บรรยายกาศในลิฟต์จากเงียบเชียบอยู่แล้ว ตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มยิ่งทำให้เงียบเข้าไปอีก
กฤษณะที่ยืนก้มหน้า มือสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกง ได้กลิ่นหอมของใครบางคนกับกลิ่นแอลกอฮอล์เจือจางลอยออกมา ชวนให้คนที่ดื่มเป็นประจำอยู่แล้วขยับร่างกายไปมาเล็กน้อย รอว่าเมื่อไหร่จะถึงชั้นสิบแปดสักที
กฤษณะมือเท้าเย็นเฉียบ ไม่รู้ว่าตื่นเต้น หรือกลัวคนรู้จักมาเจอ
พีรดาจะรู้สึกเหมือนกันไหมนะ หากว่ามีคนรู้จักมาเจอเราทั้งคู่จะทำอย่างไรดี
หันไปมองคนที่มีส่วนสูงเพียงหัวไหล่ของเขาเท่านั้นกลับต้องขมวดคิ้ว หมวกเขา?
"พีรดา" หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเมื่อได้ยินอีกคนเรียกชื่อตัวเอง
"ขาอาจารย์" พีรดาดันปลายหมวกขึ้นเล็กน้อยเพื่อมองหน้าผู้พูด
"หมวกผม?" กฤษณะพยักพเยิดหน้า สายตามองหมวกแก๊ปสีดำมีโลโก้แบรนด์ดังปักอยู่ด้านหน้าตรงกลาง เธอหยิบติดมือมาด้วยตั้งแต่ตอนไหนกัน
"อะ..อ๋อ หนูขอยืมก่อนนะคะอาจารย์" ก็เธอกลัวใครจำได้นี่นา ให้จำเขาได้คนเดียวดีกว่าจำเธอได้ด้วยไม่ใช่เหรอ
กฤษณะที่ได้ฟังดังนั้นขมวดคิ้ว ไม่ใช่เป็นเพราะว่าเธอหยิบหมวกเขามาใส่หรอก หากแต่เป็นสรรพนามที่เธอใช้เรียกแทนตัวเขามากกว่าว่า 'อาจารย์' ฟังดูทะแม่งๆ นะว่ามั้ย
เสียงลิฟต์ที่แจ้งเตือนขึ้นทำให้คนทั้งคู่หันไปมองตรงหน้า เป็นกฤษณะที่เดินนำหน้า ไม่ลืมคว้ามือเรียวมากุมอย่างถือวิสาสะ แล้วพาไปทำข้อตกลงกันก่อน
พีรดาหน้าเหวอที่เขาเล่นถึงเนื้อถึงตัว หากแต่อย่างนั้นกลับไม่กล้าทักท้วงเพราะรับงานมาแล้ว แถมพื้นที่ตรงนี้ยังไม่มีใครเดินผ่านมา คนอื่นๆ คงเข้านอนกันหมดแล้วล่ะ
พอเดินมาถึงลานกว้างฝั่งซ้ายเขาจึงได้ปล่อยมือเรียวออก แล้วยืนเผชิญหน้ากันในระยะประชิดเพื่อพูดคุยเบาๆ ให้ได้ยินแค่สองคน
อย่างที่บอกว่าเวลาดึกดื่น อยู่ในโถงที่เสียงสนทนาสามารถกังวานออกไปได้ เขาไม่อยากให้ใครมาได้ยินเรื่องของเรา
จับหมวกที่เธอสวมใส่อยู่ออกไปก่อนจะได้คุยกันดีๆ จัดแต่งทรงผมที่เผลอทำหัวเธอยุ่งเมื่อกี้ให้
พีรดายืนตัวแข็งทื่อ เม้มปากเข้าหากันเล็กน้อยไม่กล้าห้ามอะไร
"เรามาทำข้อตกลงกันหน่อยพีรดา" พีรดาพยักหน้าหงึกหงักมองคนที่สูงกว่าไม่วางตา
"คุณมีชื่อเล่นไหม"
"ดาค่ะ"
"ครับ" เสียงทุ้มตอบรับทำเอาคนฟังแทบหลอมละลาย บ้า บ้าไปแล้วยายดา คิดอะไรแบบนั้นเนี่ย หรือแค่มันคล้ายซีรี่ส์ที่เธอเคยดู ตอนที่พระเอกเข้าใกล้นางเองแล้วจะ..จะ..จูบ
"ต่อไปนี้คุณเรียกผมว่าพี่กฤษนะ" คำที่เขาบอกทำให้พีรดาออกจากภวังค์ของซีรี่ส์
".."
"หรือจะเรียกผมว่าคุณกฤษก็ได้ เลือกเอาที่สะดวก เพราะหากคุณเรียกผมว่าอาจารย์แบบนี้แล้วใครจะเชื่อว่าเราสองคนเป็นแฟนกัน"
"คุณกฤษ" พีรดาเลือกเรียกแบบอย่างหลังมากกว่าเพราะยังไม่กล้าทำตัวสนิทสนมกับเขาเกินไป
"ครับ เอาแบบนั้นก็ได้ แล้วห้ามลืมตัวนะรู้มั้ย" พีรดาพยักหน้ารัวๆ
"โอเค เมื่อเข้าใจแล้วไปกัน อีกอย่างคุณห้ามพลาด" เพราะเขามั่นใจว่าผู้หญิงคนนี้ที่แม่ส่งมาคงไม่ธรรมดา ในเมื่อเขามีลางสังหรณ์แปลกๆ ว่าเธอจะเป็นคนรู้จักของแม่ หรือแม่เขารู้จักกับแม่เธอไม่แน่ใจ
กฤษณะเอาหมวกสวมใส่กลับคืนให้พีรดาอย่างเบามือ ประคองดูว่าระดับนี้โอเคไหม ก่อนจะเลื่อนมือลงมาจับมือเรียวให้ก้าวเดินกลับไปพร้อมกัน
ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านมา ทำให้คนตัวเล็กรู้สึกอบอุ่นอย่างมาก ได้แต่มองลงที่มือของเธอถูกมือหนาเต็มไปด้วยเส้นเลือดกุมกระชับ
กฤษณะค่อยๆ ชะลอความเร็วลงทำให้พีรดาที่มัวแต่มองมือสองเราไปเรื่อยๆ เงยหน้าขึ้น ก่อนมองไปตามสายตาของเขาก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนหันหลังให้อยู่ตรงด้านหน้าในระยะห้าเมตรจึงกดใบหน้าลงต่ำ ขยับหมวกลงเล็กน้อย
กฤษณะมองคนที่ยืนคุยโทรศัพท์หันหลังให้ ถ้าให้เขาเดา..คงคุยกับคุณหญิงรตี
กระทั่งเขาบีบมือเรียวเล็กของคนด้านข้างเบาๆ พีระดาชำเลืองมองเขาเล็กน้อย บีบมือเขากลับคืนว่าเธอไม่เป็นไร
ขวัญตาที่หันกลับมาเจอพอดีรีบฉีกยิ้มหวานให้คนเป็นพี่ไป แต่ใบหน้าสวยใสต้องค่อยๆ หุบยิ้มลงทันทีเมื่อเจอว่าเขามีใครมาด้วย มองไปยังมือของคนทั้งสองสอดประสานกันราวกับกลัวมีใครมาแยก
"แค่นี้ก่อนนะคะคุณป้า" เสียงหวานคุยกับคนสูงวัยเริ่มแข็งขึ้นทันที
"สวัสดีค่ะ" ขวัญตายกมือไหว้อาจารย์รุ่นพี่เสียงไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่
กฤษณะชะงักไป เมื่อเจอว่าเป็นอาจารย์รุ่นน้องในคณะตัวเอง แต่ทำไมตอนนี้กลับมายืนอยู่ที่หน้าห้องของเขา ความตื่นเต้นทำให้เขาเผลอบีบมือเรียวเล็กแน่นจนได้ยินเสียงอุทาน
ก่อนเปลี่ยนเป็นยืนหันหลังให้ขวัญตาแทน เมื่อคนที่เขาจ้างเธอมาเป็นแฟนคือลูกศิษย์ของหญิงสาว
"อะไรเหรอคะ" พีรดาที่ไม่ทันได้เห็นสีหน้าหน้าคร่าตาของผู้หญิงคนนั้นชัดก็ถามออกมาด้วยท่าทีสบายๆ
"ขวัญตา" กฤษณะขยับปากพูดพอให้รู้กันแค่สองคน แค่นั้นคนตัวเล็กถึงกับอ้าปากค้างแทบช็อก เมื่อได้รู้ว่าผู้หญิงคนนี้คืออาจารย์ที่ปรึกษา! มิหนำซ้ำเธอยังเป็นถึงลูกสาวอธิการบดี!
