ตอนที่ 6
จูบ…กระชากรัก (1)
"ปรายฟ้า...ทำไม...ทำไมเหมือนเรารู้จักมานาน เหมือนคุณไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับผม"
อารชวินไล้ปลายนิ้วไปตามพวงแก้มนิ่มๆ พร้อมไล่มองไปทั่วดวงหน้าหวานด้วยแววตาทอประกายปรารถนา สายตาของเขากำลังทำให้คนถูกมองร้อนวูบวาบไปทั้งร่างจนยืนเกร็งกลั้นหายใจจนอึดอัด เมื่อยามใบหน้าคมโน้มลงต่ำเข้ามามากขึ้น มาพร้อมกับฝ่ามือแกร่งที่เคลื่อนไปใต้ท้ายทอย เพื่อรั้งใบหน้าให้แหงนเงยและตรึงเอาไว้ไม่ให้ขยับหนีในคราเดียวกัน หญิงสาวยิ่งตื่นตกใจ
"อย่าค่ะ"
ปลายนิ้วนุ่มทาบลงบนริมฝีปากได้รูป เมื่อเรียวปากอิ่มกำลังจะถูกครอบครอง ระยะห่างแค่ปลายนิ้วกั้นทำให้ต่างสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนรุ่มของกันและกัน ความแนบชิดที่พาให้ใจไหวหวั่นไปกับเสน่ห์แห่งเรือนกายของชายหนุ่มตรงหน้า กำลังจะทำให้อมลรดาพลาดท่าเสียที
เสียงห้ามเบาๆ ถูกกลืนหายไปในอากาศ เมื่อริมฝีปากร้อนไล่พรมจูบไปตามปลายนิ้วนุ่ม สัมผัสเพียงแผ่วแต่นำพาความวาบหวามให้ซึมผ่านปลายนิ้วแล้ววิ่งพล่านไปตามกระแสเลือด ความที่ไม่เคยในรสสัมผัสจากเพศตรงข้ามและชั้นเชิงชายที่รุกเร้ากำลังทำให้อมลรดาพ่ายแพ้ใจตัว
มือเล็กเคลื่อนไปเกาะบ่ากว้างเอาไว้เพื่อพยุงกาย เมื่อเธอพลาดท่าเสียทีให้เขาขโมยจูบไปอย่างง่ายดาย สัมผัสหวานล้ำแสนอ่อนโยนฉุดรั้งใจให้ด่ำดิ่งลึกสู่ห้วงปรารถนา หากแต่ว่ากายกลับเบาหวิวปล่อยให้เขาพาท่องล่องลอยไปใน
วิมานสวรรค์ คล้ายกลัวว่าจะพลาดตกลงพื้นท่อนแขนเรียวจึงเคลื่อนไปโอบกอด
กายแกร่งเอาไว้ การตอบสนองของเธอนั้นทำให้อารชวินลอบยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ
"หวานเหลือเกินปรายฟ้า"
หญิงสาวปรือตามองเมื่อเสียงกระซิบเบาๆ แนบชิดอยู่กับกลีบปากอิ่ม ยังไม่ทันที่จะโต้ตอบเขาก็จาบจ้วงบดเคล้ากับกลีบปากแดงเห่อซ้ำลงมาอีกครั้ง ครานี้กายสาวถึงกับอ่อนระทวยเมื่อสัมผัสจากปลายลิ้นร้อนนั้นช่างดุดันและร้อนเร่าในคราเดียวกัน ด้านอารชวินถึงกับครางอยู่ในลำคออย่างพึงใจ มันเป็นรสจูบที่แสนวิเศษในความคิดของชายหนุ่ม จากที่เพียงคิดแค่จะลิ้มลองให้พอรู้รส ยามนี้เขากลับหยุดตัวเองไม่ได้เสียแล้ว ใจร่ำร้องว่าอยากที่จะกินเธอเข้าไปทั้งตัว
"โอ๊ะ! คุณปราย"
เสียงอุทานขัดอารมณ์หวามให้ต้องสะดุดลง หญิงสาวได้ยินเขาทำเสียงจิ๊จ๊ะอยู่ในลำคอเมื่อยามผละออกห่าง แล้วหันไปทางต้นเสียงเพื่อมองหาคนที่กล้าเข้ามาขัดจังหวะโดยไม่รู้เวล่ำเวลา เธอมองตามไปก็พบว่าเป็นยายนวลจันทร์ที่กำลังยืนขาแข็งเพราะมัวตกใจจนทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ แกคงไม่คิดว่าจะได้มาเห็นสองหนุ่มสาวยืนกอดจูบกันอย่างดูดดื่มต่อหน้าต่อตา
"ยายจันทร์ มาทำอะไร!" อารชวินตะคอกกลับไปเบาๆ ด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว ขณะมองไปยังคนที่กำลังหลบสายตาวูบด้วยแววตาคาดโทษ ด้านยายนวลจันทร์เอาแต่กระอึกกระอัก เพราะเห็นแววตาเจ้านายหนุ่มแล้วให้นึกหวาดหวั่นจนไม่กล้าพูดอะไรออกมา
"ยายก็...ก็จะมาปิดไฟค่ะ คิดว่าคุณเข้าห้องกันแล้ว..ดะ เดี๋ยว ยายขึ้นมาใหม่นะคะ" พูดได้เท่านั้นแกรีบหันหลังกลับ วิ่งผลุนผลันลงบันไดไปด้วยใจที่เต้นโครมคราม อารชวินถอนหายใจตามร่างท้วมไปจนกระทั่งแน่ใจว่าอีกฝ่ายจะไม่ย้อนกลับมา
แววตาแข็งกร้าวแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนเชื่อม เมื่อยามหันกลับมาจับจ้องหญิงสาวตรงหน้า ไฟปรารถนาในแววตาคมกล้ายังคงคุกรุุ่น มันจะดับลงก็ต่อเมื่อเขาต้องได้ลิ้มลองจนพอใจ
"คุณปราย พอเถอะค่ะ"
หญิงสาวรีบร้องห้าม พร้อมกับออกแรงดันอกแกร่งเบาๆ ให้เขาถอยห่าง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะเริ่มบรรเลงเพลงรักใหม่อีกครั้ง เธอเชื่อว่าคราวนี้มันจะต้องไม่หยุดลงแค่ตรงนี้ มันคงจะต้องไปจบบนเตียงกว้างอย่างแน่นอน
“ปรายฟ้า คุณทำให้ผมว้าวุ่น แล้วคืนนี้ผมจะนอนหลับลงได้ยังไง"
ดวงตากลมโตหลุบต่ำเพื่อหลบหลีกสายตาโลมเลีย พวงแก้มสาวร้อนวูบเมื่อคิดว่าตนช่างใจง่ายสิ้นดี เธอยอมให้เขาจูบแต่กับเตชินทร์ซึ่งรู้จักกันมานานเธอกลับผลักไส ยอมหนีการแต่งงานเพราะทำใจไม่ได้หากเขาจะได้ตัวส่วนหัวใจนั้นเธอยังคงร่ำร้องหาคนที่ใช่ และคนๆ นั้นไม่มีวันที่จะเป็นเตชินทร์
"แค่นี้ก็น่าละอายมากพอแล้วค่ะ ที่ยอมให้คุณปล้นจูบกันอย่างง่ายดาย"
เมื่อเห็นสาวเจ้าผลักไส ชายหนุ่มจึงยอมข่มใจถอยห่าง เพราะหากยังคงดื้อดึงภาพลักษณ์แสนดีในตัวเขาคงจะหายไปพร้อมกับความเชื่อมั่นและศรัทธาในหัวใจเธอ
“เดี๋ยวสิ”
เหมือนเขายังคงอาลัยอ้อยอิ่ง จึงรั้งเอาไว้เมื่อเธอกำลังจะผลักบานประตูเข้าไป
“คะ?”
