เ(ฉ)พาะช่างขังรัก (MDL STORY)
EPISODE5
[กลัวเหรอครับ]
ณ ช็อปช่างแผนกช่างกลโรงงาน
ภารัณที่วันนี้ก็นั่งฟุบหลับอยู่ที่มุมหนึ่งของช็อปมาทั้งคาบ ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองกลุ่มเพื่อนร่วมแผนกส่วนหนึ่งที่กำลังเก็บกวาดช็อปกันอยู่
และไอ้ส่วนหนึ่งที่ว่าไม่มีเดี่ยวกับบาสรวมอยู่ด้วยแน่นอน
ชายหนุ่มยกแขนบิดขี้เกียจคลายความเมื่อยขบ ก่อนล้วงโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋ากางเกงออกมาดู ก็พบว่าบนแถบการแจ้งเตือนมีข้อความจากคนในเกมส่งมา
[PN : เลิกเรียนหรือยังคะคุณอาร์]
อ่านข้อความจบก็ยกยิ้มภายใต้แมสก์ปิดหน้า ก่อนจะพิมพ์ข้อความตอบกลับไป
[Mr.R : เลิกแล้วครับ คุณล่ะกลับบ้านรึยัง]
[PN : กำลังจะกลับค่ะ แต่ยังกลับไม่ได้เลย]
ข้อความถัดมาทำหัวคิ้วชายหนุ่มขมวดมุ่น นั่นทำให้เขาดึงเฮดโฟนอีสปอร์ตสีแดงดำที่ครอบหูทั้งสองข้างออก พลันเสียงของสายฝนที่โหมกระหน่ำอยู่นอกอาคารก็ดังแทรกเข้ามาทันที
‘ฝนตก?’ ภารัณคิดในใจ ก่อนที่ภาพของใครบางคนจะผุดขึ้นในหัว
“ไอ้รันมึงจะกลับยัง ให้กูเอารถเข้ามาหน้าช็อปไหม” เดี่ยวที่เดินไปหยิบกระเป๋าในล็อกเกอร์หันมาถาม เพราะเห็นว่าภารัณตื่นแล้ว
“กูไม่รีบ” ชายหนุ่มตอบสั้น ๆ ไอ้น้ำเสียงเนือย ๆ แบบนั้นของเพื่อนรัก เดี่ยวและคนทั้งวิทยาลัยชินซะแล้ว
“ฝนตกขนาดนี้มึงจะขี่มอ’ไซด์กลับเหรอวะ ไม่รู้แม่งจะหยุดตอนไหน หาเรื่องปอดบวมตายรึไงวะ” บาสว่าเสียงคล้ายคุณแม่กำลังบ่นลูกชาย ขณะยืนมองสายฝนที่โถมกระหน่ำลงมาไม่หยุดตั้งแต่บ่ายสอง
“อืม” แต่บาสก็ได้เพียงคำตอบสั้น ๆ เช่นกัน
ภาพลักษณ์ที่ทุกคนเห็น คือภารัณเป็นพวกชอบทำตัวเนือย ๆ ไม่ค่อยสนใจกับสิ่งรอบตัวสักเท่าไหร่ เขาเคยนั่งอยู่ที่ช็อปของวิทยาลัยยันเช้า แล้วก็กลับออกไปตอนอาจารย์เดินเข้ามาในคาบเรียนแรก หรือไม่ก็เข้ามาเรียนก่อนจบคาบสิบนาที ให้อาจารย์ได้ก่นด่าเล่น ๆ คล้ายกับพวกโรคจิตไม่มีผิด
ซึ่งวีรกรรมของภารัณก็มีให้เห็นแทบทุกวัน และทุกคนต่างก็ได้แต่ตั้งคำถามต่อวิทยาลัย ว่าทำไมถึงยังไม่ไล่ไอ้คนชอบทำตัวแหกคอกอย่างภารัณออกไปสักที
แน่นอนว่าต่อให้มีเสียงนินทาด่าทอถึงเขามากมายแค่ไหน แต่ทุกวันนี้ภารัณก็ยังคงทำอะไรตามใจตัวเองอยู่ดี
"ไอ้เด็กปี 1 ที่ป้ายรถเมล์แม่งแซวคุณหนู MDL จนแทบจะร้องไห้แล้วว่ะ"
"อ๋อ! น้องที่ตัวเล็ก ๆ ขาว ๆ ที่ทำผมสีอ่อน ๆ ไหมวะ กูเห็นทุกเย็น เหมือนว่าจะจอดรถอยู่ลานฝั่งวิท’ลัยเรา สวยจัดแต่ดูเด็กดีจนกูไม่กล้าเข้าไปเฉียดเลยว่ะ"
"แต่อันนี้เด็ดกว่าเว้ย วันก่อนกูเห็นน้องเขาเดินกับน้องเอวาที่เป็นดาวต็อกต็อกด้วยนะมึง น่าจะเพื่อนกัน บอกเลยว่าน้องเขาสวยทั้งกลุ่มว่ะ"
“พูดอีกก็ถูกอีก น้องบีบีน่ารักจัด ตัวเล็กน่าอุ้มฉิบหาย”
“เหี้ย! มึงก็กามตลอด”
เสียงพูดคุยของกลุ่มคนที่ย้อนกลับมาเอาของในช็อป ทำให้ทั้งเดี่ยวและบาสต่างหันไปมองหน้าภารัณที่อยู่ ๆ ก็ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้แบบไม่มีปี่มีขลุ่ยอีกแล้ว
[PN : ฝนตกไม่ยอมหยุดเลยค่ะ คุณอาร์คุยเป็นเพื่อนกันก่อนได้ไหมคะ]
ข้อความถัดมาทำให้ภารัณยัดโทรศัพท์มือถือลงกระเป๋ากางเกง ก่อนจะคว้าเสื้อช็อปมาสวมทับเสื้อยืดตัวใน แล้วสาวเท้าเร็ว ๆ ออกจากช็อปไป
"เอ้า! อะไรของมันวะ เมื่อกี้มันบอกกูว่าไม่รีบไม่ใช่ ช่วงนี้แม่งนึกจะไปก็ไปไม่บอกห่าอะไรเลย เมียหลวงอย่างกูชักจะน้อยใจแล้วนะเว้ย" เดี่ยวอดหัวเสียไล่หลังไม่ได้ แต่ก็ไม่วายพูดติดตลก เพราะรู้ว่าภารัณไม่ชอบให้เขายัดเยียดความเป็นเมียจอมปลอมให้
"กูสังเกตหลายทีละ แม่งไปตอนอ่านข้อความจบตลอด หรือใครโดนไอ้ห่าย้งเล่นอีกแล้ววะ" บาสตั้งข้อสันนิษฐานสีหน้าจริงจัง ทำให้เดี่ยวฉุกคิดเช่นกัน
“ฝ่ายปกครองเล็งหัวมันอยู่ มันจะเอาอีกแล้วเหรอวะ เพิ่งตีกันไปเองนะเว้ย” เดี่ยวพึมพำ
ล่าสุดที่ภารัณโดนฝ่ายปกครองเรียกไปอบรมกว่าครึ่งวัน ก็เพราะไปตีกับพวกของย้งนั่นแหละ พ่อแม่ของพวกฝั่งโน้นพากันมาร้องเรียนถึงวิทยาลัย ว่าภารัณตีลูกของตนจนเลือดอาบ บางคนต้องนอนหยอดน้ำข้าวต้มอยู่ที่โรงพยาบาล ขืนวันนี้เพื่อนเขาไปมีเรื่องอีก ฝ่ายปกครองได้สั่งพักการเรียนภารัณยาว ๆ แน่
ที่ป้ายรถประจำทางหน้าวิทยาลัยเฉพาะช่าง MDL
ฉันได้แต่กำโทรศัพท์ในมือแน่น ถึงจะมีฟ้าแลบฟ้าร้องให้ต้องสะดุ้งตกใจเป็นระยะ แต่ฉันก็ยังไม่ยอมปิดโทรศัพท์มือถือง่าย ๆ
