"กรี๊ดดด!!!...แรงอีก ฟาดมาแรงๆ เลยผัวขา...กรี๊ดดด!!...แรงอีก...กรี๊ดดดด...เข้ามา เข้ามาในตัวเมียเลย เอาเข้ามาแรงๆ เลยนะ เมียอยากให้ผัวกระแทกแล้ว" เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดหลังจากที่เข็มขัดหนังฟาดลงไปบนแผ่นหลังเนียนจนขึ้นรอยแดงเป็นปื้น แต่ก็ยังไม่สาแกใจของผู้ถูกกระทำ ร่ำร้องให้ร่างท้วมสร้างความเจ็บปวดให้มากขึ้นไปอีก เสียงกรีดร้องดังขึ้นสลับเสียงเข็มขัดหนังฟาดกระทบผิวเนื้อ เมื่อความเจ็บปวดสาแกใจก็เรียกร้องหาสิ่งเติมเต็ม สะโพกกลมกลึงส่ายร่อนเรียกหาท่อนลำอย่างยั่วสายตาสร้างความกระสันซ่านสยิวจนร่างท้วมแทบจะอดใจไม่ไหวเร่งปลดเปลื้องพันธนาการให้พ้นทาง
"ได้เลย ผัวจะจัดให้จนเมียต้องร้องขอชีวิต เอาให้หายร่านไปเลย...อ๊า" ไตรทศพูดไปพลางถอดกางเกงของตัวเองออกด้วยความรวดเร็ว มือหนาหยาบกร้านกำรอบท่อนเนื้อขนาดเขื่อง เส้นเลือดปูดโปนรอบๆ ลำ มีปุ่มอยู่หกเจ็ดปุ่มอยู่รอบๆ ปลายหัวหยัก ชักรูดจนท่อนเนื้อแข็งขืน แล้วจัดการนำพาท่อนเนื้อนั้นทะลวงเข้าไปเติมเต็มพรวดเดียวสุดลำโคน
สวบ!!!
"อู้ววววว...ต้องแบบนั้น ถึงใจเมียสุดๆ ไปเลยผัวขา...กระแทกเข้ามาแรงๆ เลยผัวขา...อ๊ะ...อ๊า...ซี๊ดดด...เสียวร่องมาก เน้นๆ เลย...อ๊า...อูยยยย...เสียวมากผัวขา" เสียงร้องครวญครางดังประสานเสียงเนื้อกระทบเนื้อด้วยจังหวะหยาบโลนดังลั่นห้องครัวที่ทั้งคู่ต้องการเปลี่ยนบรรยากาศ โดยถือโอกาสที่ปลาดาวกับปลาทูไปนอนค้างคืนบ้านยาย แต่ทั้งคู่คงหลงลืมหรืออาจจะไม่สนใจเลยก็ได้ว่ายังมีนาวอยู่ที่บ้านอีกคน และห้องนอนของนาวก็อยู่ติดกับห้องครัว และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรก แต่มันเป็นครั้งที่นับไม่ถ้วนตลอดระยะเวลาหกปีที่นาวอยู่บ้านหลังนี้
สองมือเล็กยกขึ้นปิดหูทั้งสองข้าง นั่งชันเข่าชิดติดกำแพงที่มุมหนึ่งของห้อง น้ำใสไหลรินออกจากดวงตาคู่งาม ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงฟาดจากวัตถุชนิดหนึ่งลงบนผิวเนื้อ ร่างเล็กเป็นอันต้องสะดุ้งตัวด้วยความกลัวไปทุกครั้ง ทำไมพ่อต้องทำร้ายรัศมี ทำไมรัศมีถึงร่ำร้องให้พ่อของเขากระทำการอันป่าเถื่อน แต่เสียงกรีดร้องของความเจ็บปวดนั้นทำไมถึงระคนไปด้วยความพึงพอใจ หลายครั้งที่เธอเห็นรอยช้ำแดงบนตัวของรัศมีภายใต้ร่มผ้า และรอยช้ำพวกนี้แทบจะไม่เคยจางหายเพราะจะมีรอยใหม่เกิดขึ้นมาเรื่อยๆ และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เธอจำฝังใจว่า SEX เป็นเรื่องความรุนแรง น่ากลัว
"เมื่อวานนาวบอกว่ามีอะไรจะคุยกับพ่อ" ไตรทศเอ่ยถามนาวขณะกำลังรับประทานอาหารเช้าก่อนออกไปทำงานกับรัศมี ปลาดาว ปลาทู และนาวก็เตรียมไปโรงเรียน
"คือ...คือนาวสอบติดมหาลัย.....ที่กรุงเทพฯ นาวก็....." นาวตอบออกไปอย่างอึกอัก เพราะกลัวว่าจะถูกห้ามไม่ให้ไป แล้วก็เป็นอย่างที่เธอคิด ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบรัศมีก็เอ่ยแทรกขึ้นมา
"จะไปเรียนทำไปกรุงเทพกรุงเทิบ เดี๋ยวได้ใจแตกพอดี ไปอยู่นู่นไหนจะค่าหอ ค่านู่นค่านี่สารพัด สิ้นเปลือง เรียนมันแถวนี้ก็พอ" รัศมีบอกอย่างไม่สบอารมณ์
"ใช่ค่ะ ถ้าไปแล้วใครจะซักผ้า รีดผ้าให้ดาว ดาวทำไม่ได้นะแม่ เดี๋ยวมือดาวด้านหมด" ปลาดาวเห็นด้วยกับคนเป็นแม่
"ของทูด้วย" ปลาทูเอ่ยขึ้นอีกคน
"นาวนั่งรถเมล์ไปกลับก็ได้นะคะ ถึงจะนั่งหลายต่อหน่อย แต่นาวไหวค่ะ แล้วมหาลัยที่นาวสอบได้ก็มีทุนการศึกษาให้ นาวจะไม่รบกวนเงินของน้ารัศมีกับพ่อเลย" นาวขอร้องอ้อนวอน
"ยังไงฉันก็ไม่เห็นด้วย แกต้องเรียนที่นี่" รัศมียืนกรานเสียงแข็ง
"พ่อว่านาวเรียนราชภัฏก็ดีนะ ใกล้บ้านไม่ต้องเดินทางให้เหนื่อยด้วย ตามนี้นะนาวพ่อไปส่งของก่อน ปลาดาว ปลาทูอิ่มหรือยังพ่อจะได้ไปส่งที่โรงเรียนก่อน" ไตรทศตัดบทก่อนจะลุกออกไปจากโต๊ะอาหาร
"เดี๋ยวแฟนดาวมารับ ลุงกับแม่ไปก่อนเลย"
"ทูไปกับพ่อ"
"เก็บล้างด้วยนะก่อนไปโรงเรียน" รัศมีหันมาสั่งนาวก่อนจะเดินตามไตรทศกับปลาทูไป
"ตื่นๆ นะ อย่าฝันเลยว่าจะได้โบยบินออกไปอย่างใจนึก" ปลาดาวตบมือสองสามทีเรียกสตินาวที่นั่งซึมนิ่ง เบ้ปากใส่ มองอย่างสมน้ำหน้าก่อนจะเดินออกไป
"อึก...ฮืออออออ" ทันทีที่ทุกคนออกไปกันหมด ความอัดอั้นที่มีก็ระเบิดออกมา นาวฟุบหน้ากับแขนทั้งสองข้างบนโต๊ะ ปลดปล่อยห้วงอารมณ์ทุกสิ่งอย่างระบายออกมาผ่านน้ำตา เพราะนี่เป็นสิ่งเดียวที่เธอทำได้
1 เดือนต่อมา
"แม่ อีนาวมันหนีไปแล้ว" เสียงปลาดาวตะโกนเรียกคนเป็นแม่ลั่นบ้าน เมื่อตื่นเช้ามาแล้วไม่มีอาหารบนโต๊ะอย่างเคยจึงเดินมาหานาวที่ห้อง ตั้งใจจะด่ากราดที่ไม่ยอมลุกขึ้นมาหุงหาอาหารเตรียมไว้ให้กับทุกคน แต่ก็เจอเพียงความว่างเปล่า มีเพียงกระดาษแผ่นเดียวที่วางทิ้งไว้
"ดูนังลูกไม่รักดีของทศมันทำ เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ อีนังเนรคุณ" รัศมีโยนแผ่นกระดาษใส่หน้าไตรทศด้วยความกราดเกรี้ยวเมื่ออ่านข้อความของนาวจบ
"ดาวว่ามันต้องหนีตามผู้ชายไปแน่ๆ เลยแม่"
"นาวไม่ใช่คนอย่างนั้นดาวก็รู้ ผมว่าปล่อยดาวไปเถอะ เดี๋ยวไม่มีเงินก็กลับมาเอง" ไตรทศว่าเพราะรู้นิสัยของลูกสาวดี ถ้าเป็นปลาดาวที่หายไป แล้วบอกว่าหนีตามผู้ชายไปยังจะน่าเชื่อกว่า ก่อนจะลุกเดินขึ้นห้องนอนไม่อยากจะรับฟังอะไรอีกแล้ว ด้วยรู้ดีว่าตนเองไม่เคยดูแลลูก ไม่เคยปกป้องลูก ทั้งที่ในความเป็นจริงไม่ใช่เรื่องยากเลยที่เขาจะไปตามตัวนาวกลับมา การที่หนีไปอาจจะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับนาวก็ได้
"ทศ!!! ทศจะนิ่งแบบนี้ไม่ได้นะ ทศต้องไปตามนังนาวกับมา ทศ!!" รัศมีตะโกนลั่นบ้านที่คนเป็นสามีทำนิ่งเฉย ไม่ได้ดั่งใจเธอ
"แม่!! แล้วต่อไปใครจะหุงข้าว ทำกับข้าว ไหนจะงานบ้าน ซักผ้า รีดผ้าอีก" ปลาดาวโวยวายขึ้นมาอีก
"โอ๊ย!!! ยัยดาวแกอย่าพึ่งพูดอะไรมากได้ไหม ทศ! เราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง" รัศมีตวาดลูกสาวอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ก่อนจะเดินกระทืบเท้าปึงปังตามไตรทศไป
"นาว...นาว" เสียงหวานเอ่ยเรียก แต่เหมือนคนที่ถูกเรียกสติจะหลุดลอยไปสู่โลกอันโหดร้ายอีกแล้ว เพราะดวงตาคู่งามมีน้ำใสไหลรินออกมา มือบางจับไหล่คนเป็นเพื่อนเขย่าเบาๆ เพื่อเรียกสติให้กลับคืนมา
"หะ...ห้ะ...อีฟมีอะไร" นาวยกมือขึ้นปาดคราบน้ำตาออกจากแก้มนวลทั้งสองข้างอย่างลวกๆ อีฟเดินมานั่งตรงข้าม มองหน้าเพื่อน
"นาวคิดเรื่องที่ผ่านมาอีกแล้วใช่ไหม อีฟบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าไปคิด นาวก้าวเท้าออกมาจากบ้านหลังนั้นแล้ว เริ่มต้นใหม่ได้แล้วนาว" อีฟยกมือขึ้นปาดคราบน้ำตาให้นาวอย่างเบามือ
"พออยู่คนเดียวมันก็อดคิดไม่ได้"
"เมื่อไหร่กันนะที่นาวจะมีความสุขจริงๆ กับเขาสักที"
"อีฟไงที่ทำให้นาวมีความสุขอย่างทุกวันนี้ ถ้าไม่มีอีฟนาวคงไม่กล้าที่จะก้าวเท้าออกมาจากบ้านหลังนั้น ขอบคุณนะ" นาวเอ่ยอย่างรู้สึกขอบคุณอีฟจากใจจริง เพราะอีฟคือคนที่พูดให้เธอกล้าที่จะเดินออกมาจากโลกอันโหดร้าย
อีฟคือเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของนาว เรียนห้องเดียวกันตั้งแต่ ม.1 อีฟรับรู้เรื่องราวชีวิตของนาวมาตลอด เช่นเดียวกับนาวที่รู้เรื่องราวชีวิตของอีฟที่มีแม่เลี้ยงเหมือนกัน แต่แม่เลี้ยงของอีฟไม่เหมือนรัศมี เธอรักและดูแลอีฟอย่างดี แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็ไม่ได้สวยหรูไปทั้งหมด เพราะแม่เลี้ยงกับพี่ชายของเธอลักลอบมีความสัมพันธ์กัน อีฟได้บังเอิญรับรู้ และต้องการที่จะออกมาจากความสัมพันธ์ทับซ้อนนี้ ทั้งคู่สอบติดมหาวิทยาลัย ได้ทุนการศึกษาเหมือนกัน จึงตัดสินใจจับมือกันเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อมาเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยของรัฐแห่งนี้
"นาวขอบคุณอีฟรอบที่ล้านแล้วมั่งตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ เราไม่พูดเรื่องนี้กันแล้วนะ เพราะต่อจากนี้ไปชีวิตของเราสองคนจะมีแต่ดีขึ้น พร้อมจะฟังข่าวดียัง"
"พร้อมแล้ว" นาวพยักหน้าหงึกหงักด้วยความใคร่รู้
"บริษัทโมเดลลิ่งที่เราไปยื่นใบสมัครไว้ติดต่อกลับมาแล้วนะ พรุ่งนี้เขาให้เราสองคนเข้าไปแคสติ้ง" อีฟฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจ
"ข่าวดีสุดๆ ถ้าได้งานนี้นาวจะได้มีเงินมาช่วยอีฟจ่ายค่าห้องสักที ทุกวันนี้นาวเหมือนตัวภาระของอีฟเลย"
"พูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีกละ นาวต้องคิดถึงแต่วันข้างหน้าสิ ทำหน้าสวยๆ เข้าไว้ ว่าแล้วก็ไปเซเว่นซื้อที่มาร์คหน้ากันดีกว่า พรุ่งนี้หน้าจะได้เด้งๆ" อีฟดึงมือนาวให้ลุกขึ้นตามเธอมา จับจูงมือกันออกไปเดินตามล่าฝัน ฝันที่อยากมีชีวิตที่ดีงาม สดใส ไม่ขุ่นหมองเหมือนน้ำครำอย่างที่ผ่านมา