EP.07
ไกรธวัตกระแทกตัวลงนั่งบนเตียงอย่างแรง สายตาแข็งกร้าวมองผ่านไปยังเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมาย สองมือที่วางแนบลำตัวและยันอยู่ที่พื้น กอบกำผ้าปูที่นอนอย่างแรงและแน่นปานว่าจะให้มันแหลกเละคามือไปกับอารมณ์เดือดพล่านที่ประทุอยู่ในหัวใจ
‘ปาริฉัตร นางผู้หญิงหน้าด้าน หล่อนยังมีหน้าจูงมือลูกสาวรี่ไปหาคนนั้นที คนนี้โดยไม่อายเลยนะ’
กิริยาท่าทางทั้งหมดของผู้เป็น ‘เมียน้อยของพ่อ’ ที่เทียวจูงมือบุตรสาวเที่ยวแนะนำให้คนอื่นรู้จักมันไม่สามารถรอดพ้นไปจากสายตาของเขาไปได้ไม่
นี่หรือคนรักกัน นี่หรือคนที่พ่อของเขาเอามาแทนแม่ และทำให้แม่ต้องเสียใจจนต้องจากไปชั่วนิรันดร์
ไม่หรอก แม้จะให้อภัยกับพ่อ แต่เขาก็ยังไม่เคยลืมความเจ็บปวดเหล่านั้นไปได้ แม่ของเขาต้องเป็นอย่างไร แม่จะต้องเจ็บปวดมากแค่ไหน เขาไม่เคยลืมมันเลย
จนวันตาย สาบาน เขาจะไม่ลืมความแค้นเหล่านี้ไปได้อย่างแน่นอน
เพราะต้นเหตุไม่ใช่อยู่เพียงแค่พ่อคนเดียว แต่มันอยู่ที่ ‘ปาริฉัตร’ เมียน้อยของพ่อจอมมารยาต่างหาก
ชายหนุ่มขบกรามจนเป็นสัน ดวงตาทั้งสองข้างคล้ายดั่งจะมีเปลวไฟลุกโชกโชน สักวัน ปาริฉัตร จะต้องได้รับความเจ็บปวดจากเขา และเขานี่แหละ จะทำให้เธอไม่มีวันลืมในรสของรอยแค้นนี้เลย
อีกหลายวันต่อมา
วันนี้เป็นวันกำหนดการฌาปนกิจกิจศพคุณไกรวิทย์ บรรดาแขกเหรื่อมากันอย่างมากมาย ทั้งคนในวงการธุรกิจ และคนในวงสังคมที่พ่อของเขาก็มีหน้ามีตาในด้านนี้เหมือนกัน
“ฮือๆ คุณไกรวิทย์ ไม่น่าเลยนะคะ ไม่น่าจากฉัตรไปเร็วแบบนี้เลยนะคะ เราน่าจะอยู่ด้วยกันไปอีกนาน คุณไม่น่าจะด่วนจากฉันไปเร็วขนาดนี้เลย ฮือๆ”
ปาริฉัตรแสดงบทโศกเศร้า คร่ำครวญถึงสามีตั้งแต่วันแรกของงานศพจวบจนวันเผาศพได้อย่างดีเยี่ยมและสม่ำเสมอ ไม่มีขาดตกบกพร่อง จนบางคนที่เคยนึกเหยียดหมิ่นเธอมาตลอดก็ยังนึกทึ่งและอดชื่นชมต่อ ‘มารยา’ ของเธอไปไม่ได้
“โธ่...คุณปาริฉัตรคะ อย่าร่ำไห้เสียใจไปเลยนะคะ ยังไงคุณไกรวิทย์ท่านก็ไปสบายแล้ว เหลือแต่เรานี่แหละค่ะ ที่จะต้องชดใช้กรรมอยู่บนโลกใบนี้ต่อไป”
หญิงกลางคนคนหนึ่งเข้ามาปลอบประโลม หวังเพื่อจะให้ ‘มารยา’ ของคุณหล่อนลดลงไปบ้าง
