"ใครบ้างนะ น้องพลอยใส น้องฟ้าคราม..." เสียงหวานของอลินญาพึมพำอยู่กับตัวเองขณะที่กำลังนั่งนับขวดน้ำขนาดเล็กเพื่อหยิบไปให้เด็ก ๆ ที่รออยู่ ทว่าในตอนนั้นเอง...
ตึก
เสียงใครบางคนเดินเข้ามาในห้องครัวเช่นกัน ทำให้เจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มเหลือบสายตาไปมอง ก่อนจะยิ้มหวานสดใสออกมา
"สวัสดีค่ะ" เรียวปากเล็กเอ่ยทักทายดวงจิตที่เดินเข้ามากดรหัสเปิดลิ้นชักหยิบอะไรบางอย่าง
"..." หญิงวัยกลางคนก็พยักหน้ารับคำทักทายจากร่างบางด้วยท่าทีปกติพลางหยิบสิ่งจำเป็นที่ถูกสั่งให้มาเอาเข้าใส่ถุงที่เตรียมมา แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ในมือของเธอก็ดังสั่นขึ้น
ครืดดด ~
คนดูแลมูลนิธิก็นิ่งก้มลงมองหน้าจอโทรศัพท์
"อืม ว่าไงนิทิตย์"
"ว่าไงนะ แล้วเด็ก ๆ เป็นอะไรหรือเปล่า"
"น้ำหวานอยู่ไหน เรียกมาคุยกับฉันหน่อย"
"มันเกิดอะไรขึ้น" ดวงจิตถามเสียงเข้ม อลินญาที่แอบฟังอยู่ก็ได้แต่นั่งอยู่เงียบ ๆ ทว่ารับรู้ได้ถึงสถานการณ์ที่ดูไม่ค่อยจะดีสักเท่าไร เพราะสีหน้าของดวงจิตนั้นดูแปลกไปกว่าทุกครั้ง
"แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหนกัน"
"อืม เดี๋ยวฉันไป" ทันทีที่พูดจบ หญิงวัยกลางคนก็จัดการกดวางสายพลางใช้สายตามองไปยังร่างเล็กที่กำลังหยิบน้ำอยู่
"ว่างหรือเปล่า"
"คะ?"
"เอาของไปให้คุณเพทายแทนฉันที"
"อ อ๋อ ได้ค่ะ" อลินญาตอบกลับด้วยท่าทีว่าง่ายไม่คิดปฏิเสธอะไรกับคำไหว้วานจากผู้ใหญ่
"น้ำหวานพาเด็ก ๆ ออกไปเล่นด้านนอก แล้วเกิดอุบัติเหตุ ฉันเลยต้องรีบไปดู" ดวงจิตบอกเหตุผลเพราะไม่อยากให้อลินญาคิดว่าตัวเองละเลยหน้าที่หรือเป็นพวกชอบใช้ไหว้วานคนอื่นไปทั่ว ทว่าหลังจากที่ดวงจิตพูดจบ อลินญาก็ชะงักตาโต
"แล้วเด็ก ๆ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ มีใครเป็นอะไรไหมคะ" เสียงหวานถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง
"ไม่เป็นอะไรมาก แต่น่าจะตกใจอยู่ไม่น้อย เดี๋ยวฉันรีบไปก่อน ฝากเธอเอาอันนี้ไปวางไว้หน้าห้องคุณเพทายด้วยก็แล้วกัน"
"คะ? เอาวางไว้เหรอคะ"
"อืม เคาะแล้ววาง...ไม่ต้องเปิดเข้าไป"
"ค่ะ ได้ค่ะ" เจ้าของใบหน้าเรียวใสพยักหน้ารับคำพร้อมกับหยิบถุงที่อยู่ตรงหน้าเข้ามาถือไว้ ดวงจิตที่เห็นแบบนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรต่อรีบสาวเท้าเดินออกไป และเชื่อว่าแค่เอาของไปให้เพทาย อลินญาน่าจะทำได้อยู่แล้ว ไม่น่าต้องกังวลอะไร ขณะที่คนถูกไหว้วานก็รีบยกถาดน้ำนำไปให้เด็ก ๆ ที่รออยู่ก่อน ก่อนจะหยิบถุงของที่ได้มา เดินตรงไปยังห้องทำงานสุดหรูของเจ้าของโครงการที่อยู่ด้านในสุด
