Episode 5 บ้านอาถรรพ์

3164 คำ
ครูกซ์ดึงเสื้อผ้าสองชุดที่เตรียมมาด้วยออกจากกระเป๋า เขาเดินไปที่ลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้งซึ่งเป็นที่ๆอาเล็กบอกว่าเก็บต่างหูไว้ เมื่อเปิดลิ้นชักก็พบกล่องกำมะหยี่สีแดงวางอยู่ รอบกล่องไม่มีรอยฝุ่นบ่งบอกว่าแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดแล้ว เมื่อเปิดกล่องกำมะหยี่ออกดูจึงได้เห็นต่างหูระย้ารูปหยดน้ำเรียวยาวล้อมด้วยทองคำแกะสลักรูปใบไม้พันรอบ เพชรเม็ดใหญ่น้ำงามส่องประกายวาววับ ครูกซ์ดึงต่างหูข้างหนึ่งออกจากกล่องก่อนจ้องมองดูมันอย่างใคร่รู้ เขาหยิบกำไลทองที่ได้จากอาเดียร์ออกจากกระเป๋าเสื้อแล้วลองเทียบกันดู แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเกิดขึ้นทั้งสิ้น เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะเครื่องแป้งสั่นดังขัดจังหวะขึ้น ครูกซ์หยิบโทรศัพท์กดรับ “ครูกซ์พูดครับ” “ไปถึงแล้วใช่มั้ย” เสียงของอีกฝ่ายทักทายอย่างอารมณ์ดี “อาบอกเขาจัดห้องไว้ให้แล้วด้วยนะ” “ขอบคุณครับอาเล็ก” “แล้วเจอต่างหูมั้ย” “ผมพึ่งเก็บเข้าที่เมื่อกี้” ครูกซ์มองไปทางกล่องกำมะหยี่สีแดงในลิ้นชัก “ยังไม่มีอะไรผิดปกติครับ” “คืนนี้ถ้านอนไม่หลับก็บอกแม่บ้านให้เปิดห้องใหม่ได้นะ” “อาเป็นคนสั่งให้แม่บ้านเตรียมห้องอีกห้องไว้หรือครับ” “ใช่สิ ได้ยินข่าวลือเรื่องอาถรรพ์แบบนั้น เป็นใครก็ต้องเตรียมการไว้ใช่มั้ย” ครูกซ์ไม่ตอบ ลินด์จึงถอนหายใจ “งั้นแค่นี้ก่อนนะ ถ้าต้องการอะไรก็บอกแม่บ้าน หรือโทรคุยกับอาก็ได้นะ” “ยังไงก็ขอบคุณครับ” ครูกซ์กดปุ่มวางสาย หลังจัดของเสร็จครูกซ์ก็เดินลงไปชั้นล่าง เขาเปิดตู้เย็นในครัวมองหาเครื่องดื่ม เห็นมีชาเขียวแช่อยู่หลายกระป๋องจึงหยิบมากระป๋องหนึ่งก่อนเดินผ่านครัวไปยังชายทะเลด้านหลังบ้านพักตากอากาศ รั้วกั้นระหว่างบ้านพักสิ้นสุดแค่ก่อนถึงชายหาดเท่านั้น ครูกซ์เปลี่ยนใส่รองเท้าแตะย่ำลงบนทราย เมื่อทรายกระทบถูกเท้าให้ความรู้สึกร้อนนิดๆ วันนี้แดดดีตลอดวันโดยเฉพาะช่วงบ่ายแก่ๆแบบนี้ เขาดื่มชาพลางมองคลื่นทะเลกระทบชายฝั่งเป็นระลอก แม้อากาศจะร้อนแต่ลมทะเลพัดมาไม่ขาดสาย เดินเล่นซักพักครูกซ์จึงเดินไปที่สวนหน้าบ้าน เห็นคนสวนกำลังตัดแต่งต้นไม้จึงเดินเข้าไปทักทาย “สวัสดีครับคุณลุง” “อ้าว คุณที่บอกว่าเป็นหลานของคุณผู้หญิงใช่มั้ย” “ครับ” “เป็นยังไงบ้าง เจออะไรแปลกๆบ้างหรือยัง” “เรื่องแปลกที่ว่า พอจะบอกได้มั้ยครับว่าแปลกยังไง คุณอาบอกแต่มีอาถรรพ์แต่ไม่เคยเล่าให้ผมฟังซักที” ลุงคนสวนมองซ้ายทีขวาทีก่อนจะกระซิบบอกครูกซ์ “ตั้งแต่ลุงมาอยู่นี่ ก็เห็นมีเรื่องเรื่อยๆ ส่วนใหญ่จะเกิดกับสาวใช้ที่พี่งมาใหม่น่ะ เดี๋ยวฆ่าตัวตายบ้างล่ะ เดี๋ยวจมน้ำทะเลตายบ้างล่ะ บางทีก็ทะเลาะกันจนโดนไล่ออก” “เกิดเรื่องกับเฉพาะพวกสาวใช้ที่มาใหม่หรือครับ” “ใช่ เท่าที่ลุงเห็นนะ คุณผู้หญิงก็รับสมัครเรื่อยๆแต่ไม่ค่อยมีใครกล้ามาสมัครเลย มีข่าวลือว่าได้ยินเสียงหวีดร้องของผู้หญิงดังมาจากในบ้านบ้าง ชายหาดบ้าง คนที่รู้เรื่องแทบไม่กล้าเดินผ่านด้วยซ้ำ” “แล้วคุณลุงได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นจริงหรือเปล่าครับ” “ลุงไม่เคยได้ยินหรอก เขาว่ามักได้ยินกันตอนเที่ยงคืนเป็นต้นไป แต่ลุงเข้านอนตั้งแต่สี่ทุ่มแล้ว” ครูกซ์นิ่งคิดนิดหนึ่งก่อนจะตัดบท “งั้นผมไม่กวนลุงทำงานแล้วครับ ขอบคุณครับ” ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำใกล้ค่ำแล้ว ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำมืด แม่บ้านจัดสำรับขึ้นโต๊ะอาหาร เธอวางชามข้าวต้มกุ้งที่มีกุ้งตัวใหญ่สี่ตัวม้วนวางเรียงตรงกลางชาม เครื่องเคียงเป็นเนื้อปูผัดผงกะหรี่กับปลากะพงนึ่งมะนาวที่แน่นไปด้วยเนื้อ ครูกซ์มองดูอาหารตรงหน้าก่อนจะหยิบช้อนตักข้าวต้มมาลองชิมดู รสชาติไม่เค็มไม่จืดและมีความมันเล็กน้อย “รสชาติดีนะครับ” เขาวางช้อนก่อนชมแม่บ้าน “ดีจริง ฉันไม่ได้เข้าครัวมาพักหนึ่งแล้วเพราะคุณผู้หญิงไม่ค่อยมาที่นี่ ดีใจนะคะที่คุณว่าอร่อย” “แบบนี้ที่นี่มีคุณแม่บ้านคนเดียวก็คงพอแล้ว” เขากล่าวนิ่งๆตามแบบที่เคยทำแต่แม่บ้านหน้าเจื่อนไป “ผมได้ยินจากอาว่าที่นี่เคยมีพวกสาวใช้อยู่ด้วย แต่เจออาถรรพ์เลยทำให้อยู่ไม่ได้กัน” “ใช่ค่ะ เมื่อก่อนมีสาวใช้สามคนแบ่งหน้าที่กันทำงานบ้าน แต่ไม่นานหนึ่งในนั้นก็ฆ่าตัวตาย เห็นว่าสามีติดหนี้พนันก้อนใหญ่ทำให้ถูกเจ้าหนี้ตามรังควานที่บ้าน เธอเลยเครียดจัด” “เธอฆ่าตัวตายยังไงครับ” “ก็กระโดดจากหน้าต่างห้องคุณที่ชั้นสองน่ะค่ะ ข้างล่างมันใกล้กับประตูรั้วที่มีหนามพอดี มันเลยแทงร่างเธอทะลุเลย” “แล้วอีกรายที่ว่าจมน้ำล่ะครับ” “เรื่องนั้นอยู่ๆเธอก็หายตัวไป สองสามวันต่อมาถึงพบศพที่ริมชายฝั่งทะเล ตำรวจบอกว่าเธออาจจะลงเล่นน้ำแล้วไม่ระวังเลยถูกคลื่นซัดไปกลางทะเลน่ะค่ะ สาวใช้อีกคนกลัวก็เลยลาออก” “แล้วคุณแม่บ้านไม่กลัวหรือครับ” “โอ้ย ฉันอยู่มาตั้งสิบปีแล้วไม่กลัวหรอกค่ะ พวกสาวใช้พึ่งมาอยู่กันไม่ถึงห้าปีด้วยซ้ำ” “แล้วไม่รับคนใหม่มาแทนหรือครับ คุณแม่บ้านคนเดียวต้องรับผิดชอบทั้งหมดเลย” “มีรับสมัครอยู่เรื่อยๆล่ะค่ะ แรกๆก็มีมาสมัครกันแต่ทะเลาะกันจนต้องไล่ออกไป นี่ก็มีข่าวลือว่าได้ยินเสียงผู้หญิงหวีดร้องเสียงดังมาจากในบ้านอีก ตอนนี้เลยไม่มีใครกล้ามาสมัครซักคน” “แล้วคุณแม่บ้านเคยได้ยินเสียงที่ว่ามั้ยครับ” “ฉันเคยได้ยินนะคะ ตอนทำงานเก็บกวาดบ้านจนดึกน่ะ แต่อาจจะเป็นเสียงลมกลางคืนก็ได้” “ต่อไปคงไม่มีแล้วล่ะครับ อาเล็กให้ผมมาเอาต่างหูอาถรรพ์กลับไปพรุ่งนี้” “หรือคะ” แม่บ้านกล่าวพลางมองครูกซ์อย่างแปลกใจ “แล้วคุณไม่กลัวหรือคะ เห็นนอนในห้องที่เก็บต่างหูนั่นด้วย” “ของๆตระกูลเรา ผมชินแล้วครับ” ครูกซ์ทานข้าวต้มในชามจนหมดในขณะที่แม่บ้านยกน้ำเข้ามาเสริฟ เขาดื่มน้ำไปแก้วหนึ่งแล้วลุกจากโต๊ะไปขึ้นบันไดเพื่อกลับไปยังห้องของตนเอง ทันทีที่เข้าประตูห้องเขาก็เดินไปสำรวจที่หน้าต่างฝั่งมุมซึ่งติดกับประตูรั้วด้านล่างตามที่แม่บ้านบอก เห็นเหล็กแหลมประดับประตูรั้วเรียงเป็นแนวก็พอนึกภาพการตายของสาวใช้ออก เขาถือไฟฉายเดินลงไปสำรวจที่ประตูรั้ว ลมทะเลพัดแรงกระทบผิวหนังเย็นวูบ แต่กลับไม่เจอสิ่งใดที่ดูเหมือนเรื่องเหนือธรรมชาติ แม้แต่คลื่นทะเลก็ยังดูปกติ ไม่มีเสียงหวีดร้องหรือเงาของใครให้เห็นเลย ครูกซ์เดินกลับขึ้นไปบนห้องก่อนล้มตัวลงนอนบนเตียงพลางหยิบโน๊ตแพตขึ้นมาเลื่อนอ่านข่าวที่เกี่ยวข้องกับสาวใช้ที่ตายในบ้านพักตากอากาศ คงต้องรอจนถึงเที่ยงคืนค่อยลงไปสำรวจชายทะเลอีกครั้ง เสียงหวีดร้องจากนอกหน้าต่างปลุกให้ครูกซ์ตื่นขึ้น เขาวางโน้ตแพตไว้บนโต๊ะข้างเตียงเหลือบมองนาฬิกาซึ่งบอกเวลาเที่ยงคืนครึ่งก่อนเดินไปยังหน้าต่างที่เปิดค้างไว้ ลมพัดแรงจนม่านบางปลิวไสว เสียงหวีดร้องแปลกๆยังคงดังสม่ำเสมอ เขาใช้ความคิดนิดหนึ่งก่อนปิดหน้าต่างคว้าไฟฉายแล้วเดินลงไปด้านหลังบ้านพักที่ติดชายทะเล ทะเลยามกลางคืนดูลึกลับแต่น่าค้นหา คลื่นซัดกระทบฝั่งแล้วหายวับไปในความมืด แต่กลับไม่ได้ยินเสียงหวีดร้องเหมือนที่ได้ยินจากในห้องนอน “คุณมาทำอะไรแถวนี้น่ะ” เสียงคุ้นเคยทำให้ครูกซ์หันขวับไปทางต้นเสียง วิญญาณชายหนุ่มในชุดนอนกำลังลอยเคว้งกลางอากาศ “ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่” “ผมหรือ” เขาชี้ไปที่ตนเอง “ผมอยู่ที่นี่ก่อนคุณจะมาซะอีก” ครูกซ์หันมองซ้ายขวา “คุณลีอาก็อยู่ด้วยหรือ” “เกือบใช่ แต่ไม่ได้อยู่ใกล้แถวนี้หรอก” วิญญาณชายหนุ่มลอยตัวลงมาบนผิวทราย “ส่วนผมอยู่ที่นี่ตลอด บางทีก็มาเดินเล่นรอบๆชายหาดในละแวกนี้น่ะ” ครูกซ์เห็นท่าทางเขาหงอยๆต่างไปจากคราวก่อน “คุณตายในทะเลหรือ” “บ้าหรือ” เขาตอบกลับทันควัน “ผมไม่ได้ตายโหงซักหน่อย แถมตอนนี้ไม่อยากกลับไปเห็นเธอร้องไห้ด้วย” “หมายความว่าคุณลีอามาเยี่ยมคุณสินะครับ” “ใช่สิ” เขาพึมพำพลางมองมาทางครูกซ์ “อย่าเปลี่ยนเรื่องสิครับ ผมถามว่าคุณมาทำอะไรที่นี่” “ผมมาตามเครื่องประดับอีกชิ้นของตระกูล” “หือ” วิญญาณชายหนุ่มหันไปมองบ้านพักตากอากาศด้านข้างพวกเขา “ญาติคุณพักอยู่ที่นี่หรือ” “อาเล็กผมเป็นเจ้าของที่นี่” “แล้วคุณได้เห็นของหรือยัง มีอะไรหลอนๆเกิดขึ้นบ้างมั้ย” “ผมได้รับมาแล้ว แต่ไม่มีอะไรผิดปกติ” ครูกซ์มองสำรวจรอบๆ “แม่บ้านบอกว่าสาวใช้เจออาถรรพ์จนอยู่กันไม่ได้ ตอนอยู่ในห้องนอนผมได้ยินเสียงหวีดร้องแต่พอลงมาดูกลับมาเจอคุณแทน” “ผมบอกไว้ก่อนนะว่าผมไม่ใช่ต้นเหตุเรื่องผีที่เกิดบ้านนี้ อย่างมากก็แค่มาแวะเที่ยวริมหาด ไม่เคยเที่ยวส่งเสียงร้องในห้องนอนใครให้หนวกหูเล่นด้วย ทำแบบนั้นถึงเป็นผียังว่าเพี้ยนเลย” “ผมก็พอจะเดาออก” เขายิ้มนิดๆ “ผมสงสัยว่าจะเป็นฝีมือคนมากกว่าผี” “คุณรู้สาเหตุแล้วหรือ เป็นฝีมือญาติคุณอีกหรือเปล่า” ครูกซ์ส่ายหัว “อาเล็กไม่ได้พักอยู่ที่นี่นานแล้วครับ และเครื่องประดับก็ไม่ได้ตอบสนองความปรารถนาของเจ้าของด้วย อาเล็กไม่เคยขอพรจากเครื่องประดับ” “งั้นคุณก็ได้ยินเสียงร้องแค่ในห้องนอนน่ะสิ” “ใช่ครับ คิดๆดูแล้ว ถ้าเปิดเสียงจากมือถือในห้องข้างๆห้องนอนผม ก็ทำให้ได้ยินเหมือนกัน” “แต่ผมก็เคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับบ้านหลังนี้ เห็นว่ามีคนได้ยินเสียงหวีดร้องของผู้หญิง แต่ทุกครั้งที่มาเที่ยวเล่นแถวนี้ก็ไม่เห็นมีใครหรือเคยได้ยินอะไรแปลกๆเลย” “ผมคิดว่าการทำให้คนคิดไปเองว่ามี แล้วเอาไปเล่าต่อๆกันคงทำให้เกิดข่าวลือ ยิ่งเคยมีสาวใช้ตายในบ้านถึงสองศพด้วย” “ประมาณว่าถ้าคุณไม่เอะใจว่าเป็นการจัดฉาก แล้วกระต่ายตื่นตูมเที่ยวเอาไปบอกคนอื่นๆว่าได้ยินเสียงร้องเหมือนกัน สุดท้ายคนอื่นก็จะพากันเอาไปพูดปากต่อปากว่ามีเสียงหวีดร้องจริงอย่างงั้นสินะ” “ข่าวลือมีผลทำให้คนไม่กล้าเข้ามาสมัครเป็นสาวใช้ที่นี่ สุดท้ายที่นี่จึงเหลือแค่คุณแม่บ้านกับคุณลุงคนสวน” ครูกซ์นึกขึ้นได้รีบวิ่งกลับขึ้นไปบนห้องนอน วิญญาณชายหนุ่มในชุดนอนรู้สึกว่าเรื่องเริ่มน่าสนใจจึงตามเขาไปด้วย ครูกซ์รีบดึงลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้งแล้วดึงกล่องกำมะหยี่สีแดงออกมาเปิดดู แต่ต่างหูเพชรข้างในกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย วิญญาณชายหนุ่มรีบยื่นหน้าเข้ามาดูในกล่องด้วย “คุณโดนเข้าให้แล้ว ไม่ใช่ผีหรอก แต่เป็นแมวขโมยน่ะ” “ต่างหูนั่น ไม่ให้พรกับคนที่ไม่ใช่เจ้าของหรอกครับ” วิญญาณชายหนุ่มหันมองไปทางครูกซ์ “คุณไม่เสียดายหรือ นั่นต่างหูเพชรเชียวนะ มีคนจ้องขโมยของมีค่าไปนะ” “ผมแค่กลัวผลที่ตามมาจากการขอพรกับเครื่องประดับต้องสาปเท่านั้นครับ ถ้าขโมยไปแล้วคิดว่ารับมือได้จะลองดูก็ได้ครับ” วิญญาณชายหนุ่มสังเกตสีหน้าของครูกซ์อย่างละเอียดอีกครั้ง “ที่คุณมารวบรวมเครื่องประดับ มีเหตุผลพิเศษหรือเปล่า” “ผมแค่อยากช่วยคุณพ่อเท่านั้นครับ เผื่อมีเบาะแสที่ถอนคำสาปได้” เขาตอบสีหน้านิ่ง วิญญาณชายหนุ่มเลิกคิ้วยังคงติดใจสงสัยแต่ก็ไม่ได้เซ้าซี้ถามต่อ “งั้นเราต้องหาทางเอาคืนมามั้ย” “ไม่จำเป็นครับ แต่ผมอาจจะต้องโทรลางานวันจันทร์” “ฮะ…” วิญญาณชายหนุ่มเผลอสบถ “หมายถึงต้องอยู่ที่นี่ต่ออีกวันสินะ” “ผมว่าคุณกลับไปหาคุณลีอาได้แล้วมั้งครับ” “รู้แล้วๆ ไล่อยู่นั่นแหละ ฉันไปก็ได้” เขาเบ้ปากก่อนจะหายตัวไปกลางอากาศ ในขณะที่ครูกซ์เก็บกล่องกำมะหยี่เปล่ากลับลงลิ้นชักอย่างเงียบๆ เช้าวันรุ่งขึ้น แสงแดดอ่อนๆส่องลอดผ่านม่านบางเข้ามากระทบใบหน้าของครูกซ์ เขางัวเงียตื่นขึ้นมองดูนาฬิกาซึ่งบอกเวลาเจ็ดโมง เขาลุกขึ้นจะเดินไปเข้าห้องน้ำแต่เสียงโทรศัพท์สั่นดังขัดจังหวะเสียก่อน ชายหนุ่มเดินช้าๆเข้ามาดูชื่อที่แสดงอยู่บนหน้าจอเห็นเป็นชื่ออาลินด์ก็เลิกคิ้วกดรับสาย “สวัสดีครับอาเล็ก” “เป็นไงบ้าง เจอดีอะไรบ้างหรือเปล่าเมื่อคืน” เสียงอีกฝ่ายทักทายอย่างอารมณ์ดี “ไม่มีอะไรผิดปกติครับ แต่ผมอาจจะต้องอยู่ที่นี่ต่ออีกหน่อย” “ครูกซ์…” เสียงอาเล็กขาดหายไปครู่หนึ่ง “ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว ที่จริงอาแอบหวังว่าจะมีเพราะอยากรู้ว่าเธอจะกลัวบ้างมั้ย” “อาอยากเห็นผมกลัวหรือครับ” เสียงอีกฝ่ายสูดหายใจลึก “ไม่ใช่ แต่อาอยากให้เธอเลิกยุ่งเรื่องคำสาปพวกนี้ซักที เธอไม่เห็นพ่อเธอหรือ” “อาครับ บางทีผมอาจจะเป็นคนที่จบเรื่องนี้ได้ คุณพ่อเคยหลุดปากบอกผมไว้ก่อนที่ท่านจะกลายเป็นแบบที่เป็นอยู่” “เพราะเหตุนี้ใช่มั้ย แกถึงได้ฝังใจที่จะรวบรวมเครื่องประดับพวกนั้นนักหนา” อาเล็กเสียงแข็งขึ้น “ถ้าแกยังยึดติดอยู่กับคำพูดของคนที่เกือบจะเสียสติ แกจะเป็นอันตรายนะรู้มั้ย” “ผมขออยู่ที่นี่ต่อจนถึงวันจันทร์แล้วกันครับอา เสร็จเรื่องแล้วผมจะรีบกลับ” ครูกซ์ตัดบทแล้วรีบกดวางสาย เขาทิ้งโทรศัพท์ไว้บนเตียงแล้วเดินไปทำธุระต่อ แม่บ้านเตรียมสำรับอาหารเช้าไว้บนโต๊ะ กลิ่นหอมของต้มยำทะเลลอยคลุ้งไปทั่วห้องอาหาร เธอตักข้าวสวยใส่จานก่อนเทน้ำลงในแก้ว เครื่องเคียงเช้านี้นอกจากต้มยำแล้วก็มีหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ที่วางจัดเรียงเหมือนกลีบดอกไม้ห้าแฉก “มาแล้วหรือคะ ลงมาทานได้เลยค่ะ อาหารพร้อมแล้ว” แม่บ้านกล่าวทักทายครูกซ์ในขณะที่อีกฝ่ายมองดูเธออย่างใจเย็น “ขอบคุณครับ” ครูกซ์เลื่อนเก้าอี้ลงนั่งก่อนลองชิมน้ำซุปต้มยำ “รสชาติดีเหมือนเดิมนะครับ” “ขอบคุณค่ะ ว่าแต่เมื่อคืนนอนหลับดีมั้ยคะ” “ถ้าหมายถึงเรื่องแปลกๆ ผมยังไม่เจออะไรนะครับ” เขาแสร้งชะงักนิดหนึ่ง “เมื่อคืนมีใครไปแถวห้องผมหรือเปล่าครับ” แม่บ้านทำท่าทางตกใจ “ทำไมหรือคะ มีอะไรหายหรือ” “พอดีผมได้ยินเสียงแปลกๆก็เลยไม่แน่ใจว่ามีใครไปแถวนั้นมั้ย แต่ไม่มีอะไรหายครับ” แม่บ้านหน้าเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด “อ้อ แต่เมื่อคืนดิฉันเข้านอนตั้งแต่สี่ทุ่มนะคะ ไม่น่าจะมีใครไปแถวห้องคุณหรอก” “งั้นผมคงหูแว่วไปเองครับ” ครูกซ์กล่าวก่อนหันไปสนใจข้าวในจานเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “เห็นคุณผู้หญิงบอกว่าคุณอาจจะอยู่ต่ออีกวันหรือคะ” “มีเรื่องต้องตรวจสอบนิดหน่อยครับ ขอรบกวนอีกวันนะครับ” “เข้าใจแล้วค่ะ ถ้ามีอะไรก็เรียกฉันได้นะคะ” “ขอบคุณครับ” เขาตอบสั้นๆแต่แอบลอบสังเกตฝ่ายตรงข้ามอย่างเงียบๆ แม่บ้านไม่แสดงพิรุธอะไรให้เห็น เธอเพียงแต่ทำหน้าที่ของเธอต่อไปเท่านั้น ช่วงบ่ายของวันอาทิตย์ ครูกซ์ง่วนอยู่กับโน้ตแพตเพราะต้องส่งอีเมล์ถึงอาจารย์นอกที่จะมาเข้าสอนแทนเขา และขอสลับตารางสอนกัน เขานั่งอยู่ที่โซฟาในห้องนั่งเล่นเพื่อลอบสังเกตท่าทีของแม่บ้านที่กำลังทำความสะอาดอยู่ด้วย เธอเริ่มมีอาการเหม่อลอยไม่เป็นอันทำงานเท่าไร แต่ครูกซ์ไม่ได้เข้าไปเรียกเธอให้รู้สึกตัว เขาเพียงแค่มองดูเงียบๆเท่านั้น อาการของเธอหนักขึ้นเมื่อถึงเวลาอาหารค่ำ ครูกซ์เดินเข้ามาในห้องอาหารแต่กลับไม่เห็นแม่บ้านเข้ามาจัดสำรับ เขาเดินเข้าไปในครัวว่าจะลองถามเธอดู แต่เธอกำลังบ่นพึมพำกับตัวเอง จับใจความได้เพียงว่า “ต้องให้พวกมันทะเลาะกันจะได้ออกไปจากที่นี่” ในที่สุดเขาก็คิดว่าเธออาจจะถึงขีดจำกัดแล้ว ครูกซ์เดินเข้าไปแตะตัวเธอเบาๆ “คุณแม่บ้านครับ ไม่เป็นไรนะ” เธอสะดุ้งสุดตัวท่าทางลนลาน “อ้าว คุณมีอะไรหรือคะ” “ผมจะมาถามเรื่องอาหารเย็นครับ” “อาหารเย็น” เธอกล่าวเป็นเชิงถามก่อนจะทำท่านึกขึ้นได้ “ฉันลืมค่ะ ขอโทษด้วยจริงๆ” “ไม่เป็นไรครับ ผมไม่หิวหรอก” ครูกซ์เงียบไปพักหนึ่งแล้วจึงตัดสินใจพูดขึ้น “ถ้าหากรู้สึกไม่ดีก็เลิกเถอะนะครับ คืนนี้ผมจะออกไปเดินแถวชายหาด จะไม่กลับไปที่ห้องจนถึงเที่ยงคืนนะครับ” ครูกซ์ออกมาเดินเล่นแถวชายหาดราวๆสามทุ่มพลางนึกถึงข่าวเกี่ยวกับแม่บ้านที่ตายซึ่งเขาลองไปค้นดู การตายของแม่บ้านคนแรกน่าจะเป็นการฆ่าตัวตายจริงๆ แต่คดีถัดมานั้นข้อมูลไม่พอที่จะสรุป เขาแน่ใจว่าแม่บ้านอาจจะยั่วยุหรือเป็นต้นเหตุให้สาวใช้ที่สมัครเข้าทำงานใหม่ทะเลาะกันเพื่อให้มีคนอยู่ในบ้านน้อยที่สุด และบังเอิญว่าครูกซ์มาที่บ้านนี้ทำให้เธอต้องลงมือเร็วขึ้น เขาหวังว่าเธอจะยอมนำต่างหูไปคืนที่ลิ้นชักด้วยตนเอง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม