"มึงเป็นอะไร กูเห็นมึงยืนนิ่งตรงนี้มาสักพักละ ผู้หญิงคนนั้น นุ่นใช่ไหม? เธอมาคุยอะไรกับมึง" ปัณณ์ ปัณณธร แฝดผู้น้องเดินเข้ามาถาม เมื่อปุณณ์ยืนนิ่งอยู่ตรงนี้มาครู่ใหญ่ และด้วยรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาใบหน้าของผู้หญิงคนนั้น
ถึงแม้ทั้งคู่จะเป็นฝาแฝดกัน แต่ยิ่งโตทั้งคู่ก็ยิ่งมีนิสัยที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงในเรื่องผู้หญิง ปุณณ์จะร้ายลึก มาดนิ่งแต่ฟาดเรียบมาตั้งแต่เรียนแค่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 แต่ถ้าได้สนิทสนมด้วยแล้วจะได้เห็นเขาในอีกมุมหนึ่ง ใครๆ ก็บอกว่าเขานิสัย และบุคลิกเหมือนปู่ของเขา ส่วนปัณณ์จะสุขุม เยือกเย็น แฝงความดุดัน แต่ก็มีมุมทะเล้น อบอุ่นเฉกเช่นนิสัยเมื่อตอนเด็กๆ ไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหน เพื่อนๆ ตั้งฉายาให้เขาว่าเทพบุตรเนื้อทอง ผู้หญิงคนไหนก็แตะต้องไม่ได้ราวกับว่ากลัวว่าเนื้อทองจะหลุดลอกออกมา
"ปุณณ์ เฮ้ย! ไอ้ปุณณ์ มึงได้ยินกูไหมเนี่ย" ปัณณ์เรียกคนที่สติหลุดลอย ก่อนจะยื่นมือไปจับไหล่พร้อมทั้งเขย่าเรียกสติ
"มึงว่าอะไรนะ"
"มึงเป็นอะไร นุ่นมาคุยอะไรกับมึง กูนึกว่าเลิกติดต่อกันไปตั้งแต่วันปัจฉิมละ ตกลงว่านุ่นมาคุยอะไรกับมึง"
"นุ่นบอกว่าท้องกับกู"
"เฮ้ย! จริงดิ นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลยนะเว้ย"
"ก็ใช่ไง กูก็กำลังคิดอยู่นี่ไงว่าจะเอาไงต่อ"
"มึงมั่นใจว่านุ่นท้องกับมึงจริงๆ เท่าที่กูรู้นุ่นก็ใช่ย่อยนะเว้ย ฟาดเรียบเหมือนกัน"
"กูไม่รู้ แต่เรื่องแบบนี้มันก็พิสูจน์ได้อยู่แล้ว แต่ที่กูกังวลอยู่เนี่ยคือนุ่นบอกว่าจะไปทำแท้ง"
"ทำไมคิดแบบนี้วะ ใจแม่ง...เด็กมันไปรู้เรื่องอะไรด้วย ถึงคิดจะฆ่ากันเลย"
"เพราะคำว่าพลาดไง ความรักสนุกของกูเอง นุ่นบอกต้องการเงินหนึ่งล้านแลกกับเรื่องนี้จะเป็นความลับ แล้วจะไปเอาเด็กออก พรุ่งนี้บ่ายโมงจะมาฟังคำตอบ"
"แล้วมึงจะยอมทำตามที่นุ่นบอกเหรอวะ"
"ไม่ ถ้าเด็กนั่นเป็นลูกกูจริง กูจะเลี้ยงเอง แต่จะทำยังไงให้นุ่นเก็บเด็กไว้"
"แล้วถ้าวันหนึ่งเด็กคนนั้นลืมตาดูโลก แล้วพิสูจน์ได้ว่าไม่ใช่ลูกมึง มึงจะทำยังไง กูว่ามึงควรบอกเรื่องนี้กับทุกคน เพื่อช่วยกันหาทางออกที่ดีที่สุด"
"กูนี่แม่ง ทำให้ทุกคนต้องผิดหวังเพราะคำว่าพลาดคำเดียว" ปุณณ์ยกสองมือขยุ้มผมด้วยความโมโหตัวเองที่ต้องทำให้คนในครอบครัวผิดหวัง เพราะการกระทำที่ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจของตัวเอง จนสร้างปัญหาและภาระให้กับทุกคน
"ปุณณ์มีอะไรจะคุยกับทุกคนไหมลูก แม่เห็นปุณณ์นั่งมองหน้าคนนั้นทีคนนี้ที" ชะเอมเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าที่เป็นกังวลของลูกชายหลังรับประทานอาหารค่ำร่วมกัน โดยมีแทนไท พรพระพาย อาชิ ชะเอม บัว ธาม ปุณณ์ และปัณณ์