ไกรธวัตยืนอยู่อีกมุมหนึ่งของงาน มองภาพเมียน้อยของพ่อที่กำลังฟูมฟายด้วยความสังเวช ขนาดเขาเป็นลูกแท้ๆ ของคนที่นอนนิ่งไร้ลมหายใจอยู่ในโลงนั่น ยังไม่เสียใจเท่ากับครึ่งหนึ่งของหล่อนเลย
คุณฉัตรชัยที่คอยสังเกตไกรธวัตมาตลอดงาน ได้เดินเข้ามาตบไหล่ของเขาเบาๆ ด้วยความเข้าใจ
“กำลังคิดอะไรอยู่หรือครับ คุณธวัต”
“ก็กำลังคิดว่าคนบางคนนี่ก็เก่งไม่ใช่ย่อยเหมือนกันนะครับ บางครั้งก็ทำตัวให้น่ารังเกียจจนน่าสะอิดสะเอียน แต่พอหันมาอีกทีก็ทำตัวน่าสงสารได้อย่างรวดเร็วราวกับกิ้งก่าเปลี่ยนสียังไงยังงั้น”
คุณฉัตรชัยมองหน้าของชายหนุ่ม พลางถอนใจ ไม่ว่าจะอย่างไร ความรู้สึกที่ไกรธวัตได้สร้างเป็น ‘กำแพง’ ทิฐิ กับเมียน้อยของบิดาก็ไม่สามารถลดทอนลงไปได้เลยสักนิด
หลังตีบทจนแตกและเรียกคะแนนสงสารจากแขกผู้เข้าร่วมไว้อาลัยจนเต็มอิ่มแล้ว ปาริฉัตรจึงหลบมาที่ห้องน้ำหวังเพื่อระบาย ‘อารมณ์’ ที่แสดงออกด้วยบทเศร้าออกมาให้หมด หล่อนมองหน้าตัวเองบนกระจกพลางยิ้มหยัน เรื่องแค่นี้สำหรับหล่อนมันสบายมาก กับอีแค่ทำตาแดงๆ ให้น่าสงสาร แล้วร่ำไห้พิรี้พิไรหา ‘ผัวแก่’ ที่ตายไปแล้ว
เพียงเพื่อ ‘เงิน’ และ ‘สมบัติ’ ตัวเดียวเท่านั้น
ดวงตาคู่สวยค่อยๆ หลุบเปลือกตาลงอย่างเชื่องช้า ซึมซับถึงภาพในอดีตที่ค่อยๆ ผุดขึ้นมาอย่างเชื่องช้า เมื่อหลายปีก่อน จริงอยู่ที่คุณไกรวิทย์เป็นคนแข็งแรง เขายังอยู่ในช่วงอายุของคนทำงาน หากแต่ในช่วงระยะหลัง อาการของเขาเริ่มอ่อนแอลง โดยหารู้ไม่ว่า สาเหตุทั้งหมดนั้นมันเกิดจากซุปไก่สกัดสูตรพิเศษที่ปาริฉัตรปรุงขึ้น และผสมกับยาชนิดหนึ่ง ที่ค่อยๆ เข้าไปแทรกซึม ทำลายระบบภูมิคุ้มกันของผู้ที่กินไปทีละน้อย หล่อนให้เขากินมันทุกวัน โดยมีฉากหน้าบอกว่าเพื่อจะให้เขาแข็งแรงขึ้น แต่ที่ไหนได้ กำลังวังชาของคุณไกรวิทย์ค่อยๆ ทรุดลงไปทีละน้อย ก่อนจะถึงขั้นป่วยหนักและเสียชีวิตไปในที่สุด
วิธีเหล่านี้มันเป็นวิธีการที่ง่ายที่สุดสำหรับหล่อน...และแน่นอน ชายทุกคนที่เป็นเหยื่อต่างก็ตายกันในสภาพนี้ทั้งนั้น
แม่ม่ายสาวบิดยิ้มที่มุมปาก จะกี่รายๆ มันก็เป็นเรื่องง่ายสำหรับหล่อนและดูเหมือนจะได้ผลดีเสียด้วยสิ โดยที่ไร้การชันสูตรและตรวจค้นพบ เพราะยาตัวนี้มันเป็นชนิดเจือจางหากแต่คุณภาพก็เยี่ยมเหมือนกัน
ดังนั้นทุกครั้ง หล่อนจะเป็นคนแรกที่รอดพ้นไปจากคดีเหล่านี้ โดยทางหมอต่างสรุปผลการตายของผู้ตายแค่ว่า ทุกรายตายด้วยโรคชราเพียงเท่านั้น
