บทที่ 11 ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว

1369 คำ
“วันนี้เก่งมากครับกลับบ้านได้” คำเยินยอเกินเหตุทำให้ฉันลอบเบ้ปาก เก่งบ้าเก่งบออะไรกัน ไอ้แนนมันแค่วิ่งแล้วก็ยกดัมเบลหนึ่งกิโลแค่สองถึงสามครั้ง ดังนั้นต้องบอกว่าการออกกำลังกายของมันไม่เฉียดเข้าใกล้คำว่าเก่งเลยต่างหาก แต่อย่างว่าละเนอะ เทรนเนอร์เขาก็เอาใจคุณลูกค้า “พี่เขี้ยวไปไหนต่อรึเปล่าคะ ถ้าไม่ได้ไปไหนไปกินข้าวกับพวกเราสองคนไหม” “ไอ้แนน” ฉันกดเสียงต่ำอย่างข่มขู่ นึกว่าออกแค่กำลังกายแต่ขยันออกกำลังปากด้วยสินะ พูดจ้อไม่ยอมหยุด! “ขู่ทำไม แค่ชวนพี่ชายไปกินข้าว” “แกเป็นลูกคนเดียว” “ค่า แต่เพื่อนเฮียหลงก็ถือว่าเป็นพี่ชายเราด้วยป่ะ” ไม่นะ ฉันไม่นับญาติกับไอ้ยักษ์ “แล้วจะไปกินร้านไหนกัน” ตวัดตามองไอ้ยักษ์เมื่อมันพูดเหมือนว่าจะไป “ร้านป้าติ๋ม กวยจั๊บแคปหมูค่ะ” “โอเคครับ งั้นเจอกันที่ร้าน” ไอ้แนนกับไอ้ยักษ์ตกลงกันข้ามหัวฉันจนเสร็จสรรพ “ถ้าไอ้ยักษ์ไปฉันไม่ไป” กอดอกยื่นคำขาด ดูสิว่าไอ้แนนจะเลือกใคร “ตามใจแกแล้วกัน” ไอ้เพื่อนชั่ว! “ว่าแต่จะกลับยังไงล่ะได้ข่าวว่าเฮียหลงไม่มานี่” ใช่ ตั้งเมื่อเช้าไอ้พี่ตัวดีก็ยังไม่ออกมาจากบ้าน ได้ข่าวว่าโดดเรียนเพราะยังนอนไม่อิ่ม ประเทศชาติจงเจริญ “คิดว่าคนอย่างฉันหาทางกลับบ้านเองไม่ได้?” “แน่นอนว่าแกทำได้ แต่แบบนั้นแกจะเสียทั้งเวลาแล้วก็เงิน แต่ถ้าไปกับฉันไม่ต้องเสียอะไรเลยเพราะฉันจะจ่ายค่ากวยจั๊บให้แล้วเป็นคนสวยใจดีขับรถไปส่งฟรีถึงหน้าบ้าน คิดดี ๆ นะเพื่อนหลิว ช่วงนี้เราต้องประหยัดเพื่อบัตรคอนฯไม่ใช่เหรอ” ทำเป็นยกเรื่องบัตรคอนฯ มาโน้มน้าว คิดว่าคนอย่างไอ้หลิวหัวอ่อนขนาดนั้นเลยรึยังไง “ก็ได้ไปก็ไป สงสารหรอกนะเห็นว่าไม่มีเพื่อนถึงยอมไปด้วยน่ะ” “จ้า... เอาที่เพื่อนสบายใจ” ไอ้แนนลากเสียงยาวแล้วยื่นกุญแจรถมาให้ฉัน “ไปรอที่รถแล้วกันฉันขอเปลี่ยนชุดก่อน” “เค” ตอบรับเพื่อนแล้วหมุนตัวเดินออกมา “ทำไมเธอไม่ขับรถมาเรียนเอง” เป็นไอ้ยักษ์ที่เดินตามมาติด ๆ ฉันปรายตามองนิดหน่อยแต่ไม่ได้ตอบคำถามนั้น พอถึงรถกดปลดล็อกแล้วขึ้นไปนั่งเบาะหน้าข้างคนขับแต่ไม่ได้ปิดประตู “หรือว่ายังขับรถไม่เป็น?” ทำให้ไอ้ยักษ์ที่ยืนพิงรถตัวเองอยู่ข้าง ๆ เอ่ยปากถามไม่เลิก “ฉันแค่ขี้เกียจย่ะ” ตอนขับเป็นใหม่ ๆ ก็ขยันอยู่หรอก ใครอยากไปไหนบอกเดี๋ยวไอ้หลิวพาไปเอง แต่ผ่านไปสักพักความสนุกในการขับรถก็เริ่มกลายเป็นความเบื่อ เบื่อรถติด เบื่อหาที่จอดรถ อีกอย่างฉันค้นพบว่าการนั่งเฉย ๆ โดยมีคนอื่นขับให้เป็นอะไรที่สบายที่สุดแล้ว เลยเป็นเหตุว่าทำไมฉันถึงชอบให้เฮียหลงคอยรับส่ง เพราะฉันจะได้ไม่ต้องรับผิดชอบหน้าที่ที่ฉันเบื่อยังไงละ “งั้นเหรอ นึกว่าขาไม่ถึง” พูดจบก็เลื่อนสายตามองมาที่ขาฉันพร้อมเสียงหัวเราะในลำคอ มือสองข้างกำหากันแน่นด้วยความโมโห ตามองจ้องไอ้คนที่บอกว่าฉันขาสั้นตาเขม็ง จากนั้นก็กระโดดลงจากรถ “อะไรเตี้ย จะทำอะไรฮึ” ไอ้ยักษ์ยังไม่เลิกยิ้ม มันเลิกคิ้วถามสีหน้าวอนเบื้องล่าง “ฉันก็จะใช้ขาสั้น ๆ เตะนายให้หน้าหงายยังไงละ” ไม่รอให้ไอ้ยักษ์ตั้งตัวเปลี่ยนจากการเดินเร็วเป็นวิ่ง พออยู่ในระยะถนัดก็หมุนตัวยกเท้าสูงเป้าหมายคือกลางอกแฟบ ๆ นั่น! แต่ แต่ปรากฏว่ายังไม่ทันได้ทำอะไรเท้าข้างที่อยู่ติดพื้นกลับเริ่มทรงตัวไม่อยู่ ฉันลากสายตาจากหน้าไอ้ยักษ์เป็นพื้นหญ้าที่กำลังเหยียบ ทำให้รู้ว่าบริเวณนี้มันเป็นหลุม ซึ่งตอนนี้ตัวฉันที่ควรจะเดินหน้าต่อกลับเริ่มเอียงแล้วโน้มต่ำตามแรงโน้มถ่วงโลก จบกันชีวิตของไอ้หลิว ถ้าล้มลงตอนนี้นอกจากจะโดนไอ้ยักษ์หัวเราะเยาะยกใหญ่กะโปรงกรีบรอบที่ใส่อยู่ก็คงเปิดอ้าถึงสะดือให้อับอาย นี่รึเปล่าที่เขาบอกว่าให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว... “อ๊ะ!” เอ๋... ทำไมถึงไม่รู้สึกเจ็บอย่างที่คิด แล้วอีกอย่างช่วงล่างก็ไม่ได้รู้สึกเย็นกว่าปกติ เกิดอะไรขึ้น? “จะนอนอีกนานไหม” เสียงไอ้ยักษ์หนิ ทำไมถึงอยู่ใกล้จัง “ยัง ยังไม่ลืมตาอีก” ฉันยังไม่ยอมลืมตา เงี่ยหูฟังว่ามีเสียงฝีเท้าแถวนี้ไหม พอแน่ใจว่าไม่มีใครถึงค่อย ๆ ลืมตา สิ่งแรกที่เห็นคือใบหน้าของไอ้ยักษ์ที่กำลังขมวดคิ้วอยู่ใกล้ ๆ ใกล้ชนิดที่ว่ารับรู้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ที่ถูกพ่นออกมา “ไง” “กรี๊ดดดดด” “แหกปากทำไมเนี่ย” ไอ้ยักษ์ใช้มือเค็ม ๆ ของมันปิดปากฉัน มองซ้ายมองขวาเหมือนกลัวว่าใครจะได้ยิน