"เออ...ปุณณ์มีเรื่องจะบอกทุกคนครับ" ปุณณ์ทำท่าอึกอัก ปัณณ์บีบไหล่ของเขาเบาๆ อย่างให้กำลังใจก่อนจะตัดสินใจเอ่ยออกไป
"เราไปคุยกันที่ห้องนั่งเล่นกันดีกว่านะ" แทนไทเอ่ยขึ้นก่อนจะลุงขึ้นยืนเต็มความสูง เข้าไปประคองพรพระพายเดินนำทุกคนไปยังห้องนั่งเล่น
"ปุณณ์มีอะไรจะบอกกับทุกคนเหรอลูก" พรพระพายถามเมื่อทุกคนเข้ามายังห้องนั่งเล่นกันครบทุกคนแล้ว
ปุณณ์ค่อยๆ คลานเข่าเข้าไปนั่งแทบเท้าคนเป็นปู่เป็นย่าแล้วก้มกราบแทบเท้า ก่อนจะหันไปกระทำเช่นเดียวกันกับคนเป็นพ่อเป็นแม่ สร้างความประหลาดใจให้แกทุกคน แต่ก็เพียงไม่นานก็แปรเปลี่ยนเป็นความตกตะลึงเมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด
"ปุณณ์มั่นใจไหมว่าเด็กในท้องเป็นลูกของปุณณ์จริงๆ" อาชิถามหลังจากได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด
"ถ้าเป็นอย่างที่เธอพูดปุณณ์ก็ค่อนข้างมั่นใจครับคุณพ่อ"
"เรื่องจะใช่หรือไม่ใช่ ไม่ใช่เรื่องยากเลยค่ะพี่อาชิในยุคสมัยที่เทคโนโลยีทางการแพทย์พัฒนาแล้ว เราสามารถตรวจดีเอ็นได้ตั้งแต่ตอนตั้งครรภ์"
"คุณพ่อคุณแม่ คุณปู่คุณย่าครับ ปุณณ์ขอโทษที่สร้างปัญหา ทำให้ทุกคนต้องผิดหวัง ปุณณ์ขอโทษครับ" ปุณณ์ก้มลงกราบแทบเท้าทุกคนอีกครั้ง
"ปุณณ์มาหาย่าลูก ปุณณ์ฟังย่านะ ไม่มีใครผิดหวังในตัวปุณณ์หรอกลูก คนเรามันผิดพลาดกันได้ แต่ต่อจากนี้ไปต่างหากที่ปุณณ์จะต้องใช้ความผิดพลาดครั้งนี้มาเป็นบทเรียนชีวิตของปุณณ์ที่จะไม่พลาดกับเรื่องแบบนี้อีก" พรพระพายลูบศีรษะของหลานชายที่ซบหน้ากับตักของเธอแผ่วเบาอย่างต้องการปลอบประโลม เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนไม่เคยเปลี่ยน
"ปุณณ์ต้องเปลี่ยนความคิดใหม่นะลูก การที่เด็กคนหนึ่งจะเกิดมามันเป็นเรื่องที่น่ายินดี อย่าคิดว่าเขาเกิดมาเพราะความผิดพลาด ดีเสียอีกปู่กับย่าจะได้มีเหลนตัวเล็กๆ ช่วยให้คลายเหงา เพราะหลานๆ ก็โตเป็นหนุ่มเป็นสาวกันหมดแล้ว" แทนไทพูด
"มีลูกแซงหน้าพี่ได้ไงเนี่ย" บัวกระเซ้าน้องชาย
"เรามาช่วยกันหาทางออกกับเรื่องนี้ดีกว่า ในเมื่อผู้หญิงคนนั้นไม่ต้องการเก็บเด็กไว้" อาชิเอ่ยขึ้น
"ก็ในเมื่อผู้หญิงคนนั้นต้องการเงิน เราก็แค่ยื่นข้อเสนอด้วยจำนวนเงินที่เยอะกว่าเพื่อให้เธอเก็บเด็กไว้" แทนไทเอ่ย
"พรุ่งนี่บ่ายใช่ไหมที่ต้องให้คำตอบ"
"ครับคุณพ่อ"
"พ่อจัดการเอง พรุ่งนี้บ่ายโมงเราจะไปคุยเรื่องนี้กับครอบครัวของผู้หญิงคนนั้น เราจะทำกันตามลำพังไม่ได้ แล้วต้องทำสัญญาให้เป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต เรื่องนี้ต้องทำอย่างรอบคอบ" ทุกคนเห็นด้วยกับสิ่งที่อาชิพูด
วันต่อมา
"ปุณณ์บอกคนอื่นด้วยเหรอ" นุ่นเอ่ยออกมาอย่างไม่พอใจที่ปุณณ์มาพบเธอพร้อมกับปัณณ์
"ปุณณ์มีข้อเสนอ เราต้องคุยกัน"
"ข้อเสนออะไร ถ้าปุณณ์ไม่บอกนุ่นก็ไม่คุย"
