบถในใจแล้วทำหน้าตื่นตะลึงพร้อมจ้องเขาด้วยใบหน้าโกรธ คนตัวสูงทำหน้าไม่สะทกสะท้านก่อนจะยิ้มกวนประสาทเมื่อเห็นฉันไม่พอใจ
“ทำอะไร” ฉันกัดฟันข่มอารมณ์โกรธ เพราะฉันรู้ว่าฉันสู้เขาไม่ได้อยู่แล้ว ยังดีที่ตรงนี้ไม่เป็นจุดสังเกตและคงไม่มีใครทันเห็นการกระทำห่ามๆ นี่!
“ก็ป้อนไง”
“...” ฉันจ้องเขาตาถลึงแล้วขยับเก้าอี้ถอยหลังด้วยความหวาดระแวง นี่มันแค่เริ่มต้น เขาต้องคิดอะไรเลวๆ อยู่ในหัวแน่ เขาหัวเราะแล้วตักบิงซูสตอเบอรี่นั่นเข้าปากหน้าตาเฉย ไร้ซึ่งความสำนึกผิดกับสิ่งที่ทำก่อนจะตอบฉันมาแค่ประโยคนึง
“ฉันไม่ได้พูดอะไรผิดนี่... ฉันบอกเธอเหรอว่าฉันจะป้อนอะไร?”