"นั่งก่อนสิ" เสียงเจย์เดนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานลุกขึ้นมาเอ่ยบอกเพทายที่กำลังยืนอยู่ให้นั่งลงบนโซฟาราคาแพงกลางห้องทำงานของเขา
"..." เพทายไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เดินตรงเข้าไปนั่งตามที่เพื่อนตัวเองบอก จะเรียกเพื่อนก็ไม่เชิง เพราะทั้งสองสนิทกันจากการร่วมลงทุนทำธุรกิจ ซึ่งเจย์เดนมีอายุน้อยกว่าเพทายอยู่สองปี
"โทษทีที่ทำให้ต้องเข้ามายืนรอ พอดีมีธุระนิดหน่อย"
"ใคร?" ชายหนุ่มที่นั่งอยู่มองหน้าถามคนตรงหน้า
"ลูกหนี้...ติดหนี้เกือบสามล้าน"
"เล่นการพนัน?"
"เออ ก็คาสิโนฉันนี่แหละ" ทันทีที่เจย์เดนเอ่ยจบ เพทายก็พยักหน้าอย่างเข้าใจในสถานการณ์ทุกอย่าง
"พูดแล้วก็น่าเสียดายอยู่เหมือนกัน"
"..." ชายหนุ่มเจ้าของความสูงกว่าร้อยแปดสิบเก้าหันมองหน้าเพื่อนร่วมธุรกิจ
"ลูกไอ้คนเมื่อกี้ หน้าตาโคตรน่ารักเลย ผิวขาวอมชมพู อายุเพิ่งสิบเก้า เสียดายอย่างเดียว ไม่น่าเป็นงาน ไม่งั้นฉันคงเอาไปแล้ว" เจย์เดนพึมพำบอกด้วยความรู้สึกเสียดายอยู่ไม่น้อย เพราะหน้าตาผิวพรรณของอลินดูชวนมองเป็นอย่างมาก ทว่าหากเขารับไว้ คนตัวเล็กก็คงอยู่รับความเป็นเขาได้ไม่นาน มาเฟียหนุ่มจึงไม่ชอบรับหญิงสาวไม่เป็นงานมาดูแลตัวเอง
"..." เพทายก็เงียบไม่ได้พูดหรือแสดงความคิดเห็นอะไร
"เออ แล้วที่มานี่ มีเรื่องอะไร" เจย์เดนถามพลางหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบตามประสา
"เรื่องโกดัง B"
"อ๋อ ของไม่ครบ?"
"..." เจ้าของใบหน้าหล่อสุขุมพยักหน้าตอบ ทำเอาเจย์เดนที่กำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่ยกยิ้มออกมา
"เดี๋ยวจัดการให้"
"อย่าให้เรื่องแดง"
"หึ ฉันกับนายร่วมงานกันมากี่ปีแล้ว..."
"...เรื่องแค่นี้ ขี้หมูขี้หมาว่ะ" ปากหนาตอบพร้อมกับพ่นควันสีขาวออกจากปากด้วยใบหน้าที่ยังคงแสดงออกมาถึงความร้ายกาจ เพทายเองก็รู้สึกวางใจกับท่าทางของคนตรงหน้า แม้เจย์เดนมักจะพูดจาอะไรแบบนี้เหมือนคนทะนงตัว ทว่าสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยก็คือ เจย์เดนสามารถจัดการทุกอย่างได้จริง ๆ อย่างที่ปากเขาบอก ไม่ว่าเรื่องอะไร
"ยังไง ฝากจัดการด้วยแล้วกัน" ว่าแล้ว เพทายก็ลุกขึ้นจากโซฟาหนังแท้ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
"เออ ไม่ต้องห่วง ยังไงก็ไม่มีทางกระทบถึงภาพลักษณ์ภายนอกของนายแน่นอน"
"อืม" สิ้นเสียงทุ้มเอ่ย สองเท้าหนักก็เดินออกไปทันทีตามด้วยอนุชิตมือขวาคนสนิทของเขา ซึ่งตลอดทางที่เดิน บรรดาลูกน้องเจย์เดนก็ต่างก้มหัวทักทายอย่างนอบน้อมให้กับรองประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับเอเชีย ซึ่งเพทายก็ไม่ได้แสดงท่าทีใด ๆ ออกมา เอาแต่สาวเท้าตรงออกไปยังบริเวณด้านนอกตึกใหญ่ของเจย์เดนที่ภายนอกดูเหมือนเป็นบริษัททำงานทั่วไป ทว่าภายใน...กลับเต็มไปด้วยสิ่งผิดกฎหมาย
ตึก
ตึก
ขณะที่เพทายกับอนุชิตกำลังเดินออกไปถึงหน้าตึกใหญ่
"ฮึก พะ...พ่อ...อย่าทำแบบนี้กับอลินได้ไหม"
"อะไรของแก!"