อมลรดาปั้นหน้าไม่ถูก เขาคงไม่รู้ว่าเธอกำลังอับอายอย่างเหลือแสน ยิ่งอยากจะหนีให้พ้นหน้า เขากลับยิ่งทำเหมือนแกล้งกัน
“พรุ่งนี้ไปด้วยกันอีกมั้ย"
“คุณจะพาฉัน…”
หญิงสาวหยุดค้างเอาไว้ เมื่อเขาจุ๊ปากกลับมาทันควันเพื่อเตือนสติว่าอย่าแทนตัวเองเหมือนคนห่างเหินเช่นนั้น
“คุณจะพาฟ้าไปอีกเหรอคะ”
“อยากไปมั้ยล่ะ ที่นั่นยังมีอะไรให้ดูอีกมาก คุณยังเดินไม่ทั่วเลยนะ”
“แล้วแต่เจ้าของจะกรุณาค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นผมจะพาไปอีกก็แล้วกัน”
“โอเคค่ะ”
รอยยิ้มบาดใจผุดพราว มาพร้อมความรู้สึกชุ่มฉ่ำในหัวใจที่ไม่เคยได้พานพบมานานวัน
“ถ้างั้น...พักผ่อนเถอะ ผมไม่กวนล่ะ"
สายตาที่สบเข้ากับผ้าพันแผลโดยบังเอิญ ทำให้เธอไม่ลืมที่จะเอ่ยย้ำเตือน “อย่าให้แผลเปียกน้ำนะคะ”
“ถ้าหากจะไม่ให้เปียก ก็ต้องมีคนช่วยอาบ แล้วผมจะอาบยังไงหากห้ามให้แผลเปียกน้ำ”
“ถ้าลำบากนักก็ไม่ต้องอาบสิคะ”
หญิงสาวทำท่าจะปิดประตูหนีเพราะกลัวเขาเปลี่ยนใจ แต่อีกฝ่ายรีบแทรกขึ้นมาราวกับไม่อยากแยกจาก “ผมนอนที่ห้องนี้ มีอะไรก็เคาะเรียกนะ” พูดพลางพยักพเยิดไปยังห้องที่อยู่ติดกัน ที่จริงเขาไม่ได้นอนห้องนี้ แต่เพิ่งคิดได้เมื่อสักครู่นี้เองว่าจะย้ายมานอนชั่วคราว
“คุณนอนห้องนี้เหรอคะ”
หญิงสาวชะเง้อมองไปยังห้องนอนที่อยู่ติดกัน เพิ่งรู้ว่ามันคือห้องของเขา ไม่คิดว่าจะอยู่ใกล้กันถึงเพียงนี้
“ผมก็นอนห้องนี้แหละ จะไปนอนที่ไหนได้”
คนเจ้าเล่ห์ยิ้มกับตัวเอง พลางคิดในใจว่าคืนนี้ยายนวลจันทร์กับตาหอม
คงจะมีงานให้ทำ เพราะเขาเกิดเบื่อห้องเดิมอยากเปลี่ยนที่นอนใหม่ แม้ไม่ได้
แอ้มแค่ได้นอนห้องติดกันก็ยังดี
เขาเริ่มคิดอย่างแปลกใจตัวว่าทำไมจึงปล่อยให้เธอลอยนวลทั้งที่มันไม่ใช่นิสัยเขาเลยสักนิด หากเป็นผู้หญิงที่ผ่านมาป่านนี้คงไม่ได้มายืนคุยกับเขาให้เสียเวลาแน่นอน
“เอ่อ…ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฟ้าขอตัวก่อนนะคะ”
“ฝันดีนะครับ”
“ชะ เช่นกันค่ะ”
หญิงสาวรีบปิดประตูหนี ก่อนที่ใจจะเต้นแรงไปมากกว่านี้ มันเต้นโครมครามกับท่าทีที่แสนจะชวนให้หวั่นไหว เธอพยายามบอกตัวเองว่าเขาก็คงเป็นแบบนี้กับทุกคน ไม่ได้แสดงออกมาเป็นพิเศษกับเธอเพียงผู้เดียว
"ผมไม่เชื่อว่าปรายฟ้าจะกล้าออกจากบ้านโดยไม่รู้จุดหมาย เธอจะต้องมีที่ไปสักแห่งโดยที่เราไม่รู้ และแน่นอนจะต้องมีคนช่วยเหลือเธอ"
เตชินทร์บดกรามเข้าหากันอย่างแค้นเคือง กับการที่อมลรดากล้าหักหาญน้ำใจเขาถึงเพียงนี้ อีกใจหนึ่งเขาก็นึกเป็นห่วงไม่น้อยกลัวว่าเธอจะเป็นอันตราย แม้เธอจะทำร้ายจิตใจกันแค่ไหนก็ตาม
"หากยังไม่พบเบาะแส ก็คงต้องลงประกาศหา ให้มันรู้กันไปว่าประเทศนี้มันจะกว้างใหญ่จนหาแกไม่พบ"
ก้องภพเสนอถึงทางเลือกที่คิดเอาไว้ เขาจะต้องทำทุกอย่างเพื่อลากตัวลูกสาวกลับมา การที่อมลรดาแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าขอปฏิเสธการแต่งงานกับเตชินทร์ ทำให้คนเป็นพ่อเช่นเขานั้นถึงกับเข้าหน้าผู้ใหญ่ไม่ติดเลยทีเดียว
"ช่วยกันคิดสิคุณแพรวว่าปรายฟ้ามีเพื่อนที่ไหนบ้าง แกสนิทกับคุณน่าจะบอกกันทุกเรื่องนะ"
ก้องภพหันไปหาภรรยา ที่หูหล่อนฟังแต่ใจนั้นลอยไปไม่ได้อยู่กับตัวเลยสักนิด
"คุณแพรว ฟังอยู่หรือเปล่า"
"คะ อะไรนะคะ!"
แพรวพิลาสตื่นจากภวังค์ เมื่อเสียงของสามีดังแว่วเข้ามา
"คุณว่าอะไรนะคะ"
"ผมถามว่า ปรายฟ้ามีเพื่อนที่อื่นอีกมั้ย นอกจากที่กรุงเทพฯ"
"แพรวไม่รู้หรอกค่ะ เพราะเรื่องบางเรื่องแกก็ไม่ได้บอกแพรวเหมือนกัน"
แพรวพิลาสยิ้มเจือความขมขื่น หล่อนรู้ดีว่าอมลรดาทุกข์ใจแค่ไหนเมื่อต้องถูกบังคับให้แต่งงาน แต่เพราะไม่อาจมีปากเสียงอะไรกับก้องภพได้ จึงได้แต่เฝ้าทนดูด้วยใจที่เจ็บปวดไม่ต่างกัน เพราะหล่อนเข้าใจดีว่าการต้องทนอยู่กับคนที่ไม่ได้รักนั้นทรมานมากเพียงใด
"ไม่ว่าใครก็ตามที่พาเจ้าสาวผมไปซ่อน หากจับได้มันตายแน่!"
เตชินทร์เข่นเสียงอาฆาตแค้น แววตาแดงก่ำเคลือบฉาบเอาไว้ด้วยความแค้นเคืองและห่วงหาในคราเดียวกัน ชายหนุ่มทิ้งกายนั่งลงบนโซฟาอย่างอ่อนล้า เขาไม่ได้ล้าแค่เพียงกายจากการไม่ได้หลับได้นอนเพราะเฝ้าตามข่าวอมลรดา แต่ใจเขายังอ่อนล้ากับการที่ไม่ว่าจะทำดีแค่ไหน เขาก็ไม่ได้หัวใจเธอมาสักที แม้จะใช้เล่ห์กลเพื่อให้ได้ตัวมาก็ตาม...