เธอต้องกลับไปจัดงานศพให้บิดามารดา จะพาลูกไปด้วยแม่สามีก็ตวาดลั่นบ้าน
“พสุธายังเล็กอยู่มาก เธอเป็นแม่ประสาอะไรจะพาลูกไปงานศพ”
“แต่หนูอยากพาลูกไปไหว้ศพตากับยายของแกนะคะ”
“เธอจะไสหัวไปไหนก็ไปเลย ฉันไม่ให้หลานฉันไปงานอัปมงคลแบบนั้นหรอก นังสาอุ้มคุณดินเอาไว้อย่าให้แม่บ้า ๆ แบบนี้มาเอาไปได้”
“มันจะมากเกินไปแล้วนะคะ” ภัคธีมาตรงเข้าไปยื้อแย่งลูก
“นังสาถ้าพสุธาถูกพาไปได้ ฉันจะฆ่าแกซะ” ทิสาก็กอดรัดร่างของเด็กน้อยเอาไว้แนบอก ก่อนที่พสุธาจะร้องไห้จ้า
ภัคธีมายอมถอยเพราะเห็นลูกเจ็บและร้องไห้ หัวอกคนเป็นแม่ ย่อมไม่อยากเห็นลูกเจ็บปวด
“แกจะไปงานศพพ่อแม่แกก็ไปสิ มายุ่งอะไรกับลูก” โดนไล่ซ้ำๆ ไม่อยากไปก็ต้องไปเพราะนั่นก็คือพ่อแม่ นี่ก็คือลูก เธอไม่อยากทิ้งลูก แต่งานศพก็ต้องมีเธอ
ภัคธีมาได้เจอกับธรอีกครั้งในงานศพของบิดามารดา ไม่ได้เจอกันนานนับปี สายตาที่เขามีให้เธอยังห่วงใยเช่นเดิม
“พี่คิดถึงมล” ธรไม่อาจหักห้ามใจ เพราะหญิงเดียวที่เขารักมากที่สุดก็คือภัคธีมา
“แต่พี่ก็ยังแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น” ภัคธีมาพูดออกไปก็รู้สึกว่าตัวเองเห็นแก่ตัว เธอยังแต่งงานกับนทีได้เลย
“มลขอโทษค่ะ มลเห็นแก่ตัวทำให้พี่ต้องเจ็บปวดแบบนี้” สายตาเจ็บปวดของเขาทำให้เธอรีบเอ่ยขอโทษออกมา
“คุยกันหน่อยสิ” ธรเอ่ยกับหญิงสาวที่เขายังรักเธออยู่เสมอ
“พี่ธรมีอะไรคะ เดี๋ยวมลต้องรีบไปจัดการงานศพของคุณพ่อกับคุณแม่”
“ไม่มีอะไรแล้วล่ะ ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เหลือเวลาที่เราจะคุยกันอีกพักใหญ่เลย” เขาบอกเสียงนุ่มตามนิสัย
“พี่ธรจะพูดอะไรก็พูดมาเถอะค่ะ”
“ตอนนี้มลเป็นยังไงบ้าง” พอเขาถามแบบนั้นเธอก็นิ่งอึ้งไป
“พี่จำใจต้องแต่งงานกับวิไลลักษณ์เพราะอยากช่วยเขา” เขาตัดสินใจเล่าเรื่องของวิไลลักษณ์ให้ธรฟัง ภัคธีมาได้ฟังก็ถึงกับสะท้อนใจอก
“เธอน่าสงสารจังเลยค่ะ”
“พี่รักมลคนเดียวไม่เคยนอกกายนอกใจมล”
“พี่ธร” เธอครางก่อนจะร้องไห้ออกมา
สมควรแก่เวลาแล้วที่เธอจะเล่าเรื่องของตัวเองให้เขาฟังเช่นกัน พอธรได้ฟังเขาก็ถึงกับโกรธขึ้นมาในทันที
“อย่ากลับไปที่นั่นอีกเลย เขาดูไม่ปกติ” ธรเอ่ยขึ้น