"อลินไม่อยากไปหาใคร อลินจะทำงานหาเงินมาให้พะ..." ยังไม่ทันที่คนตัวเล็กจะพูดจบ ก็ต้องถูกมือแกร่งของพ่อไม่แท้กระชากเข้าหาตัวอย่างแรง
"อย่างแกน่ะเหรอจะหาเงินมาให้ฉัน"
"ฮึก..."
"แค่ปัญญาจะจ่ายค่าบ้าน แกยังไม่มีเลย!" สิ้นเสียงทุ้มตะคอกใส่ อลินญาก็สะอื้นร้องไห้ออกมาด้วยความตื่นตกใจไปกับการกระทำของพ่อเลี้ยง รวมถึงรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ได้ยินและเกิดขึ้นกับตัวเอง
"เช็ดหน้าเช็ดตาแล้วก็เลิกร้องไห้ได้แล้ว! ไอ้คุณเจย์เดนไม่เอา ก็ยังมีเสี่ยทรงชัยรอแกอยู่"
"ฮ ฮึก...พะ พ่อ..."
"หยุดร้องไห้! ฉันบอกให้แกเช็ดหน้าเช็ดตาไง!!"
"ฮ ฮึก ฮืออ..."
"น่าสงสารมากเลยนะ พ่ออะไรอะ โหดเหี้ยมมาก" เสียงพนักงานคนหนึ่งที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่เอ่ยพูดคุยกับเพื่อนอีกคน
"จริงแก เห็นกระชากลากน้องออกมาสักพักแล้วอะ แถมยังต่อว่าไม่หยุด"
"ดูดิ แขนน้องช้ำหมดแล้วอะ พ่อจริงปะวะ ทำไมทุเรศได้ขนาดนี้ ประกาศปาว ๆ ว่าจะขายลูกกินให้กับคนรวย"
"เฮ้อ อยากให้มีใครสักคนมาช่วยน้องจริง ๆ "
"..." เพทายที่ได้ยินก็ชะงักเท้าที่กำลังเดินอยู่ค่อย ๆ หันไปมองสองพ่อลูกที่คนเป็นพ่อกำลังกระชากลากถูให้หญิงสาวตัวเล็กเดินออกไปด้วยกันด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ก่อนจะตัดสินใจสาวเท้าเดินตรงไปยังสองคนที่ยืนอยู่ท่ามกลางสีหน้างุนงงของลูกน้องคนสนิท
"คุณเพทาย..." อนุชิตรีบเดินตามไปประกบเจ้านายตัวเองทันที
"พอได้แล้ว" เสียงทุ้มเอ่ยบอกชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่เสียงเรียบพลางเหลือบสายตามองไปยังอลินญาที่ใบหน้าเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา เสียงหวานสะอื้นร่ำไห้ไม่หยุด
"ครับ? คุณเป็นใคร" มานพถามคนที่เข้ามาใหม่ ทว่าก็ไม่กล้าที่จะแสดงท่าทีทะนงตัวใส่ เนื่องจากจำได้ว่าเป็นคนรู้จักของเจย์เดน แถมท่าทางของเพทายก็ดูน่าเกรงขามอยู่ไม่น้อย
"ฉันคือคนที่จะซื้อลูกสาวนาย"
"ครับ?"
"ขายเท่าไร ฉันจะซื้อไว้เอง" เจ้าของใบหน้าหล่อเอ่ยพร้อมกับมองไปยังร่างเล็กที่กำลังร่ำไห้อยู่เล็กน้อยก่อนจะหลุบตามองชายวัยกลางคนตรงหน้า
"จริงเหรอครับ คุณจะรับลูกเลี้ยงผมไปจริง ๆ เหรอ"
"อืม"
"ได้ครับ! แต่ผมขอขายแพงหน่อยนะ เพราะลูกเลี้ยงผมอายุมันยังน้อย..."
"จะเอาเท่าไร ก็พูดมา"
"สี่ล้าน" ทันทีที่มานพพูดจบ เพทายก็หันไปมองหน้าอนุชิตให้เป็นคนจัดการ ลูกน้องคนสนิทชะงักไปเล็กน้อย ทว่าก็ยอมทำตามที่คนเป็นเจ้านายสั่ง
"ฉันจะไปรอที่รถ" รองประธานหนุ่มเอ่ยพลางเผลอเหลือบสายตาไปมองคนตัวเล็กที่เอาแต่ก้มหน้าร้องไห้อยู่อย่างนั้นนิ่ง ก่อนจะเดินออกไปยังรถหรูที่จอดอยู่ไม่ไกลด้วยสีหน้าเรียบนิ่งท่ามกลางสายตาชื่นชมของผู้คนและพนักงานที่ยืนมองเหตุการณ์ทุกอย่างตั้งแต่ต้นอยู่เงียบ ๆ โดยที่ไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งหรือให้ความช่วยเหลือ