"ว้าว เพิ่งได้เข้ามาครั้งแรก...สวยจัง" ริมฝีปากบางพึมพำขณะที่เดินตรงไปตามทาง โดยห้องทำงานของเพทายก็ถือว่าอยู่ห่างจากบริเวณห้องเรียนของเด็ก ๆ ในมูลนิธิอยู่พอสมควร มันไม่ใกล้แต่ก็ไม่ไกล ทว่าในตอนที่กำลังเดินอยู่นั้น ร่างบางก็เกิดความสงสัยในสิ่งที่อยู่ในมือของตัวเอง
"ทำไมมันดูเบาจัง..." เสียงหวานพึมพำตามประสาหญิงสาวขี้สงสัย เนื่องจากตลอดทางที่เดินนั้น เธอได้ยินเสียงของภายในถุงกลิ้งไปกลิ้งมาตามแรง
"...ถ้าแอบดูจะโดนดุไหมนะ" อลินญาคุยอยู่กับตัวเอง ร่างบางวัยสิบเก้าเอาแต่แสดงสีหน้าลังเลอยู่อย่างนั้น กระทั่งสุดท้ายเลือกที่จะกำจัดความอยากรู้ของตัวเอง
"เฮ้อ อย่าไปแอบดูของคนอื่นโดยที่เขาไม่อนุญาตก่อนเลยดีกว่า แบบนั้นมันไม่ดี" ปากเล็กเอ่ยสั่งสอนตัวเอง แต่ขณะที่กำลังเดินจะถึงหน้าห้องทำงานขนาดใหญ่นั้นดันไม่ระวัง
"อ อ๊ะ..." เสียงหวานร้องออกมาด้วยความตกใจที่เผลอสะดุดเข้ากับขาตัวเองทำให้ล้มลงกับพื้นอย่างไม่เป็นท่า ส่งผลให้สิ่งของที่อยู่ภายในถุงกระเด็นออกมาทันที
"...ฮือออ ซุ่มซ่ามอีกแล้ว" ร่างบางทำเสียงครวญครางออกมาอย่างไม่จริงจังกับนิสัยขี้ไม่ระวังของตัวเอง ก่อนจะได้สติเอื้อมมือไปหยิบกล่องอะไรบางอย่างที่ตกอยู่ หญิงสาวจัดการเอาขึ้นมามองดูด้วยสีหน้าสงสัย
"มันคืออะไร..." เรียวปากบางอมชมพูพึมพำพลางใช้สายตาตั้งใจอ่านฉลากที่อยู่ตรงหน้า
"...ไซซ์พิเศษ 58..." ขณะที่กำลังอ่านจนจะถึงประโยคที่รู้ว่าสิ่งที่อยู่ในมือคืออะไร
"อ อ๊อก!" เสียงเหมือนใครกำลังสำลักบางอย่างดังขึ้นจากในห้องทำงานหรู อลินญาที่ได้ยินแบบนั้นก็ชะงักไปด้วยความอดสงสัยไม่ได้ หญิงสาวค่อย ๆ ลุกขึ้นเดินไปตามเสียงที่ได้ยิน ก่อนจะเห็นว่าประตูห้องทำงานของรองประธานหนุ่มได้แง้มเปิดอยู่ คนตัวเล็กก็ไม่รอช้าที่จะมองเข้าไปผ่านช่องประตู ในตอนนั้นเอง ดวงตากลมโตก็ต้องเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจสุดขีด ภาพของเพทายที่นั่งปลดซิปกางเกงจัดการถอดแว่นจับหัวนางแบบสาวให้กลืนกินตัวตนของเขาด้วยท่าทีดุเดือดรุนแรงจนนางแบบคนนั้นแสดงท่าทีสำลักออกมาอยู่หลายครั้ง สร้างความตกตะลึงให้แก่อลินญาเป็นอย่างมาก โดยเพทายที่รู้สึกเหมือนถูกจ้องมองอยู่ก็เหลือบสายตามองไปตามความรู้สึก ก่อนจะเห็นร่างเล็กที่แอบมองการกระทำของเขาอยู่จากเงาประตูด้านนอก อลินญาที่ได้สบสายตากับเจ้าของโครงการหนุ่มก็ตกใจสุดขีด รีบหมุนตัววิ่งหน้าตาตื่นออกไปแต่ก็ไม่ลืมที่จะวางกล่องถุงยางอนามัยที่อยู่ในมือลงที่ด้านหน้าห้องตามคำสั่งจากหญิงวัยกลางคน
ด้านเพทายก็นิ่งไม่ได้สนใจอะไร แถมยังคงกดหัวหญิงสาวนางแบบให้กลืนกินแท่งร้อนขนาดใหญ่ของเขาให้ดุเดือดกว่าเดิม
"อ อ๊อก! อ๊อก..."
ขณะที่อลินญาเองก็ยังคงวิ่งหน้าตั้งกลับมายังภายในห้องเรียนที่มีเด็ก ๆ รออยู่ พลอยใสยืนมองหน้าครูพี่ช่วยเลี้ยงตาแป๋ว
"ครูพี่อลิน หนีอะไรมาคะ" เด็กน้อยถามอย่างช่างสังเกต
"ค คะ? อ อ๋อ เปล่าหรอกค่ะ ไม่มีอะไร" เรียวปากเล็กพยายามยิ้มหวานตอบกลับเด็กน้อยไป ทั้งที่ภายในใจยังคงตกใจไม่หายกับสิ่งที่เจอมา เธอไม่คิดเลยว่าจะได้ไปเจอเหตุการณ์แบบนี้ กับคนที่ดูใจดีดูเป็นสุภาพบุรุษอย่างเพทาย เพราะสายตาและท่าทีเมื่อกี้ เขาดูเหมือนไม่ใช่คุณเพทายที่เธอเจอเลย เขาดูเต็มไปด้วยความดิบเถื่อนบอกไม่ถูก
"จริงเหรอคะ" พลอยใสถามเสียงใส
"จริงค่ะ" อลินญาจึงพยายามขจัดทุกความรู้สึกออก เพื่อนั่งลงยิ้มหวานตอบกลับเด็กน้อยตรงหน้า ทว่าในตอนนั้นเอง
"สวัสดี" เสียงใครบางคนที่อยู่ภายในห้องดังขึ้น อลินญาที่เพิ่งได้สังเกตก็หันไปมองตามเสียงด้วยสีหน้างุนงง เพราะคนที่ยืนอยู่นั้น ไม่ใช่คนที่เธอรู้จัก
"สะ...สวัสดีค่ะ" ถึงแม้จะไม่รู้จักหรือพบเจอกันมาก่อน แต่หญิงสาววัยสิบเก้าก็เลือกที่จะทักทายอีกคนด้วยท่าทีเป็นมิตร
"พี่ชื่อทับทิมนะ จะมาแทนครูพี่แอ๋ม ทำความรู้จักกับเด็ก ๆ ไปแล้ว แต่เห็นเราไม่อยู่...น่าจะเด็กกว่าพี่ใช่ไหม พี่อายุยี่สิบห้า" เจ้าของใบหน้าสวยยิ้มถาม ทำให้อลินญายิ้มหวานตอบกลับ
"หนูชื่ออลินค่ะ อายุสิบเก้า"
"อ่า ว่าแล้วว่าต้องไม่เกินยี่สิบ หน้าตาใสเชียว ผิวก็ใสอมชมพูเลย"
"แหะ ๆ พี่ทับทิมก็สวยมาก ๆ เลยค่ะ" คนตัวเล็กยิ้มตาหยีตอบกลับเสียงหวาน ทำเอาหญิงสาวที่ยืนอยู่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเอ็นดูไปกับความน่ารักของคนตรงหน้า อลินญาดูใสซื่อและสดใสจริง ๆ เหมือนกับว่ามันมาจากข้างในไร้การปรุงแต่งหรือพยายาม
"พี่แชร์ห้องนอนกับเราด้วยนะ รู้หรือยัง" ทับทิมบอก
"จริงเหรอคะ"
"อืม เห็นคุณดวงจิตบอกว่าให้พี่แชร์ห้องนอนกับเรา แล้วก็เข้ามาแทนครูพี่แอ๋มในการดูเด็ก ๆ ห้องนี้เป็นหลัก" ใบหน้าสวยยิ้มบอก ทำเอาคนที่ได้ยินยิ่งรู้สึกดีใจ เพราะเธอรู้สึกถูกชะตากับรุ่นพี่สวยหุ่นดีตรงหน้าอย่างบอกไม่ถูก
"เย้ ดีใจจังเลยค่ะ ในที่สุด อลินก็ไม่ต้องนอนคนเดียวอีกต่อไปแล้ววว"
"ฮ่า ๆ ไม่ชอบนอนคนเดียวเหรอ"
"ใช่ค่ะ อลินไม่ชอบนอนคนเดียว ทุกคืนต้องเปิดไฟนอนตลอดเลยค่ะ" สิ้นเสียงหวานบอก ทับทิมก็หัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดูคนตัวเล็ก ก่อนที่ดวงจิตที่กลับมาจากการทำธุระจะเดินเข้ามา
"ทำความรู้จักกันแล้วใช่ไหม" หญิงวัยกลางคนถาม สองคนที่ยืนอยู่ก็พยักหน้าตอบกลับ ดวงจิตจึงบอกเกี่ยวกับกฎระเบียบคร่าว ๆ ของการอยู่ที่มูลนิธิให้แก่คนที่มาใหม่ได้รู้ ซึ่งในตอนนั้นเอง เสียงเท้าหนักของใครบางคนที่กำลังเดินเข้ามาก็ดังขึ้น ทำให้สามสาวที่ยืนอยู่ต่างหันไปมอง แล้วก็ได้พบว่าเป็นเพทายกับอนุชิต
อลินญาที่เห็นแบบนั้นก็เบิกตากว้างแสดงสีหน้าตกใจออกมา หลังจากที่เผลอไปสบสายตากับคนที่มาใหม่ แล้วภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้ฉายกลับเข้ามาในหัวของคนตัวเล็ก
พรึบ!
ใบหน้าเรียวใสจิ้มลิ้มรีบก้มหน้างุดในทันทีด้วยความรวดเร็ว เพทายที่เห็นแบบนั้นก็นิ่งไม่พูดอะไร สองเท้าหนักเดินผ่านสามคนที่ยืนอยู่ออกไปสีหน้าเรียบนิ่ง ดวงจิตก็ก้มลงแสดงความเคารพให้แก่รองประธานด้วยท่าทางนอบน้อมก่อนจะหันไปเอ่ยบอกครูพี่เลี้ยงคนใหม่ที่ยืนอยู่
"นั่นคุณเพทาย เจ้าของโครงการ"
"อ๋อค่ะ ดิฉันพอรู้มาบ้าง"
"อืม ดีแล้วที่ศึกษามาบ้าง ฉะนั้นรู้ไว้ว่าทุกครั้งที่อยู่ที่นี่ คุณเพทายจะต้องการความเป็นส่วนตัวเป็นอย่างมาก ดังนั้น...ไม่ว่าจะเจอกับอะไรที่นี่ ไม่ต้องเอาออกไปพูดข้างนอก แม้แต่ประโยคเดียวที่เกี่ยวกับคุณเขาก็ห้าม"
"ค่ะ"
"ดี เข้าใจง่ายก็ดี แล้วก็รักษาความเข้าใจของตัวเองไว้ เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นมา...ไม่มีใครรับประกันความปลอดภัยของเธอได้ จำไว้" ทันทีที่ดวงจิตพูดจบ ทับทิมก็พยักหน้ารับรู้และเข้าใจทุกอย่าง หญิงวัยกลางคนที่เห็นจึงไม่ได้พูดอะไรต่อ สาวเท้าเดินออกไปหลังจากที่บอกเกี่ยวกับกฎการอยู่ที่มูลนิธิทุกอย่างเสร็จ ทับทิมเองก็ไม่ได้อะไรต่อเช่นกัน ใบหน้าสวยค่อย ๆ หันไปมองร่างเล็กของรุ่นน้องที่เอาแต่ก้มหน้างุดอยู่
"อลิน...เป็นอะไรน่ะ" เสียงหวานถาม ทำให้เจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มได้สติ
"ค คะ? อ๋อ เปล่าค่ะ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ"
"หื้อ? แน่นะ?"
"จริง ๆ ค่ะ เอ่อ...เรามาดูแลน้อง ๆ กันต่อเถอะนะคะ" ปากเล็กยิ้มหวานบอก ทับทิมจึงไม่ได้เซ้าซี้ถามอะไรต่อ ก่อนที่ทั้งสองจะช่วยกันดูแลเด็ก ๆ ภายในห้องด้วยความสนุกสนาน ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นอลินญาที่เด็ก ๆ ต่างให้ความรักความสนใจไปกับความใจดีเอาใจใส่ของครูพี่ช่วยเลี้ยงตัวเล็ก