เช้าวันต่อมาไกอาตื่นด้วยอาการมึนเบลอ รู้สึกเหมือนเมาค้างนิดหน่อย เธอเดินเข้าไปอาบน้ำแล้วแต่งตัวง่ายๆก่อนจะเดินออกมาด้วยสติที่ยังไม่เต็มร้อย แต่สิ่งที่ทำให้ตกใจคือบอสอยู่ที่นี่ เขานอนหลับอยู่ที่โซฟาแถมยังดูหลับสนิทมาก เสื้อผ้าที่ใส่เป็นของอาเอสเธอจำได้ แต่ว่าเมื่อคืนพี่ชาเน่ไม่ว่างมารับรึไง หรือว่าเขาเมาแล้วเผลอหลับพอตื่นก็อาบน้ำแล้วมานอนต่อ
“จะแอบมองฉันอีกนานไหม?”
“บอส!”
“ฉันตื่นมาตั้งนานแล้วรอให้เธอตื่น งั้นไปอาบน้ำก่อนนะแล้วเราไปหาอะไรกินข้างนอกกัน”
“รีบๆหน่อยนะคะ ฉันหิวแล้ว”
เขาลุกขึ้นบิดตัวนิดหน่อยคลายเมื่อยเพราะนอนโซฟา ตอนนี้สิบโมงกว่าแล้วเธอพึ่งจะตื่น ปรกติเขาจะตื่นประมาณเจ็ดโมงกว่าๆของทุกวัน หรือถ้าไปที่อื่นแค่ได้นอนประมาณสักห้าถึงหกชั่วโมงก็จะตื่นอย่างสดชื่นแล้วแหละ
เป็นเด็กเป็นเล็กต้องนอนเยอะๆ
เรื่องนี้เขารู้ดี
การมาซื้อของด้วยกันวันนี้ก็เป็นเพียงข้ออ้างเฉยๆ เขาอยากมีเวลาอยู่กับเธอโดยที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องงาน อยากจะชวนพูดคุยเรื่องทั่วไปและหาโอกาสบอกให้รู้ว่าเขาไม่อยากเป็นเจ้านาย เขาหมายตาเธอไว้ตั้งแต่วันแรกแล้วว่าอยากให้เป็นอะไร ถึงช่วงนั้นจะพยายามปฏิเสธหัวใจเพราะไม่อยากจะมีปัญหากับพ่อ แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถจะทำใจปล่อยได้เลยสักครั้ง
อาทิตย์หนึ่งได้เจอแค่ไม่กี่ครั้งก็คิดถึงจนแทบบ้า
ถ้าเธอไปเรียนต่อที่อื่นเขาไม่ตายเลยเหรอ
หลังจากได้ของทุกอย่างที่ต้องการเราก็กลับไปคอนโดหรูแล้วจากนั้นก็ไปที่บ้านต่อ คืนนี้เขาขอให้เธอมาค้างด้วยเนื่องจากว่าพรุ่งนี้จะเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัวไปพร้อมกัน ข้ออ้างที่ง่ายและดีที่สุดคือไม่อยากเสียเวลาขับรถไปมา เธอก็เหมือนจะขัดใจเพราะไม่ชอบ เขาก็เลยบอกเพิ่มว่าค่ำนี้มีปาร์ตี้เล็กๆทั้งที่ความจริงไม่มีอะไร ดังนั้นเพื่อความแนบเนียนก็ส่งข้อความไปบอกพ่อครัวให้รู้ว่าต้องรีบเตรียมวัตถุดิบและห้ามมีกุ้งอย่างเด็ดขาด จากนั้นก็ส่งข้อความบอกชาเน่ให้รู้ว่าค่ำนี้จะมีแขกคนสำคัญไปค้างที่บ้านซึ่งมันช่างประจวบเหมาะที่ลูกน้องคนสนิทอีกสองคนเดินทางกลับมาเมื่อเช้านี้เอง
ที่บ้านดันมีแต่ผู้ชายด้วยสิ
เขาหวงเธอจัง
“ทำไมวันนี้คนเยอะจัง”
“คนสนิทของฉันพึ่งกลับมาน่ะ เธอไปทำความรู้จักบ้างก็ดีเพราะต้องร่วมงานกันอีกนาน แล้วคืนนี้ก็นอนห้องติดกับฉันนะ พ่อบ้านไปทำความสะอาดแล้ว ถ้าต้องการอะไรก็บอกได้เลยไม่ต้องเกรงใจ อ่อ…ที่นี่มีแต่ผู้ชายอยู่ ทุกคนไม่ได้รู้จักเธอ ทุกคนไม่ได้นิสัยดีมากพอจะเป็นมิตรกับผู้หญิง ดังนั้นจะไปไหนต้องบอกฉันหรือชาเน่เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง”
“ได้ค่ะ แต่ว่าทำไมต้องห้องติดกันด้วยละคะ?”
“หรืออยากนอนห้องฉันแทน?”
“บ้า! ห้องนอนบอสก็ต้องให้เมียบอสนอนสิ ขืนฉันเข้าไปนอนนะคุณท่านเล่นงานแน่ ช่วงนี้คุณท่านยิ่งบ่นเก่งอยู่ด้วย”
“ดูเธอสนิทกับพ่อฉันจังเลยนะ”
“ก็คนเคยอยู่ด้วยกันจะไม่สนิทกันได้ไงคะ” เธอบอกตามตรงในเรื่องที่เขาน่าจะรู้อยู่แล้ว ก่อนจะเดินไปกับพ่อบ้านที่มาช่วยถือกระเป๋าพาไปที่ห้องนอนคืนนี้ แต่ทำไมไม่รู้ถึงรู้สึกร้อนๆหนาวๆเหมือนจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นเลยละ
นี่คือครั้งแรกที่ค้างบ้านนี้
หวังว่าเจ้าของบ้านจะไม่ไบโพล่ากินนะ
ห้องนอนอยู่ที่ชั้นสี่ค่อนข้างกว้างมากและตกแต่งสวยมากเลย พ่อบ้านบอกว่าปรกติจะเป็นคนสนิท คนในครอบครัวที่จะเข้ามาพัก ส่วนบอดี้การ์ดคนสนิททั้งสามคนจะพักอยู่ที่ชั้นสองของบ้าน ที่นั่นมีห้องทำงาน ยิมส่วนตัว ห้องเก็บสะสมหนังสือและของเก่าที่ไปประมูลมาเมื่อนานมาแล้ว
วันนี้จะจัดปาร์ตี้เล็กๆที่ริมสระว่ายน้ำเพราะลูกน้องคนสนิทกลับมาพอดีงานวันเกิด ตลอดหนึ่งปีเธอรู้จักแค่อาชาเน่คนเดียวเอง ส่วนอีกสองคนไม่รู้ว่าเป็นใครเพราะบอสไม่เคยแนะนำให้รู้จักถึงแม้ว่าเราจะเจอกันบ่อยมากเกินไปก็ตาม แต่ในเมื่ออาจจะทำงานร่วมกันก็ควรทำความรู้จักไว้บ้างน่าจะดี
ก็อกๆๆ
“บอสอามินมีอะไรรึเปล่าคะ?”
“ห้องเป็นยังไงบ้าง ถูกใจไหม?”
“ก็ดีค่ะ แล้วมีอะไรอีกรึเปล่าคะ?”
“ตามฉันมานี่สิ ฉันมีเรื่องให้เธอช่วยนิดหน่อย”
“ได้ค่ะ”
เขาเดินนำเด็กตัวเล็กไปห้องนอนของตัวเองที่อยู่ติดกันและเป็นห้องนอนใหญ่ที่สุดในบ้าน เสื้อผ้ากองอยู่บนเตียงค่อนข้างเยอะ อาวุธต่างๆที่ต้องเตรียมพร้อมเผื่อมีสถานการณ์ฉุกเฉินจำเป็นต้องใช้และกระเป๋าใบใหญ่ที่ว่างเปล่า
“เธอใช้เป็นใช่ไหม?”
“ก็นิดหน่อยแต่ไม่ได้เก่งค่ะ บอสถามทำไมเหรอคะ?”
“ฉันคิดว่าเธอน่าจะพกไว้บ้างเผื่อมีสถานการณ์ไม่ดีเกิดขึ้นจะได้ดูแลตัวเองระหว่างรอฉันไปช่วย”
“แต่ว่า…”
“ครั้งนี้ไม่มีแต่ ฉันกลัวว่าจะดูแลเธอไม่ได้ตลอดเวลาแล้วจะพลาดในช่วงที่เลวร้าย อันนั้นเป็นแหวนเธอต้องใส่ตลอดเวลามันจะสามารถบอกพิกัดที่อยู่ได้ แล้วนี่ก็เป็นมีดซ่อนเล่มเล็กๆกับปืนน่าจะพอดีมือของเธอ”
“บอสอามินกำลังมีเรื่องเหรอคะ?”
“อืม มันเป็นเรื่องที่ค้างคามานานมากแล้วแหละ ตอนนี้มันน่าจะหาทางล้างแค้นฉันอยู่ คือว่าฉันเป็นคนทำให้ธุรกิจมันล่มน่ะ แล้วพอหมดอำนาจศัตรูเก่าๆก็เลยตามเช็กบิลไม่หยุด มันก็เลยโทษฉันว่าเป็นคนทำทุกอย่างพัง”
“ใครเหรอคะ?”
“จาวา”
“อืม…คุณจาวาที่เคยเป็นเจ้าของเกาะพาราไดซ์เหรอคะ?”
“เธอรู้จักมันได้ยังไง?”
“ก่อนจะมาอยู่ที่นี่คุณท่านเอาข้อมูลมาให้ค่ะ คนไหนอยู่ในแบล็คลิสฉันจำได้หมดทุกอย่าง อย่างคุณโอมานที่พึ่งจะเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกก็เป็นหนึ่งในแบล็คลิสเหมือนกัน ส่วนคุณจาวาก็มีประวัติมาพอสมควรเลย”
“เก่งดีนี่ แล้วจำได้ไหมว่ามีกี่คน?”
“สี่คนค่ะที่ต้องระวังเป็นพิเศษ”
“รู้ไหมว่ายิ่งรู้เยอะยิ่งอันตรายนะ ถ้าเกิดอะไรไม่ชอบมาพากลรีบบอกฉันทันที อย่ามีความลับกับฉันเด็ดขาดเพราะว่าชีวิตของเธออาจจะไม่ปลอดภัย”
“ได้ค่ะ”
“ฉันอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับนักฆ่าคนหนึ่ง เป็นผู้หญิง รู้สึกว่าจะสนิทกับพ่อฉันมากพอสมควร อายุประมาณยี่สิบกลางๆผมสีทองคล้ายเธอเลย”
“หายตัวไปแล้วค่ะ หายไปประมาณปีกว่าแล้ว”
“รู้จักใช่ไหม?”
“รู้จักค่ะ”
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไรกับพ่อฉัน?” เขาถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบและแอบจับผิดเธอโดยไม่ให้รู้ตัว แต่ยัยเด็กนี่กลับทำตาใสแป๋วใส่แล้วยู่ปากนิดๆได้น่าจูบเกินไปอีกแล้ว เธอทำหน้าตาไร้เดียงสาทั้งที่มันไม่ใช่เลยสักนิด
“เป็นคนที่คุณท่านอุปการะเลี้ยงดูค่ะ” เธอตอบชัดเจนเต็มคำแม้ว่าจะไม่ได้ลงรายละเอียดมากนัก เธอคิดว่าเขารู้อยู่แล้วเพียงแค่อยากจะหลอกถามเพื่อความแน่ใจเฉยๆ แต่เรื่องที่เป็นส่วนตัวเธอตอบไม่ได้หรอก
“ช่วยฉันเก็บกระเป๋าหน่อยสิไกอา”
“ค่ะบอส”
ไกอารู้เรื่องที่อันตรายค่อนข้างเยอะมากทั้งที่เธออายุแค่สิบเก้าปีเอง รายละเอียดเกี่ยวกับเขาก็รู้มากพอสมควร มิตรและศัตรูก็รู้จักอีกด้วย เธอรู้ว่าความลับหลายอย่างที่มีเพียงคนสนิทเท่านั้นรู้ได้ แถมเธอยังบอกว่าเคยอยู่กับพ่อมาก่อนนั่นทำให้สงสัย เธอไม่ใช่เมียน้อยหรือลูกเลี้ยงของพ่อใช่ไหม แต่ไม่มั่นใจว่าเคยนอนด้วยกันรึยัง เห็นได้ชัดว่าเธอสนิทกับหลายคนขนาดไหน แล้วเอสก็มาเยี่ยมก็มักจะค้างที่คอนโดเธอแทนที่อื่นคล้ายว่าเป็นการดูแลที่พิเศษมากกว่าเดิม
ไกอาเป็นใครกันแน่
ประวัติของเธอแทบไม่มีเลย