@มูลนิธิเด็กไร้บ้าน โครงการ B
ตึก
ตึก
"สวัสดีค่ะคุณเพทาย" เสียงดวงจิตหญิงวัยกลางคนเอ่ยทักทายรองประธานหนุ่มที่เป็นเจ้าของมูลนิธิด้วยท่าทีนอบน้อม โดยเพทายได้ทำการซื้อและเข้ามาจัดการรับผิดชอบมูลนิธิเด็กไร้บ้านแห่งนี้ได้สองปีกว่า แม้ว่าจะไม่ได้เข้ามาบ่อย แต่การดูแลก็ไม่เคยขาดตกบกพร่องเลยสักนิด
"..." เจ้าของใบหน้าหล่อพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะมองไปยังลูกน้องคนสนิทที่ยืนอยู่ไม่ไกล อนุชิตที่รู้ในท่าทีเหล่านั้นก็เดินตรงเข้าไปพูดคุยกับดวงจิตทันที
"รบกวนคุณดวงจิตช่วยจัดห้องเพิ่มให้หนึ่งห้องนะครับ พอดีวันนี้...เรามีเด็กจะเข้ามาอยู่ด้วยใหม่"
"เด็กเหรอคะ?" ดวงจิตแสดงสีหน้างุนงง ทำให้อนุชิตค่อย ๆ ขยับตัวออกเผยให้เห็นร่างเล็กที่เอาแต่ยืนก้มหน้างุดอยู่ ใบหน้าใสค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นจ้องมองไปยังหญิงวัยกลางคนตรงหน้าตาแป๋ว
"เอ๊ะ? จะว่าเด็กก็เด็ก แต่ก็ดูไม่เด็ก..."
"อายุสิบเก้าครับ" อนุชิตบอก
"หื้อ? ก็โตแล้วนี่ ปกติแล้วมูลนิธิเราจะไม่รับเด็กโตไม่ใช่เหรอคะ" ดวงจิตถามด้วยสีหน้างุนงง เธอไม่ได้จะตั้งแง่หรืออะไรกับคนที่มาใหม่ แค่รู้สึกไม่เข้าใจก็เท่านั้น
"พอดีบ้านน้องเขามีปัญหาน่ะครับ คุณเพทายเลยจัดการเอาตัวมา..."
"อ๋อ" หญิงวัยกลางคนพยักหน้ารับรู้พลางใช้สายตาจ้องมองไปยังใบหน้าใสจิ้มลิ้ม
"หน้าตาน่ารักมาก ๆ เลยนะเนี่ย ชื่ออะไรกันล่ะเรา"
"อะ...อลินค่ะ ชื่อจริงชื่ออลินญาค่ะ" เรียวปากเล็กตอบกลับน้ำเสียงสั่น ๆ ยังคงมีความเกร็งไม่ชิน
"ว้าว ชื่อเพราะมาก ๆ เลยนะ" ทว่าทันทีที่ได้ยินคำชมจากคนตรงหน้าเกี่ยวกับชื่อของตัวเอง อลินญาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มตาหยีตอบกลับ
"ขะ...ขอบคุณค่ะ แม่หนูเป็นคนตั้งให้ค่ะ"
"หื้ม...แล้วแม่ไปไหนแล้วล่ะ" คนตัวเล็กชะงักรอยยิ้มตาหยีค่อย ๆ จางลงหลังจากที่ได้ยินคำถาม
"เสียแล้วค่ะ เสียไปได้สองปีแล้ว" ใบหน้าใสแสดงออกมาถึงความหม่นหมองอย่างเห็นได้ชัด ทำให้สามคนที่ยืนอยู่ต่างรับรู้ได้ถึงอารมณ์ความซึมลงพวกนั้น
"น่าจะอยู่กับพ่อเลี้ยงสองคนน่ะครับ แล้วพ่อเลี้ยงก็นำมาเร่ขายให้แก่คนมีเงิน" อนุชิตกระซิบบอกดวงจิต ซึ่งหญิงวัยกลางคนก็อดจะรู้สึกสงสารหญิงสาวตัวเล็กไม่ได้
"แล้วหลังจากที่แม่เสียล่ะ อยู่กับพ่อเลี้ยงสองคนเหรอ" แต่ยังไง เธอก็ต้องถามเอาไว้เพื่อเป็นข้อมูล เพราะโดยปกติแล้ว มูลนิธิแห่งนี้ไม่ได้รับคนเข้ามาง่าย ๆ
"ค่ะ"
"แล้วเรียนที่ไหน"
"หนะ...หนูไม่ได้เรียน"
"หื้อ? อายุสิบเก้าแล้วไม่ใช่เหรอ"