ถ้าหากอาจารย์ขวัญตารู้เข้า เรื่องนี้ถึงหูอธิการบดีแน่ เธอที่กำลังเรียนอยู่ปีสามเทอมสุดท้าย อีกปีเดียวก็จบแล้วต้องทำอย่างไรดี
ความอบอุ่นจากมือทั้งสองข้างวางลงบนต้นแขนของหญิงสาวทันที ลูบขึ้นลงทำให้พีรดาอุ่นใจ แล้วรีบขยับหมวกให้มันบดบังใบหน้าหญิงสาวมากกว่าเก่า
พีรดาสัมผัสได้ว่ามือหนาของเขาวางลงบนศีรษะเธอ แต่กระนั้นก็ยังไม่ทำให้พีรดาคลายความกังวลใจลงไปได้
"ไม่เป็นไรนะ" กฤษณะปลอบคนตัวเล็กอย่างรู้ทัน
ชายหนุ่มค่อยๆ หันกลับมามองขวัญตาใหม่ แต่มือหนานั้นกระชับมืออีกคนเอาไว้แน่น พีรดายังคงยืนก้มหน้าลุ้นกับสถานการณ์ตรงหน้าต่อ
"น้องตามาทำอะไรที่นี่ครับ" กฤษณะถามเสียงปกติ ไม่ได้แสดงอาการตื่นเต้นหรือตกใจอย่างตอนแรก แต่เขาแปลกใจมากกว่า เมื่อคอนโดที่มีแค่เพื่อนเขา และครอบครัวรู้ ทำไมขวัญตามายืนอยู่หน้าห้องของเขาได้ราวกับจงใจ
"เอ่อ..พอดีตาว่าจะมาชวนพี่กฤษไปทานข้าวน่ะค่ะ เห็นคุณป้าบอกว่าพักนี้พี่ไม่ค่อยกลับบ้าน กลัวโหมงานหนักแล้วไม่ค่อยได้กินอะไร" ปากขยับพูดไป แต่ตามองเด็กสาวข้างๆ ไม่วางตา พยายามจะมองหน้าให้ชัดว่าเป็นใครเขาถึงได้จับมือแน่นขนาดนี้
หรือเป็นผู้หญิงที่เขาซื้อมากินอย่างที่คุณป้าบอก เธอเองไม่ได้กังวลต่อเรื่องนั้นเพราะเข้าใจนิสัยผู้ชายดี แต่ตอนนี้มีเธอ เขายังจะเลือกผู้หญิงคนนั้นอยู่ไหมอยากถาม
"พี่เพิ่งไปทานกับแฟนมา"
"คะ" ขวัญตาอ้าปากค้าง ไหนคุณป้าบอกเธอว่าเขายังไม่มีแฟน
ยอมรับว่าเธอเองก็แอบปลื้มอาจารย์รุ่นพี่ กระทั่งยอมเปิดอกคุยกับแม่ของเขาตรงๆ ท่านจึงให้หมายเลขห้องมา ทำให้ขวัญตารีบมาหาเขาที่คอนโดทันที แต่เจอแบบนี้ ขวัญตารู้สึกหน้าเสียไม่น้อย
"งะ..งั้นไม่เป็นไรค่ะ ตาขอตัวก่อนนะคะ" บอกแล้วรีบก้าวเดินฉับๆ ออกไปจากตรงนี้ด้วยขอบตาที่ร้อนผ่าว นึกโกรธคนที่บอกว่าลูกชายยังโสดนัก!
เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นค่อยๆ ไกลออกไป ทำให้คนที่จับมือเรียวเล็กนั้นไว้ค่อยๆ ปล่อยออก
กฤษณะหันไปหาคนด้านข้างหยิบปลายหมวกของเธอถอดออกไปทางด้านหลัง ดวงตากลมโตก็เงยขึ้นสบตากัน เขาเห็นความสั่นไหวในนั้นไม่หยุด
"อะ..อาจารย์ อาจารย์ขวัญตาจะไม่รู้ใช่ไหมคะ" พีรดาถามเสียงสั่น คนที่มั่นใจมาแทบร้อยเปอร์เซ็นต์ตอนนี้มันกลับติดลบ
"ไม่หรอกอย่าห่วงเลย" กฤษณะบอกให้เธอคลายความกังวลใจลงไป แล้วอีกอย่างพีรดาไม่ใช่แฟนจริงๆ ของเขาสักหน่อย เขาแค่ทำให้แม่ตายใจ อาจสักสองถึงสามวันข่าวคงถึงหู คุณแม่น่าจะถอดใจไปเอง แล้วเชื่อว่าไม่ใช่แค่คนที่เขาซื้อมากินแต่เป็นแฟนจริงๆ ในเมื่ออยากให้เขามีเมีย เขาก็จะมีแล้วไง