“ตีบทได้แตกละเอียดเลยนะครับคุณเมียน้อย จนผมไม่รู้ว่าจะมอบบทนางเอกที่แสนดีเจ้าน้ำตาหรือว่าบทนางร้ายยอดเยี่ยมให้ดี เพราะบทนั้นปลิ้นปล้อนกะล่อนตอแหลหาตัวจับได้ยากพิลึก”
หลังสังเกตมารยาของผู้หญิงของพ่อมาตลอด และอดที่จะเข้าไปทักไม่ได้ ไกรธวัตจึงตามหล่อนมาที่ห้องน้ำและจึงได้เห็น มารยาที่หล่อนแสดงออกมามากยิ่งขึ้น
ขณะที่อีกฝ่ายยิ้มเหยียด ยกมือขึ้นกอดอกไม่สนใจต่อคำกระแนะกระแหนของไอ้ลูกเลี้ยงปากหมาสักเท่าไร แม้ว่าในใจนั้นจะเดือดพล่านอยู่ก็ตาม
“จะเห่าอะไรก็เห่าไปเถอะ เพราะถึงยังไงฉันก็ไม่ถือสาคนที่อวดดี เก่งแต่ปากอย่างแกอยู่แล้วล่ะ เป็นยังไงจนตรอกล่ะสิถึงได้กลับมา แหม...กลับมาได้จังหวะจริงๆ นะ มาตอนที่คุณไกรวิทย์กำลังจะตายพอดี แต่ก็เถอะนะในฐานะที่ฉันเป็นเมียของพ่อของแกน่ะ ก็อยากจะเตือนอะไรแกอยู่อย่างหนึ่ง” พอถึงประโยคนี้ ปาริฉัตรก็หันมาสบตากับไกรธวัตพร้อมกับรอยยิ้มเหยียดที่มุมปาก
“อย่าคิดนะกับอีแค่ กลับมาดูใจพ่อไม่กี่นาทีก่อนตาย กับการจัดงานศพกระจอกๆ จะทำให้แกได้สมบัติของคุณไกรวิทย์ทั้งหมดไปได้ ไอ้ลูกนอกคอกอย่างแก แม้แต่สลึงเดียว แกก็จะไม่มีทางได้มันหรอกย่ะ”
ม่ายสาวสำทับด้วยน้ำเสียงเยาะหยัน หล่อนมั่นใจ ไอ้แก่ไกรวิทย์มันทั้งรักทั้งหลงเธออย่างกับอะไรดี กับไอ้ลูกชายนอกคอกจอมอวดดีอย่างไอ้ไกรธวัต มันต่างกันนัก
“มาเท่าไร ก็เชิญไสหัวไปเท่านั้น แต่เอ้...ถ้าหากแกลดความอวดดีและปากหมาลงไปได้บ้าง ฉันอาจจะใจดีแบ่งทานเศษเล็กเศษน้อยให้แกก็ได้นะ”
“ขอขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งครับคุณปาริฉัตรที่อุตส่าห์เป็นห่วงไอ้ลูกเลี้ยงนอกคอกอย่างผม”
ประกายตาของชายหนุ่มที่แข็งกร้าวสบนิ่งอยู่กับดวงตาอันพราวเสน่ห์ของปาริฉัตรไม่วาง
“เพราะคำเตือน จากผู้หญิงที่หน้าด้านชูหน้าชูตามาแย่งของคนอื่น จนทำให้ครอบครัวที่สงบสุขต้องย่อยยับ ก็นับได้ว่าเป็นผู้หญิงที่ใกล้จะสูญพันธุ์เต็มทีแล้ว น่าจะควรค่าต่อการอนุรักษ์เอาไว้เป็นเยื่องอย่างจริงๆ เลยนะครับ”
พูดจบไกรธวัตก็หันหลังเดินจากไปในทันที ปล่อยให้แม่ม่ายสาวพราวเสน่ห์แทบจะกรีดร้องลั่น และถ้าเป็นไปได้หล่อนอยากจะถอดรองเท้าส้นสูงตบหน้าของมันสักฉาดให้หายสะใจ หากว่าที่นี่ไม่ใช่วัด