"ใช่ค่ะ แต่พ่อบอกว่าไม่มีเงินมากพอที่จะส่งหนูเรียน ทำให้หนูไม่ได้เรียนต่อ" เสียงหวานเอ่ยบอกเสียงสั่น ทุกคนที่ยืนอยู่ก็ต่างนิ่งไปกับสิ่งที่ได้ยิน
"แปลว่าตั้งแต่แม่เสียก็ไม่ได้เข้าเรียนเลยเหรอ"
"หนูเรียนจบจนถึงมัธยมปลายปีสุดท้ายค่ะ แม่เสียตอนหนูอายุ 17 ซึ่งอีกหนึ่งปีก็จะเรียนจบแล้ว ตอนแม่เสีย แม่ได้ทิ้งเงินก้อนสุดท้ายไว้ให้ หนูจึงแอบพ่อเลี้ยงเก็บเอาไว้และนำเงินก้อนนั้นส่งตัวเองเรียน แต่พอเรียนจบ หนูก็ไปหาสอบชิงทุนเรียนต่อที่มหาวิทยาลัย แต่ว่าตอนนั้นพ่อเลี้ยงหนูก็เริ่มติดการพนัน...เขาเอาเงินที่แม่ทิ้งไว้ให้ไปเล่นการพนันหมด แถมยังให้หนูไปทำงานหาเงินมาใช้จ่ายทุกอย่างในบ้านแทน"
"กับเด็กอายุแค่นี้เนี่ยนะ นรกส่งพ่อเลี้ยงเธอมาจริง ๆ แล้วพ่อแท้ ๆ ล่ะ"
"พ่อหนูเสียไปตั้งแต่หนูอายุ 7 ขวบค่ะ ทำให้แม่แต่งงานใหม่"
"อ๋อ แล้วพวกญาติ..."
"ไม่มีค่ะ ไม่มีใครต้องการหนู" สิ้นเสียงหวานเอ่ย ดวงจิตก็ลอบหายใจออกมา ทว่าสิ่งพวกนี้...เธอได้ยินมันมาจนชิน เพราะเด็ก ๆ ในมูลนิธิก็มีชีวิตไม่ต่างจากอลินญาเลยสักนิด
"งั้นก็มาอยู่ที่นี่แหละ มาอยู่ด้วยกัน เธอน่าจะเข้ากับเด็กที่นี่ได้ดี" ดวงจิตยิ้มบาง ๆ บอกร่างเล็กตรงหน้าพลางหันไปเอ่ยถามเจ้าของโครงการ
"ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวให้น้องเขาเข้ามาช่วยดูแลเด็ก ๆ ที่นี่แล้วกันนะคะ เป็นครูพี่เลี้ยงอีกคน คุณเพทายคิดว่ายังไงคะ"
"แล้วแต่คุณจัดการ" ปากหนาบอกพร้อมกับเหลือบสายตามองไปที่ใบหน้าใสจิ้มลิ้มของหญิงสาววัยสิบเก้า อลินญาที่ถูกจ้องมองก็ได้ก้มหน้าเล็กน้อยแสดงความนอบน้อมต่อชายหนุ่มตรงหน้า ก่อนจะค่อย ๆ ยิ้มหวานออกมากับชีวิตใหม่ที่กำลังจะเริ่มขึ้นในรั้วมูลนิธิแห่งนี้
"คุณเพทายครับ" เสียงอนุชิตเอ่ยเรียกเจ้านายตัวเองขึ้นทำให้เจ้าของใบหน้าหล่อสุขุมชะงักผละสายตาคมจากร่างเล็กมองกลับไปที่ลูกน้องคนสนิท
"มาแล้วครับ" ทันทีที่อนุชิตพูดจบ เพทายก็เลื่อนสายตามองไปตามที่อีกคนบอก ก่อนจะเห็นนางแบบสาวหุ่นดีคนหนึ่งยืนแสดงสีหน้านอบน้อมอยู่
"อืม" รองประธานหนุ่มเอ่ยพลางหมุนตัวเดินออกไปทันที โดยมีนางแบบสาวคนนั้นที่เดินตามแผ่นหลังหนาไปด้วยท่าทางว่าง่าย อลินญาที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดก็ได้แต่มองตามสองคนไปตาแป๋ว ทว่ายังไม่ทันที่จะได้สงสัยอะไร
"ไป ไปกับฉัน...เดี๋ยวจะพาไปดูห้อง และเจอกับเด็ก ๆ " ดวงจิตพูดขึ้นทำให้อลินญาได้สติ ใบหน้าจิ้มลิ้มอมชมพูรีบหันกลับไปยังคนดูแลมูลนิธิทันที
"ค่ะ" ร่างบางตอบกลับอย่างนอบน้อมก่อนจะเลิกสนใจรองประธานหนุ่ม เดินตามดวงจิตออกไป