"เธอจะได้เงินมากกว่าหนึ่งล้านแลกกับข้อเสนอบางอย่าง" พอได้ยินว่าจะได้เงินมากกว่าหนึ่งล้าน ดวงตาของนุ่นก็เบิกกว้างเป็นประกายด้วยความโลภ
"ก็ได้ แล้วเราจะไปคุยกันที่ไหน"
"บ้านของเธอ"
"ถ้าไปบ้านนุ่นพ่อแม่นุ่นก็ต้องรู้สิ"
"ใช่ แต่รับรองได้เลยว่ามันเป็นผลดีกับเธอและครอบครัวของเธอแน่นอน ถ้าเทียบกับจำนวนเงินที่ครอบครัวเธอจะได้"
".....ก็ได้" นุ่นคิดใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบตกลง
"ใครมา?" รถตู้คันหรูจอดอยู่หน้าบ้าน แล้วยังมีบอดี้การ์ดยืนเฝ้าอยู่อีกสองคน นุ่นมองด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะเดินนำปุณณ์กับปัณณ์เข้าไปในบ้าน
"มาแล้วเหรอนังลูกตัวดี ทำเรื่องงามหน้าจนได้" ทันทีที่เข้ามาในบ้านน้ำเสียงกราดเกรี้ยวของวิภาดา แม่ของนุ่นก็ดังขึ้น นุ่นกวาดสายตามองแขกผู้มาเยือนทั้งหกคนคือแทนไท พรพระพาย อาชิ ชะเอม บัว และธาม
"มานั่งตรงนี้" เจนภพ พ่อของนุ่นเอ่ยบอกลูกสาว
"แม่ นุ่นเจ็บ" นุ่นร้องด้วยความเจ็บเมื่อโดนคนเป็นแม่หยิกเข้าที่แขนทันทีที่เธอนั่งลงข้างๆ
"เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา" อาชิเอ่ยขึ้น
"เชิญพูดมาได้เลย" เจนภพว่า
"จากที่ผมพูดไปแล้วก่อนหน้า ในเมื่อลูกสาวของคุณหรือแม้แต่ตัวพวกคุณทั้งสองไม่ได้ต้องการเด็กในท้อง ทางเราจึงอยากจะยื่นข้อเสนอให้เก็บเด็กคนนี้ไว้ เพื่อแลกกับเงินจำนวนสิบล้านบาท" อาชิเอ่ยขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับยื่นข้อเสนอทันที
"สิบล้าน!" สามคนพ่อแม่ลูกตาโตเมื่อได้ยินจำนวนเม็ดเงินที่จะได้ถ้ายอมรับข้อเสนอ เพราะเงินจำนวนนี้สามารถกอบกู้สถานการณ์ธุรกิจของครอบครัวได้อย่างเหลือเฟือ
"ใช่ สิบล้านบาท เงินจำนวนนี้สามารถนำไปพยุงธุรกิจเต้นท์รถมือสองของคุณที่มีปัญหาอยู่ได้อย่างสบาย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยู่ภายใต้เงื่อนไขของพวกเราเช่นกัน พวกคุณจะได้เงินจำนวนหนึ่งล้านบาทเมื่อพิสูจน์ได้ว่าเด็กคนนี้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของลูกชายผม"
"ลูกสาวของคุณต้องทำการเจาะน้ำคร่ำเพื่อตรวจดีเอ็นเอ ถ้าใช่ ลูกสาวของคุณต้องอุ้มท้องเด็กคนนี้จนกว่าจะคลอดออกมา วันนั้นพวกคุณจะได้รับเงินที่เหลือจำนวนเก้าล้านบาท แต่พวกคุณจะไม่มีสิทธิ์ในตัวของเด็กคนนี้นับตั้งแต่วินาทีแรกที่คลอดออกมาเช่นกัน" ชะเอมเอ่ย
"ถ้าพวกคุณตกลง และยินยอมรับข้อเสนอ ก็แค่เซ็นสัญญาฉบับนี้ เพื่อความมั่นใจของพวกเราว่าพวกคุณจะไม่มาทวงสิทธิ์ในตัวของเด็กคนนี้ในภายหลัง" อาชิยื่นสัญญาไปต่อหน้าทุกคน
"แต่ครอบครัวของเราต้องทนอับอายไปอีกเจ็ดเดือนเลยนะ" วิภาดาไม่อาจทนความอับอายได้
"พวกคุณจะไปอยู่ที่ใดก็ได้ในระหว่างที่ลูกสาวของคุณอุ้มท้อง เรื่องค่าใช้จ่ายทางเราจะเป็นคนจัดการเอง"
ทั้งสามคนมองหน้ากัน เพียงไม่นานก็ตัดสินใจทำตามข้อตกลงและยินยอมเซนต์สัญญาเพื่อแลกกับเงินสิบล้าน