บทที่5

1730 คำ
เคร้ง! เสียงแก้วไวน์กระทบกันเบาๆ ยามเมื่อข่าวดีที่รอฟังถูกส่งมาจากคนที่แทรกซึมอยู่ภายในไร่ปานสิงค์ ริสาแสยะยิ้มอย่างมีความสุขเพราะไม่คิดว่าแผนเล็กๆ น้อยๆ ของเธอมันจะได้ผลเกินคาดแบบนี้ “คุณนี่เก่งจริงๆ ผมเลือกไม่ผิดเลยครับที่รักคุณ” นักรบเอ่ยชมคนรักสาวก่อนจะรั้งอีกฝ่ายเข้ามาจูบเพื่อให้รางวัลที่เธอสามารถกำจัดเสี้ยนหนามขวางทางความแค้นของตัวเองไปได้ตามแผนการ ซึ่งอีกฝ่ายก็ตอบรับด้วยการแลกลิ้นกลับมา บ่งบอกให้รู้ว่าร่างกายของเธอพรักพร้อมแค่ไหน สำหรับบทเรียนรักที่เร้าร้อนรุนแรงของเขา “พิสูจน์สิคะรบว่าคุณรักริสาแค่ไหน” เสียงหวานเว้าวอนอย่างหนักหน่วง อยากให้เขาแสดงความรักในรูปแบบร่างกายจะแย่ “ได้สิครับที่รัก เตรียมใจไว้ได้เลย ยังไงคืนนี้คุณไม่ได้นอนแน่ๆ” นักรบตอบรับด้วยความยินดีก่อนทั้งคู่จะพากันเข้าสู่บทเรียนรักเร้าร้อนที่ต่างก็ไม่มีใครคิดที่จะอ่อนข้อให้กับอีกฝ่ายแต่อย่างใด เพราะนี่มันคือการฉลอง ฉลองที่ในที่สุดเขาก็จะได้เห็นไร่ปานสิงค์ ไร่ที่ผู้ชายสารเลวคนนั้นทั้งรักทั้งหวงต้องพังพินาศลงด้วยน้ำมือของเขา จะไม่มีคำว่าปราณีสำหรับคนในตระกูลนี้อีกต่อไป! ไร่วศิน ราชาวดีก้มลงกราบที่ตักของผู้เป็นป้าทันทีที่เดินทางมาถึงไร่วศิน ไร่ส้มขนาดใหญ่ที่หากใครอยู่จังหวัดเพชรบูรณ์จำต้องรู้จักกันดี เพราะนอกจากผลผลิตที่ไม่เคยขาดทุนเลยสักปีแล้วนั้น ที่นี่ยังขึ้นชื่อเรื่องของหนอนไหม ที่ผู้เป็นป้าของเธอนั้นเป็นคนเริ่มทำขึ้นมาอีกด้วย คงไม่มีใครที่จะไม่รู้จักคุณหญิงแพรวพราว หญิงม้ายสูงอายุที่เป็นผู้ควบคุมทุกๆ สิ่งในอาณาเขตนี้เพียงลำพัง คุณป้าของเธอไม่มีลูกเนื่องจากมดลูกของท่านเสื่อม จะมีก็แต่คนงานในไร่เท่านั้นที่อยู่เคียงบ่าเคียงไหล่กับท่านมานับตั้งแต่ลุงพจผู้เป็นสามีมาด่วนจากไปด้วยโรคมะเร็งเมื่อแปดปีก่อน เธอได้รู้จักทั้งสองท่านตอนเด็กๆ เพราะพวกท่านมักจะแวะเวียนไปเยี่ยมหลังจากที่ได้รู้ว่าแม่ของภูมินทร์รับเธอมาเป็นลูกอีกคนของท่าน แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าจนถึงทุกวันนี้เธอยังคงเป็นแค่เด็กที่ท่านรับมาเลี้ยงเท่านั้น เพราะท่านมาด่วนจากไปเสียก่อนที่จะทำเรื่องทำเธอเป็นบุตรเสร็จเรียบร้อยดี แม้จะได้ใช้นามสกุลของท่าน แต่สุดท้ายเธอก็เป็นเธอคนเดิมไม่ได้เปลี่ยนแปลง เป็นเด็กกำพร้าที่ไม่มีใครต้องการคนนั้น… “ไหว้พระเถอะจ๊ะ ป้าพอรู้เรื่องมาบ้างแล้ว แล้วป้าก็ไม่เชื่อด้วยว่าเราจะทำร้ายใครก่อน” แม้นิสัยของหลานสาวจะร้ายกาจ แต่ก็ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่เรื่องการทำร้ายคนอื่นก่อนของราชาวดีจะลอยเข้าหูมาให้ได้ยิน นางจึงไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่ได้ยินมาเป็นเรื่องจริง “ขอบคุณคุณป้ามากนะคะที่ยังเชื่อใจพรีมแถมยังอนุญาตให้พรีมมาอยู่ที่นี่ พรีมรับรองนะคะว่าจะช่วยทำงานทุกอย่างสุดความสามารถ” คุณหญิงแพรวพราวยิ้มรับหลานสาวช่างพูดช่างเจรจาที่ไม่ได้เจอกันนานดูโตขึ้นมาก แถมยังเป็นสาวสวยที่พวกคนงานชายภายในไร่พากันมองตาไม่กระพริบอีกด้วยสิ แต่เห็นแบบนี้ก็หวงตัวค่อนข้างมาก หนุ่มคนไหนจะเข้าใกล้แต่ละทีก็ลำบากหน่อย “ดูพูดเข้า! เราน่ะเป็นหลานสาวของป้า ไม่ใช่คนอื่นที่ไหน อยู่มันเสียที่นี่ให้สบายใจเถอะนะพรีม หนูจะอยู่นานแค่ไหนก็ได้เท่าที่หนูต้องการ ป้าเองก็เหงาๆ มีตัวแสบอย่างเรามาอยู่ด้วยก็ดีเหมือนกัน” ราชาวดียิ้มรับก่อนจะโผเข้ากอดผู้เป็นป้าที่ดีแสนดีกับเธอด้วยความรัก ไม่นานทั้งสองก็ต้องผละออกจากกันเมื่อบุคคลที่สามเดินเข้ามา “เรามาได้เวลาพอดีเลยตาวี ป้าจะขอแนะนำให้รู้จักกันก็แล้วกัน พรีมนี่คือพี่กวี ลูกชายเพื่อนสนิทของป้าเอง ส่วนนี่ราชาวดีจ๊ะ หลานสาวที่ป้าเคยเล่าให้ฟังไงตาวีจำน้องได้ไหม ทำความรู้จักกันเสียสิ เพราะต่อไปยัยพรีมจะเข้ามาทำงานในไร่ในฐานะผู้ช่วยของเราล่ะ” กวียิ้มรับก่อนจะลอบมองหญิงสาวอีกคนด้วยความชอบใจ ราชาวดีเป็นผู้หญิงที่สวย สวยมากเสียจนเขาแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองว่าหญิงสาวที่หลงรักทันทีที่ได้เห็นเพียงแค่รูปถ่ายที่ผู้เป็นป้าของเธอยื่นให้ดู ทว่าตอนนี้เธอกำลังนั่งส่งยิ้มอบอุ่นมาให้กันตรงหน้า นางในฝัน หญิงสาวที่เขาฝันอยากจะเจอและทำความรู้จักกับเธอสักครั้งมาตลอดหลายปี ตอนนี้อยู่ใกล้กันแค่เอื้อมนี้แล้วจริงๆ “สวัสดีค่ะพี่กวี พรีมขอฝากตัวด้วยนะคะ” ราชาวดีจำต้องเอ่ยขึ้นเป็นคนแรกเมื่อเห็นอีกฝ่ายเอาแต่ยืนนิ่งจ้องมองกันไม่พูดอะไร “เอ่อ…ครับน้องพรีม แต่น้องพรีมเรียกพี่ว่าพี่วีเฉยๆ ก็พอครับ” ราชาวดียิ้มรับก่อนหัวใจจะกระตุกวูบเมื่อเห็นรอยยิ้มของกวีแล้วดันเผลอไปคิดถึงคนใจร้ายบางคนขึ้นมาซะได้ ใครบางคนที่ป่านนี้คงจะมีความสุขกับคนรักของเขา ภูมินทร์คงมีความสุขมากกว่าหากเธอพาตัวเองออกมาให้ไกลชีวิตของเขา เพราะฉะนั้นมันก็ถูกต้องแล้วที่ต่อจากวันนี้ไปเธอจะเลิกคิดถึงเขา แม้จะรู้ว่านั่นอาจจะเป็นสิ่งที่ยากที่สุดในชีวิตเท่าที่เคยทำมาก่อน แต่เธอก็ต้องทำ! เพื่อตัวของเธอเอง และท้ายที่สุดก็เพื่อเขา คนที่เธอจะทำให้เป็นเพียงอดีต ทางด้านภูมินทร์กลับไม่ได้รู้สึกยินดีต่อการจากไปของน้องสาวแต่อย่างใด แม้เวลาอยู่ต่อหน้าทุกๆ คนเขาจะทำตัวเป็นปกติไม่มีท่าทีอะไรให้ใครได้เห็น แต่พอกลับเข้าบ้าน บ้านที่แต่ก่อนเคยมีใครบางคนเดินไปมาให้ได้เห็น ใครบางคนที่มักจะออกมายืนรอรับกันอยู่ที่หน้าบ้านแม้ว่าเขาจะเคยสั่งห้ามเพราะกลัวเธอจะป่วยแต่ก็ดื้อไม่ยอมฟังกัน ใครบางคนที่ป่านนี้คงจะเดินทางถึงจุดหมายปลายทางของเธอแล้ว และเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าตอนนี้เวลานี้เธอจะกำลังทำอะไรอยู่ จะคิดถึงเขา เหมือนที่เขากำลังคิดถึงเธอรึเปล่าไม่รู้เลยจริงๆ “คุณพรีมไม่อยู่บ้านก็เงียบเลยเนอะป้า! นี่ขนาดไปแค่วันเดียวฉันยังคิดถึงขนาดนี้ ไม่รู้ว่าจะไปนานแค่ไหน” เสียงพูดคุยของหนึ่งในสาวใช้ทำเอาเท้าที่เตรียมจะก้าวขึ้นชั้นบนชะงักค้างไปชั่วครู่ เห็นทีว่าคงไม่ได้มีแค่เขาเท่านั้นที่รู้สึก ทุกๆ คนภายในไร่ต่างก็พากันพูดแบบนี้ทั้งนั้น ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ราชาวดีมีผลต่อทุกๆ คนแบบนี้ “นั่นสิ คราวนี้รุนแรงมากจริงๆ ข้าล่ะเป็นห่วง ไปอยู่เสียตั้งไกลไม่รู้ว่าจะมีคนดูแลรึเปล่า”ภูมินทร์จำต้องตัดใจพาตัวเองเดินขึ้นมาชั้นบนเพราะไม่อาจทนยืนฟังประโยคสนทนาเกี่ยวกับน้องสาวได้อีกต่อไป หากแต่เท้าเจ้ากรรมกลับเดินเข้ามาในห้องของราชาวดีตามความเคยชิน กว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่ล้มตัวลงนั่งบนเตียงแล้วพบเพียงแต่ความว่างเปล่าแล้วเท่านั้น ห้องนอนที่เขาเคยเดินเข้าออกเป็นว่าเล่น หากแต่ตอนนี้มันกลับว่างเปล่า หลงเหลือไว้เพียงแค่กลิ่นหอมอ่อนๆ เฉพาะตัวที่ใครก็ยากจะเลียนแบบได้ที่เจ้าของมันทิ้งเอาไว้ให้สัมผัสถึง แต่ใครเลยจะรู้ว่าแค่นี้มันก็ทำให้เขาแทบเป็นบ้า!! “พรีมรักพี่ภูมิ รักในแบบที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะสามารถรักผู้ชายหนึ่งคนได้ ไม่ใช่ความรักแบบพี่ชายกับน้องสาว…” ประโยคของเธอยังคงดังก้องอยู่ในหัวของเขาอยู่ เขาเองก็ไม่ได้โง่ถึงขั้นดูไม่ออกว่าเธอคิดยังไงกับเขา หากแต่เรื่องแบบนั้นมันไม่มีทางเป็นไปได้ เธอคือน้องสาวของเขา แม้ว่าจะต่างสายเลือด แต่ก็เป็นน้อง น้องสาวที่เขาเคยได้ให้สัญญากับพ่อและแม่เอาไว้ว่าจะต้องปกป้องเธอด้วยชีวิตที่เหลืออยู่ ซึ่งบางทีการที่เธอเลือกที่จะขอเป็นคนไปนั้นมันอาจจะดีกับทุกคนแล้วก็ได้ เขาเองก็จะได้ไม่ทำร้ายเธอด้วยการเผลอไปปกป้องคนรักอย่างริสาให้เธอได้เห็นอีก ส่วนราชาวดีเองก็จะได้มีเวลาพักเพื่อหยุดคิดทบทวนถึงเรื่องราวที่มันไม่สมควรจะเกิดขึ้น ในขณะที่ริสาเองก็จะได้เบาใจเรื่องของอีกฝ่ายไป ทุกๆ อย่างมันก็น่าจะลงเอยด้วยดีแล้ว แต่ทว่าทำไมเล่าหัวใจเจ้ากรรมกลับรู้สึกว่ามีบางสิ่งขาดหายไป บางอย่างที่มันสำคัญ ภูมินทร์หยุดคิดทุกๆ สิ่งไปชั่วขณะเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นบางสิ่งที่ถูกวางเอาไว้ที่ข้างเตียงเข้าโดยบังเอิญ เขาไม่รีรอที่จะขยับไปหยิบมันมาดูก่อนจะพบว่ามันคือสมุดบันทึกที่ราชาวดีแสนจะหวงนักหวงหนาและก็ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่เธอจะเอ่ยปากอนุญาตให้เขาได้เปิดอ่านมัน แต่ตอนนี้เธอกลับเป็นฝ่ายทิ้งมันเอาไว้ให้กับเขาแทน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม