“มลค่อยๆ ขยับนะ” ท่าทีของสามีทำให้ภัคธีมามองนทีอย่างสงสัยว่าทำไมเขาถึงได้ดีกับเธอนัก
“พี่นทีเป็นอะไรคะ” เธอเอ่ยถาม
“มลท้องน่ะสิ ต้องดูแลตัวเองให้ดีรู้ไหม” พอเธอท้อง นทีก็ดูเป็นคนดีขึ้นมาในทันที นั่นทำให้ภัคธีมารู้สึกแปลกใจ แต่ในเวลาเดียวกันก็รู้สึกว่าดีแล้วที่เขาเป็นแบบนี้
ภัคธีมากัดปากตัวเอง จะให้ใครรู้ไม่ได้ว่าลูกในท้องของเธอคือลูกของธร
ตอนนี้ธรก็แต่งงานไปแล้ว เธอเองต่างหากที่ปฏิเสธธร เธอเลือกชีวิตผิดเอง
หลายวันก่อนได้คุยกับมารดาเมื่อหลายวันก่อน ท่านบอกว่าบิดามีปัญหาทางการเงิน และตอนนี้บิดาก็สำนึกผิดที่บังคับให้เธอแต่งงาน
พอได้ยินมารดาพูดเช่นนั้น เธอเลยยังไม่ได้เล่าเรื่องที่ตัวเองต้องเจอ เพราะไม่อยากเพิ่มปัญหาให้มารดา และเมื่อท่าทีของนทีดีขึ้น เธอจึงพักความคิดที่ว่าจะเลิกรากับนทีไปก่อน
กลับจากโรงพยาบาลรอบนี้ นทีปกป้องเธอมากขึ้น ทำให้เธอเริ่มคิดเรื่องการจะขอหยิบยืมเงินสามีไปช่วยเหลือธุรกิจของบิดา
ไร่ของบิดากับไร่ของประพงศ์บิดาของธรอยู่ใกล้กัน แต่ไร่ของประพงศ์ไม่ได้ประสบปัญหา เหตุเพราะว่าฝั่งโน้นปลูกต้นไม้เป็นหลัก แต่ไร่ของบิดาสร้างรีสอร์ทและสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ทุนเยอะมากกว่า เมื่อเศรษฐกิจไม่ดีเช่นนี้ จึงมีผลกระทบเพราะคนไม่มีเงิน จึงไม่มีนักท่องเที่ยว
“เดี๋ยวนี้เป็นนางฟ้านางสวรรค์เสียจริงนะ งานการอะไรไม่ทำเลย” นราด่าลูกสะใภ้
“มลท้องอยู่นะครับคุณแม่ จะให้ทำงานงกๆ ได้ยังไงกัน”
“มันก็แค่ท้อง ไม่ได้เป็นง่อย ให้มันทำ” นราเริ่มโมโหที่ลูกชายหันไปสนใจภัคธีมาอีกครั้ง ครั้งก่อนก็ละเมอเพ้อพกอยากจะแต่งงานด้วย เสียค่าสินสอดไปตั้งหลายล้าน นี่ก็เห่อลูกในท้องนังนี่อีก มันน่าเจ็บใจนัก!
“สาวใช้บ้านเราก็เยอะแยะ ทำไมคุณแม่ไม่ให้ทำล่ะครับ ไม่รู้ล่ะมลกำลังท้องลูกของผมอยู่ ผมไม่ยอมให้ทำงานอะไรแน่นอน เดี๋ยวลูกผมเป็นอะไรไป” คนที่เกิดรักลูกขึ้นมา อยากปกป้องลูกเมียสั่งเสียงเฉียบให้สาวใช้ไปทำงานของตัวเอง ทำให้สาวใช้หลายคนนึกอิจฉาภัคธีมาจับใจ ในขณะที่พวกหล่อนท้องไม่ได้ เพราะคุณนราไม่ยอมให้ท้อง
นทีพาร่างของภรรยาเดินหนีเข้าไปในห้องนอนเพื่อพักผ่อนทันที เมื่อเห็นว่ามารดากำลังอารมณ์บูดบึ้ง
ภัคธีมาไม่ขัดเมื่อสามีพาเข้าห้อง นทีดูเป็นที่พึ่งของเธอในยามนี้ นทีเป็นคนที่เห่ออะไรเป็นพัก ๆ ก่อนหน้านี้เขาอยากเอาชนะเลยเห่อจีบเธอจนได้แต่งงานกัน ตอนนี้ก็เห่อลูก แต่พอลูกคลอดออกมานั่นแหละ เธอไม่รู้ว่าเขาจะเลิกเห่อตอนไหน
“คุณนราจะปล่อยเอาไว้แบบนี้เหรอคะ” ทิสาเอ่ยถามเจ้านาย เธอเป็นสาวใช้ในบ้าน และเป็นหนึ่งในเมียของนทีคนหนึ่งเช่นกัน เธอหลงรักนทีมาก แต่เพราะเขาได้แล้วก็เริ่มเบื่อ แถมยังไม่ได้รักเธอจริง แต่อย่างไรเธอก็ยังซื่อสัตย์ต่อเขา รักเขาเพียงคนเดียว วันไหนเขาเหงา เขามาหาเธอ เธอก็ยินดีทอดกายให้เขาเชยชม โดยไม่หวังสิ่งใด
“ฉันไม่ปล่อยมันหรอก แกไม่ต้องมายุ รอให้มันคลอดก่อนเถอะ ฉันจะจัดการมัน”
“จัดการยังไงคะ”
“บอกว่ามันหนีตามผู้ชายไปดีไหม แล้วฉันก็จะเอาหลานเลี้ยงไว้เอง ยังไงเด็กที่จะเกิดมาก็เป็นสายเลือดของนที” นราพูดถึงแผนการที่กำลังจะเกิดขึ้น
“แกอย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกใครเด็ดขาด” นราหันไปมองทิสาเขม็ง
“สาไม่บอกใครหรอกค่ะ สาจะช่วยคุณนราทำให้แผนการทุกอย่างสำเร็จค่ะ”
นทีดูแลภัคธีมาเป็นอย่างดี หญิงสาวระวังตัวแจ เพราะเห็นว่าแม่สามีไม่กลั่นแกล้งอะไรเธออีก แถมยังเอาอกเอาใจสารพัด แต่คนเราเคยไม่ชอบกัน จะกลับมาชอบกันง่ายๆ ได้อย่างไรกัน
“แม่ทำบัวลอยน้ำขิงให้จ้ะ เห็นเราเปรยว่าอยากกิน” นราให้สาวใช้นำบัวลอยน้ำขิงมาเสิร์ฟ เธออยากกินก็จริงแต่ไม่กล้ากิน ทุกวันนี้อาหารการกินอะไรเธอให้นทีกินก่อนถ้าเขาไม่ตาย เธอก็กินได้
“ทำไมไม่กินล่ะ”
“คือว่ามล”
“น้อยใจจริง” นราแกล้งร้องไห้ออกมา
“คุณแม่น้อยใจอะไรเหรอครับ”
“เมียของเราน่ะสิรังเกียจบัวลอยน้ำขิงของแม่ สงสัยคิดว่าแม่จะวางยากระมัง แม่เสียใจจริงๆ”
“คงไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ มลกินสิ อยากกินไม่ใช่เหรอ ไหนชิมสิอร่อยไหม” นทีตักมากิน เขาไม่ได้เป็นอะไร แถมยังบอกว่าอร่อยอีก
“อร่อยนะ ไส้งาดำนี่ครับ” นทีตักมาป้อนให้จนถึงปาก ภัคธีมาเลยกินอย่างเอร็ดอร่อย ในใจเธอก็รู้สึกผิดไปด้วยที่เธอมองคุณนราผิดไป
หรือจริงๆ แล้วคุณนราจะสำนึก ไม่ก็เห็นว่าลูกชายจะมีหลานให้อุ้มเลยเปลี่ยนท่าที ด้วยว่านรารักนทีมาก พอเห็นนทีมีความสุขกับสิ่งไหนก็จะรักสิ่งนั้นไปด้วย ตอนนทีอยากแต่งงานกับเธอ นรายังไปสู่ขอให้ จนได้แต่งงานกัน
“แม่ขอโทษที่เคยทำไม่ดีกับหนู แม่สำนึกผิด ให้อภัยแม่ได้ไหม” นราเห็นลูกสะใภ้กินบัวลอยน้ำขิงจนหมดก็รีบเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
“หนูไม่ถือโทษโกรธคุณแม่หรอกค่ะ แค่คุณแม่เมตตาหนู” ประโยคนั้นของภัคธีมาทำให้นรายิ้มอย่างสาแก่ใจ
“ในเมื่อปรับความเข้าใจกันแล้ว เอาเป็นว่าต่อจากนี้ไป พวกเราก็จะเป็นครอบครัวสุขสันต์นะครับ” นทีพูดขึ้น
ภัคธีมายิ้มออก บางทีสองแม่ลูกอาจจะเปลี่ยนไปแล้วก็ได้
“มีสายเข้า ผมขอตัวก่อนนะครับ” นทีเดินเลี่ยงมารับโทรศัพท์ ก่อนจะคุยโทรศัพท์กับปลายสายอย่างลุกลี้ลุกลน
“ฉันรู้แล้ว แกจะทวงอะไรนักหนา” แท้ที่จริงแล้วเขาเป็นหนี้พนันที่บ่อน และกำลังโดนทวงหนี้โหด แต่ที่เขายังอยู่รอดปลอดภัยมาได้ก็เพราะว่าภัคธีมา
วันนั้นเขาปล่อยให้มารดาทำร้ายภัคธีมา แล้วก็ทำตัวเป็นพระเอกขี่ม้าขาวไปช่วย ยิ่งรู้ว่าเธอท้อง เขาก็แกล้งทำดีด้วย สาเหตุมาจากเสี่ยงกัปตันอยากได้ตัวภัคธีมา แต่เพราะภัคธีมาท้อง เลยต้องรอให้คลอดก่อน
เขาเข้าใจดีว่าภรรยาของเขาสวย ใครเห็นใครก็อยากได้ ใครเห็นใครก็ชอบ เขาเองเห็นภัคธีมาคราแรกยังนึกชอบ จนอยากได้เธอมาครอบครอง
แต่พอได้แล้วก็เบื่อ ผู้หญิงสวยแล้วไง ภัคธีมาไม่รู้จักการเอาอกเอาใจผัวเลยสักนิด
“ภัคธีมาคลอดเมื่อไหร่ ฉันจะส่งเขาให้เสี่ยทันที ไม่ต้องห่วงหรอก ใกล้คลอดแล้วล่ะ”
นทีกดวางสายด้วยสีหน้าหงุดหงิด พอหมุนกายไปทางด้านหลังเขาก็สะดุ้งสุดตัว
“มล!” นทีอุทานออกมา
“พี่นทีเป็นอะไรคะ ตกใจอะไร”
“มลมานานแล้วเหรอ”
“เพิ่งมาถึงค่ะ”
“ได้ยินที่พี่คุยโทรศัพท์หรือเปล่า”
“ไม่นะคะ มลมาถึงพี่ก็กดวางสายไปแล้ว คุยอยู่กับใครเหรอคะ” เห็นท่าทีของเขาแบบนี้ เธอจึงเอ่ยถาม
นทีเป็นคนเจ้าชู้มาก เขาดูเลิกเจ้าชู้ไปเลยตอนที่รู้ว่าเธอท้อง แต่เธอก็คิดว่าคนเราจะเปลี่ยนกันง่ายดายมันยาก เขาอาจจะแอบติดต่อกับผู้หญิงคนอื่นอยู่ก็เป็นได้
แค่คิดก็ปวดใจ ไม่ใช่เพราะหึงหวงหรืออะไร แต่คิดว่าเธอไม่น่ามาเจอสามีที่เจ้าชู้และนิสัยแบบนี้ เมื่อตัดสินใจแต่งงานแล้วก็อยากเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่เธอดันท้องกับคนอื่น
แต่เธอให้อภัยเขาเพราะช่วงนี้เขาดูแลเธอดีมาก อย่างน้อยเธอก็อยู่อย่างสุขสบายขึ้น
ถ้าเขาจะดีตลอดไปก็คงดี เธอก็อยากให้ลูกมีพ่อแม่พร้อมหน้าพร้อมตา อีกทั้งจะหนีกลับไปอยู่บ้านก็กลัวมารดาจะเสียใจ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงทำไปแล้ว แต่พอท้อง พอสองแม่ลูกดีขึ้น เธอก็เลยยังคงอยู่ที่นี่ต่อไป ไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอต้องหนีกลับบ้านไปให้บิดามารดาโดนนินทาจนอับอาย และธรก็แต่งงานมีภรรยาไปแล้ว เธอจะไปเรียกร้องให้เขารับผิดชอบได้อย่างไรกันล่ะ