[Mr.R : รอฝนหยุดค่อยออกมาก็ได้ครับ ผมคุยเป็นเพื่อนเอง ไม่รีบ]
ข้อความปรากฏบนหน้าจออีกครั้ง น่าแปลกที่พอเห็นว่าอีกฝ่ายรับปาก ใจฉันก็รู้สึกโล่งขึ้นเล็กน้อย ย้ำว่าแค่เล็กน้อยจริง ๆ เพราะในใจได้แต่คิดว่า ถ้าคุณอาร์เรียนที่เดียวกันกับฉันก็คงดี มันเป็นความคิดที่บ้ามาก ๆ เลยสินะ ที่ฉันอยากเจอเขาเวลานี้
แต่ถึงจะอยากเจอแค่ไหน…ก็คงไม่ได้เจอหรอก
"นั่งได้นะครับคนสวย พวกเราไม่กัดหรอกน่า" เสียงของหนึ่งในกลุ่มเด็กช่างที่นั่งออกันอยู่ที่ป้ายรถเมล์ดังขึ้น แต่ฉันก็ยังคงยืนนิ่งไม่ขยับไปไหน
เพราะฝนตกลงมาอย่างหนัก ตอนที่กำลังจะเดินไปลานจอดรถ ทำให้ฉันต้องมายืนหลบฝนอยู่ที่นี่ และพวกผู้ชายที่นั่งกันอยู่ด้านหลัง ก็เอาแต่ส่งเสียงแซวฉันไม่หยุดปาก
ฉันกลัวและไม่รู้จะทำยังไง คิดจะโทรหาพี่พนาให้มารับก็ทำไม่ได้ เพราะเวลานี้พี่พนามีประชุมสำคัญกับผู้ถือหุ้นรายใหม่ ฉันไม่อยากให้พี่ชายต้องพลาดโอกาสร่วมงานกับบริษัทยักษ์ใหญ่ ที่พี่พนาตั้งความหวังไว้สูง ว่าทางนั้นจะพาบริษัทของเราไปสู่จุดที่มั่นคงมากขึ้น ฉันเลยได้แต่คุยกับคนในแชท ที่รู้อยู่แก่ใจว่าเขาคงไม่สามารถมาอยู่ตรงนี้กับฉันได้
[PN : ติดเหง็กอยู่ที่ป้ายรถเมล์ค่ะ ฝนตกแถมฟ้าร้องแรงมาก ไม่กล้าเดินไปลานจอดรถเลยค่ะ]
ฉันพิมพ์ข้อความบอกเขา เหมือนฟีลแฟนที่กำลังอ้อนให้เขามาหาไม่มีผิด คุณอาร์เป็นใคร เรียนอยู่ที่ไหน อายุเท่าไหร่ หน้าตาเป็นยังไง ฉันไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง
รู้แค่ว่าฉันสบายใจที่ได้คุยกับเขาผ่านทางข้อความ แม้ในใจลึก ๆ คิดอยากจะเจอเขาสักครั้งก็ตาม แต่ฉันไม่อยากทำให้เขาต้องรู้สึกอึดอัดใจ ถ้าเขาพร้อมเมื่อไหร่คงจะบอกฉันเอง
อ้อ! ฉันรู้จักกับเขาในเกมที่เล่นน่ะ เขาทักมาถามฉันทางแชทเรื่องคอสตูมในเกม ฉันเลยตอบเขาไป เพราะไม่ได้เสียหายอะไร ตั้งแต่นั้นมาเราก็คุยกันมาตลอด เขาพูดจาสุภาพเสมอ ดูท่าทางจะเป็นหนุ่มเรียบร้อยไม่น้อยเลย
[Mr.R : กลัวเหรอครับ]
ข้อความแสดงขึ้นบนแถบแจ้งเตือน แต่ฉันยังไม่ได้พิมพ์ตอบอะไร ก็ต้องรีบขยับตัวถอย เมื่อมีนิสิตช่างคนหนึ่งลุกขึ้นมายืนข้าง ๆ ฉัน