จากนั้นก็ดันตัวฉันมายังรถของไอ้แนนที่ยังเปิดประตูไว้ในขณะที่มืออีกข้างก็ยังไม่ละจากเอวอันคอดกิ่วของฉัน “อ่อยอันเอี๋ยวอี้อะ” (ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ) “เธอก็หยุดดิ้นก่อนสิ แล้วถ้าฉันปล่อยมือเธอห้ามกรี๊ด เข้าใจไหม” ฉันพยักหน้า ไอ้ยักษ์ไม่ปล่อยมือทันที มันมองหน้าฉันอยู่อย่างนั้นสักพักถึงได้คลายมือออกเมื่อแน่ใจว่าฉันจะไม่แหกปากเหมือนเมื่อกี้ “โอ๊ยยยย ยัยเตี้ย! เธอเตะขาฉันทำไม” ไอ้ยักษ์โอดโอยลูบหน้าขา ฉันกอดอกยกยิ้มพอใจที่ในที่สุดก็ทำตามความตั้งใจก่อนหน้านี้ได้สำเร็จ ถึงจะไม่ใช่กลางอกแต่ก็กลางขาละว่ะ “เธอทำกับคนที่ช่วยไม่ให้เธอนอนจูบดินแบบนี้เหรอ!” “ไม่ได้ขอให้ช่วยสักหน่อย” ฉันยังเล่นหูเล่นตาใส่อย่างมีความสุข แต่พอไอ้ยักษ์ชี้หน้าแล้วตั้งท่าจะวิ่งเข้าใส่ฉันก็รีบปีนขึ้นรถแล้วกดล็อกทันที เรื่องอะไรจะอยู่ให้ถูกฆ่า “แบร่...” ฉันแลบลิ้นใส่ไอ้ยักษ์ผ่านกระจกรถ มันเดินเข้ามาหาเท้าแขนกับประตูแล้วก้มหน้ามองฉันอย่างหัวเสีย “อย่าคิดว่าจะรอด” “แบร่...” ฉันแลบลิ้นใส่อีกครั้งเป็นจังหวะเดียวกับที่ไอ้แนนเดินมาพอดี ไอ้ยักษ์เลยเลิกขึงตาใส่หมุนตัวกลับไปที่รถของตัวเองแลัวขับออกไป “มีอะไรกัน หรือว่าทะเลาะกันอีกแล้ว?” ไอ้แนนเอี้ยวตัววางกระเป๋าไว้เบาะหลังก่อนจะเอี้ยวหน้ากลับมาถาม “ก็ไอ้ยักษ์มันกวนตีน มันบอกว่าฉันขาสั้น” พูดแล้วโมโห มาว่าขาอันเรียวยาวของฉันสั้นได้ยังไง! “แกไปกวนพี่เขาก่อนรึเปล่า” “ทำไมชอบเข้าข้างศัตรู” ไอ้แนนปรายตามองฉันแล้วส่ายหน้า “ฉันว่าพี่เขี้ยวก็เป็นคนน่าคบคนหนึ่งนะ ตลอดเวลาที่สอนฉันพี่เขาไม่แตะต้องตัวฉันเลยทั้งที่มีโอกาส แกคิดดูว่าถ้าเป็นคนอื่นจะเหลือเหรอ จะอดใจได้ยังไงเวลาเห็นผิวขาวผ่องเป็นยองใยของฉัน” กลอกตาถอนหายใจ เบื่อหน่ายความมั่นหน้า “วางอคติลงหลิวแกถึงจะได้เห็นมุมอื่นของพี่เขา ไม่แน่น้า… พอได้รู้จักจริง ๆ แกอาจจะตกหลุมรักพี่เขาเลยก็ได้” “อย่า ๆ ขนลุก!” ไอ้แนนหัวเราะจนลั่นรถ แล้วไม่นานเราก็มาถึงร้านกวยจั๊บหน้ามอ ฉันเบ้ปากทันทีเมื่อลงจากรถแล้วพบว่าไอ้ยักษ์นั่งหน้าเอ๋ออยู่ด้านใน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม