เสียงเพลงจังหวะบีสต์มัน ๆ ภายในผับขนาดใหญ่กลางกรุงดังขึ้น สลับกับแสงสีจากไฟนับร้อยดวงทำให้นักท่องราตรีต่างพากันขยับกายโยกไปตามเสียงเพลงนั้นอย่างสนุกสนาน ก่อนที่ดีเจจะค่อย ๆ ปรับวอลุ่มให้ต่ำลงแล้วเปลี่ยนเป็นทำนองเพลงช้า ฟังสบายแทน
เกศรินทร์ผ่อนลมหายใจออกมาเล็กน้อยจากนั้นจึงสะพายกีตาร์คู่ใจที่ฝากไว้กับทางร้านเพราะไม่อยากให้กชกรรู้ถึงงานที่กำลังแอบทำขึ้นไปบนเวที
เสียงปรบมือโห่ร้องดังขึ้นตามมา เมื่อหญิงสาวเดินขึ้นไปประจำตำแหน่งตรงไมโครโฟนที่ตั้งอยู่กลางเวที ทุกคนต่างมีความสุขไปกับเสียงเพลงที่เธอมอบให้ บ้างก็โยกกายไปตามจังหวะนั้นช้า ๆ ก่อนที่มาลัยและทิปจะถูกส่งขึ้นมาให้อย่างล้นหลามพร้อมกับดอกกุหลาบ
“ไม่ต้องมาทำเป็นห่วงใย เมื่อเธอจะไปไม่ต้องลา
ไม่ต้องมาบีบน้ำตา ที่ผ่านมาถือว่าเป็นแค่เพียงความฝัน....”
เสียงเพลงท่อนสุดท้ายหยุดลงตามมาด้วยเสียงปรบมือ เกศรินทร์โค้งกายลงเล็กน้อย พลางกระพุ่มมือไหว้อีกครั้งแล้วจึงเดินลงไปจากเวทีตรงดิ่งไปที่โต๊ะโซนวีไอพีทันที
“นึกว่าจะไม่ลงทักทายกันเสียแล้ว” แก้วเจ้าจอมเพื่อนรุ่นน้องมหาวิทยาลัยเดียวกันแกล้งค้อน เมื่อเกศรินทร์ทรุดกายนั่งลงเคียงข้างหญิงสาวจึงเข้าไปกอดแขนแจราวกับจะแสดงความเป็นเจ้าของ
“ไม่มาทักได้ไง เห็นตั้งแต่อยู่บนเวทีแล้ว” เจ้าของเรือนผมที่ถูกตัดสั้นตอบกลับไปแล้วจึงหยิบแก้วน้ำโค้กตรงหน้าขึ้นมาจิบ ปล่อยให้คนตัวเล็กกว่านั่งกอดแขนต่อไปอย่างไม่นึกรังเกียจ
อันที่จริงถ้าจะให้พูดตามตรงมันทำให้เธอรู้สึกดีเสียมากกว่า
“มาทุกทีเธอก็กินน้ำอัดลมตลอด ลองดื่มนี่ดูหน่อยไหม” เสียงใสออดอ้อน หยิบแก้วเครื่องดื่มสีสวยในมือส่งให้
“ไม่เอาอ่ะ ถ้าเหม็นเหล้ากลับไป ถูกแม่ตีกระบาลแน่”
“โตจนป่านนี้แล้ว ยังกลัวแม่ตีอยู่อีกเหรอ” ณัชชาเพื่อนสนิทแก้วเจ้าจอมเอ่ยแซว
“ไม่ได้กลัวแม่ตี แต่กลัวแม่รู้ว่ามาทำงานนอกต่างหาก” ว่าพลางเหลือบมองนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาเกือบจะห้าทุ่มด้วยสีหน้าดูเป็นกังวลจนแก้มเจ้าจอมนึกเป็นห่วงเสียไม่ได้
“เกินเวลาแล้วล่ะสิ บอกแล้วว่าให้แก้วฝากงานที่บริษัทให้ก็ไม่เชื่อ จะได้ไม่ต้องแอบแม่มาทำงานแบบนี้”
“ก็เราอยากเข้าไปทำด้วยความสามารถมากกว่า ว่าแต่ตัวเองเถอะ ไหนบอกพรุ่งนี้มีเรียนเช้าดึกขนาดนี้แล้วทำไมยังไม่กลับอีก” มือเรียวยกขึ้นขยี้ผมลอนสีน้ำตาลทองของแก้วเจ้าจอมอย่านึกหมั่นเขี้ยว
“ก็มาดูเธอร้องเพลงเสร็จก่อน ว่าจะกลับแล้วเนี่ย”
“อ้าว! ยัยแก้วจะกลับเลยเหรอไหนบอกจะรอยัยขวัญมาก่อนไง” ณัชชารีบท้วงเมื่อเพื่อนสาวตัวแสบจะชิ่งกลับเสียก่อน
“เอาไว้วันหลังนะแก วันนี้พ่อฉันกลับมาจากต่างประเทศแล้วด้วย เดี๋ยวจะโดนดุเอา” แก้วเจ้าจอมแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ อันที่จริง เธออยากใช้เวลาที่เหลือกับเกศรินทร์ตามลำพังต่างหาก
“งั้นไปเถอะ เดี่ยวฉันไปส่งที่รถ” คนตัวสูงกว่าเสนอก่อนจะพากันเดินออกไปทางประตู
“พี่เกดคะ ขอถ่ายรูปหน่อยได้ไหมคะ” เสียงหนึ่งดังขึ้นทำให้สองเท้าที่กำลังออกไปจากผับชะงักกึก
“ไปถ่ายเถอะ ...” แก้วเจ้าจอมพยักหน้าให้ เกศรินทร์เลยเดินไปยืนเคียงข้างกับหญิงสาวอีกคนที่กำลังยื่นมือถืออกไปข้างหน้าเพื่อจะถ่ายรูปด้วยกัน
“ตัวจริงหล่อมากเลยอ่ะ หนูติดตามพี่ในไอจีด้วยนะ เห็นพี่ทำงานที่นี่ก็เลยชวนเพื่อนมา” สาวเจ้าเอ่ยขึ้น แกล้งบดเบียดภูเขาลูกโตกับวงแขนเรียบเนียนของอีกคน จนแก้วเจ้าจอมควันออกหู
“ขอโทษด้วยนะคะ พวกเราต้องรีบกลับแล้ว”
“พี่มีไลน์ไหมคะ เบอร์โทรหรืออะไรก็ได้”
“เอ่อ...” เกศรินทร์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะรู้ดีว่าแก้วเจ้าจอมไม่ค่อยจะชอบใจนักที่มีผู้หญิงมายุ่งวุ่นวายกับเธอแบบนี้
“เกรงว่าจะไม่สะดวกน่ะค่ะ ขอตัวนะคะ” แก้วเจ้าจอมแสดงความเป็นเจ้าของด้วยการลากแขนเกศรินทร์เดินออกไปจากผับทันที
“แก้วทำแบบนี้ทำไม พวกเขาเป็นแฟนคลับเรานะ” คนตัวสูงกว่าเอ่ยถามด้วยความไม่ชอบใจหลังจากที่โดนลากมาจนถึงที่จอดรถของผับ
“แต่แก้วเป็นแฟนเกด แก้วไม่ชอบที่เห็นยัยพวกนั้นมายุ่งกับเธอแบบนี้”
“แฟนเหรอ” เกศรินทร์ชะงักกึกเมื่อได้ยินคำที่ออกมาจากปากของแก้วเจ้าจอม
“ใช่...แล้วแก้วก็ขี้หึงมากด้วย”
“เดี๋ยวนะ เราตกลงจะเป็นแฟนกันตั้งแต่เมื่อไหร่” หญิงสาวยกยิ้มเสมองไปทางอื่น พยายามตั้งสติกับประโยคที่ได้ยินเมื่อครู่อีกครั้ง
จริงอยู่ที่ทั้งสองจะสนิทกันมากแต่เกศรินทร์กลับแสดงออกไปเหมือนแก้วเจ้าจอมเป็นเพื่อนรุ่นน้องหรือไม่ก็น้องสาวเสียมากกว่า
“ทำไมถามแบบนั้นล่ะ” อีกคนค้อนขวับทุบเข้าที่ไหล่ของเกศรินทร์เข้าอย่าแรง
“เอ้า! ก็มันจริงนี่ เราแค่อยากรู้ว่าเราไปตกลงเป็นแฟนเธอตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็ตอนนี้ไง”
ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นทันทีเมื่อคนตัวเล็กเขย่งปลายเท้าให้สูงขึ้นเล็กน้อย จากนั้นจึงรั้งลำคอขาวระหงของเธอให้โน้มลงมาก่อนจะจุมพิตแผ่วเบาบนแก้มเนียนใสนั้นด้วยความรวดเร็ว
“เห้ย! ทำบ้าอะไรของเธอเนี่ย” เกศรินทร์ลูบแก้มที่แดงระเรื่อของตัวเองป้อย ๆ เกิดมาทั้งชีวิตยังไม่เคยโดนผู้หญิงคนไหนหอมแก้มเลยนอกจากกชกร แต่อยู่ ๆ กลับมาโดนสาวสวยดีกรีดาวมหาวิทยาลัยขโมยจูบไปซึ่ง ๆ หน้าแบบนี้ได้
“ก็แสดงความเป็นเจ้าของไง”
“เราไม่ใช่ของของใครนะแก้ว แก้วทำแบบนี้เราไม่ชอบรู้ไหม” เกศรินทร์เผลอตะคอกออกมาเสียงดัง ทำให้แก้วเจ้าจอมหน้าเจื่อนลงเล็กน้อยก่อนจะเข้าไปสวมกอดร่างบางของหญิงสาวเอาไว้แทน
“แก้วขอโทษ ก็แก้วไม่อยากให้ใครมาทำแบบนั้นกับเธอนี่ แก้วชอบเกดนะ เกดก็รู้ เมื่อไหร่เกดจะเปิดใจให้แก้วสักทีอ่ะ” แก้วเจ้าจอมซุกหน้าอยู่ในอ้อมกอด เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
เกศรินทร์ได้ยืนนิ่ง ยอมให้อีกคนยืนกอดอยู่แบบนั้นอยู่เนิ่นนาน กระทั่งสายฝนเม็ดเล็กเริ่มสาดเทลงมา หญิงสาวจึงบอกให้คนตัวเล็กกว่ากลับเข้าไปในรถ
“ฝนตกแล้ว รีบกลับเถอะ โดนฝนเดี๋ยวจะไม่สบาย”
“เกดขึ้นรถสิ เดี๋ยวเราไปส่ง” แก้วเจ้าจอมยิ้มกว้างพลางจับมือของคนตัวสูงกว่าเอาไว้แน่น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเธอถึงได้รักเกศรินทร์มากมายถึงขนาดนี้ และถึงแม้ว่าเกศรินทร์จะไม่ค่อยจะเห็นด้วยแต่เธอก็ยินดีที่จะอยู่เคียงข้างกันแบบนี้มาโดยตลอด
“ได้ไงล่ะ ตัวเองเป็นผู้หญิง กลับไปเถอะเรากลับเองได้”
“พูดอย่างกับเธอไม่ใช่ผู้หญิงนั่นแหละ”
“แต่แถวนั้นมันเป็นบ้านเราไง ไม่มีใครกล้าทำอะไรเราหรอก” เกศรินทร์ตอบไปตามความจริงเพราะนอกจากแก๊งค์ของไอ้กล้าแล้วเธอก็ไม่มีคู่อริหรือศัตรูที่ไหนอีก
“ก็ได้ งั้นเจอกันคืนพรุ่งนี้นะ”
“นี่จะมาอีกแล้วเหรอ ไหนบอกว่าไกล้สอบแล้วไง เที่ยวบ่อยแบบนี้จะเอาเวลาไหนไปอ่านหนังสือ”
“ไม่ได้มาเที่ยวสักหน่อยจะมาหาเกดต่างหากล่ะ” รอยยิ้มพิมพ์ใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าแก้วเจ้าจอมอีกครั้งพลางกระพริบตาปริบ ๆ ราวกับกำลังออดอ้อน แต่แล้วรอยยิ้มนั้นก็ต้องหุบลงทันทีเมื่ออยู่ ๆ เกศรินทร์ก็เปลี่ยนเรื่อง
“รีบกลับเถอะ”
“เกดอ่ะ! ไม่คุยด้วยแล้ว!” ใบหน้าหวานบึ้งตึงก่อนจะกระชากประตูรถออกแล้วสตาร์ทขับทะยานไปด้วยความเร็ว
เกศรินทร์มองตามรถหรูของแก้วเจ้าจอมจนกระทั่งมันหายลับไป หญิงสาวจึงผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่
แก้วเจ้าจอมและเธอรู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย หญิงสาวทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงรับน้องจนได้รู้จักกับลูกคุณหนูอย่างแก้วเจ้าจอมจึงมีโอกาสพูดคุยและช่วยเหลือเรื่องการเรียนกันอยู่บ่อยครั้งจนกระทั่งเรียนจบมา ความสนิทสนมนั้นก็ยังไม่จางหาย
แม้เธอจะรู้ดีว่าแก้วเจ้าจอมคิดกับเธอมากเกินกว่าคำว่าเพื่อน ด้วยท่าทางและกิริยาที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนแต่เธอกลับไม่กล้าที่จะคิดเกินเลยไปถึงขั้นนั้น เพราะแก้วเจ้าจอมเป็นถึงทายาทคนเดียวของตระกูลนักธุรกิจพันล้าน ครอบครัวคงจะไม่ปลื้มเป็นแน่ถ้ารู้ว่าลูกสาวคนเดียวมาคบหาดูใจกับผู้ชายที่เกิดมาผิดร่างเช่นเธอ
ถึงจะรู้สึกดีด้วยแค่ไหนแต่ก็ต้องห้ามใจไว้ ไม่ให้ตัวเองก้าวล้ำเส้นของคำว่าเพื่อนไปเด็ดขาด
สถานะที่เธอมีให้แก้วเจ้าจอมจึงเป็นได้แค่เพื่อนรุ่นน้องเท่านั้น
เกศรินทร์คลี่ยิ้มอีกครั้งเมื่อคิดถึงรอยจูบบนแก้มของตัวเองเมื่อครู่ก่อนจะเดินออกไปโบกแท็กซี่เพื่อจะเดินทางกลับบ้านเพราะฝนที่ลงเม็ดมาดูท่าว่าจะหนักขึ้นเรื่อย ๆ