“แต่ลูกของมลอยู่กับเขาค่ะ มลต้องกลับไปเอาลูกออกมาก่อน ตอนนี้มลไม่ได้แตะลูกเลย นมก็ไม่ได้ให้ลูกกินเลย เขาเอานมชงให้กินแทน”
“พี่จะช่วยมลเอง”
“พี่ธร”
“เชื่อใจพี่ใช่ไหม”
“ค่ะ มลเชื่อใจพี่” ภัคธีมาโผเข้ากอดเขา ก่อนจะร้องไห้ออกมา ความเข้มแข็งที่เพียรสร้างขึ้นมาทลายลงไปในทันที เพราะในเวลานี้เธอได้เสียบิดามารดาที่รักยิ่งไป โดยเฉพาะมารดาที่มาด่วนจากไป ไหนจะลูกน้อยกลอยใจที่ไม่ได้กอดหอม ดูแลฟูมฟักเลยเพราะถูกแย่งไป เธอรู้สึกเหมือนชีวิตมืดมนไปหมด แต่ธรก็เหมือนแสงสว่างในชีวิตของเธอ
หลังจากงานศพของบิดามารดาจบสิ้น เธอพากระดูกพวกท่านไปลอยอังคาร ทำพิธีตามประเพณีเรียบร้อยแล้ว เธอก็กลับมาที่บ้านของนราอีกครั้ง
ท่านไม่ได้ไล่ ให้เธอเล่นกับลูกเหมือนปกติ พร้อมทั้งเอ่ยขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่
เมื่อลูกอยู่ในอ้อมอกเรียบร้อยแล้ว เธอก็รีบโทร. ไปหาธรในทันที เธออยากให้เขามารับตอนนี้เลย ข้าวของอะไรมีไม่มาก เธอไม่ได้ติดใจอยากได้อะไร แค่มีลูกเธอก็ไปได้แล้ว อะไรไม่สำคัญก็ทิ้งเอาไว้ที่นี่ ค่อยไปหาเอาใหม่
ภัคธีมาถอนใจอย่างโล่งอก เธอหันกลับไปก็เจอเข้ากับนราทำให้เธอตกใจจนสะดุ้ง
“ตกใจหมดเลยค่ะคุณแม่”
“ตกใจอะไร เธอทำอะไรผิดเหรอ”
“ปะเปล่าค่ะ” ภัคธีมารีบปฏิเสธ
“เรื่องตาหนูน่ะอย่าคิดมากเลยนะ แม่แค่คิดถึงพ่อนทีเลยอยากอยู่ใกล้ๆ หลาน เราเองก็ยังอยู่ที่นี่กับลูก อย่าถือสาเลยนะถ้าแม่จะเอาหลานไปเลี้ยง”
“หนูเข้าใจคุณแม่ค่ะ” แต่ลึกๆ ในใจ เธอเริ่มที่จะกลัวท่าทีของแม่สามีนี่แหละ แต่ใจก็ยังสงสารท่านที่ลูกชายตาย ความคิดของเธอสับสนไปหมด อาจเพราะว่ากลับมารอบนี้ท่านดีกับเธอมาก
“แม่เอานมอุ่น ๆ มาให้เราดื่ม หลังจากคลอดเราเองก็ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง หน้าตาซูบซีด แม่เป็นห่วง”
“ขอบคุณค่ะคุณแม่”
“ดื่มนมเสียก่อนสิ”
“ค่ะคุณแม่” ภัคธีมากล่าวขอบคุณ เพราะกลับมารอบนี้นราให้เธอได้อยู่กับลูกตลอดเวลา ท่านมาเล่นกับหลานบ้าง มาช่วยเลี้ยงบ้าง ครอบครัวกลับมาเป็นครอบครัวสุขสันต์อีกครั้ง
“แม่น่ะเสียนทีไปแล้ว ไม่อยากเสียหนูกับหลานไปอีก อย่าทิ้งแม่ไปนะ แม่แก่แล้ว” ประโยคของนราทำให้เธอรู้สึกสะท้อนใจ
เธอกำลังคิดจะพาลูกหนีท่านไป เลยรู้สึกผิดขึ้นมา ท่านดีมาก ดูแลเอาใจใส่ ทั้งอาหารการกิน อาหารเสริมดี ๆ ก็ซื้อมาให้กิน ทำให้เธอแข็งแรงขึ้นมาก ร่างกายเปล่งปลั่ง แถมยังมีความสุขที่ได้ดูแลลูกน้อยอย่างใกล้ชิดไม่โดนกีดกันอีก
“เอาตาหนูมาให้แม่อุ้มหน่อย แม่คิดถึง” ภัคธีมาส่งลูกชายให้แม่สามีแต่โดยดี
“ดื่มนมเสียก่อน แม่อุตส่าห์ชงมาให้”
“คุณแม่บำรุงหนูจนอ้วนแล้วนะคะ”
“เราต้องให้นมลูกนี่นา ก่อนหน้านี้แม่ขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ” คนพูดร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมา
“คุณแม่ไม่ต้องขอโทษหนูแล้วล่ะคะ หนูไม่ถือสาคุณแม่หรอก หนูเข้าใจ” เธอรีบปลอบโยน นึกขอโทษในใจ ที่เธอคิดจะไปแจ้งความเอาลูกคืน แล้วก็พาลูกหนีไป แต่อย่างไรเธอก็อยากพาลูกไปจากที่นี่อยู่ดี
“แม่ก็เลอะเลือนไปชั่วขณะ แม่ดีใจนะที่หนูไม่ถือสาคนแก่”
“หนูต้องขอบคุณคุณแม่เสียด้วยซ้ำค่ะที่เลี้ยงดูลูกหนูอย่างดี” แม้แรกๆ จะโดนกีดกัน แต่ก็ยอมรับว่าแม่สามีเลี้ยงดูพสุธาอย่างดี ยุงไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม กินอิ่มนอนหลับ ท่านไม่ได้ทำร้ายลูกเธอแม้แต่ปลายก้อย
เธอดื่มนมแก้วนั้นจนหมด ก่อนจะยิ้มให้ท่าน แล้วรอยยิ้มของนราที่กำลังยิ้มให้เธอก็แปรเปลี่ยนไป สมองกำลังจะดับวูบ เธอก็ได้ยินเสียงหัวเราะอันแสนชั่วร้าย
นางเห็นร่างของลูกสะใภ้นอนสลบอยู่ตรงหน้าก็ใช้เท้าเขี่ยดู
“นังโง่เอ๊ย! คราวนี้ฉันก็ส่งแกให้เสี่ยกัปตันได้แล้วสินะ ส่วนพสุธาน่ะฉันจะเลี้ยงให้ดีเอง เธอไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ”
นรามองภัคธีมาอย่างเกลียดชัง นางคิดว่าที่นทีต้องตายก็เพราะว่าภัคธีมาเป็นตัวกาลกิณี ตอนนี้นางมีตัวแทนของนทีแล้ว นทีกลับมาเกิดเป็นสายเลือดของนางอีกครั้ง ภัคธีมาก็ควรออกไปจากชีวิตครอบครัวของนางซะ
เมื่อหลายวันก่อน หลังจากภัคธีมาคลอด เสี่ยกัปตันซึ่งเป็นเจ้าหนี้ที่ได้เคยสัญญากับนทีเอาไว้ได้ติดต่อมาหานาง ทำให้นางรู้ความจริงทั้งหมด ว่านทีติดหนี้มหาศาล ที่สำคัญก็คือ นทีเองก็ไม่ได้รักใคร่ไยดีอะไรภัคธีมา เพราะลูกชายยกภัคธีมาให้เสี่ยกัปตันเพื่อขัดดอก ถ้านทีบอกนางเสียตั้งแต่แรก นางก็จะร่วมด้วยช่วยกันส่งลูกสะใภ้ไม่พึงปรารถนาคนนี้ให้เสี่ยกัปตันจนถึงมือ