“ใจเย็นๆ สิหงส์ ลูก... อย่าเพิ่งด่วนสรุปอะไรเลย นี่ยังเช้าอยู่ ตาเดลคงยังหลับไม่ตื่นหรอก” เสียงของหญิงวัยกลางคนเอ่ยปากห้ามบุตรสาวในขณะที่กำลังเดินตามหลังด้วยความรีบเร่ง แต่ดูเหมือนไม่ได้ผล ร่างเล็กคุ้นเคยเดินลิ่วเข้ามาในบ้านหลังใหญ่แล้วตรงขึ้นบันไดไปยังด้านบน
“อาจเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด โธ่... อย่าใจร้อนเลยลูกแม่” นางเหนื่อยหอบเพราะไม่ได้กระฉับกระเฉงอย่างบุตรสาวที่อ่อนเยาว์กว่าจนคนรับใช้ต้องเข้ามาช่วยพยุง ลลินดาปรี่ตรงไปยังห้องนอนของตนเองทันที แล้วเปิดออกโดยไม่เคาะเรียกหรือรีรออะไรทั้งนั้น
ใจของหล่อนมันร้อนรุ่ม เนื้อตัวเฉียบชาเย็นยะเยือกไปหมดแล้ว...
“เขาไม่ได้อยู่ในห้องจริง ๆ ด้วย” หล่อนก่นพร่ำกับตัวเอง ดวงตาเหลือบสำรวจด้วยความพะว้าพะวังกล้า ๆ กลัว ๆ กลัว... ในสิ่งที่ได้รับรู้มา หัวใจเต้นระส่ำ มือไม้ชื้นเหงื่อไปหมด ไม่คิดว่าการโกรธเคืองกันระหว่างสามีและหล่อนครั้งนี้จะนำพาเรื่องหน้าไม่อายมาเข้าหู กระนั้นหล่อนก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ด้วยสัญชาตญาณความเป็นคู่ผัวตัวเมียก็ย่อมร้อนใจเมื่อได้รับรู้ถึงพฤติกรรมอันน่าบัดสีซึ่งเกิดขึ้นในเรือนหอของหล่อนเอง
“ห้อง... เอ่อ... ห้องคุณหนูนาค่ะคุณหงส์”
“อีอ้อน!!”
“ขอโทษค่ะคุณนาย... แต่หนูไม่พูดไม่ได้จริง ๆ เรื่องใหญ่ขนาดนี้” สีหน้าของอ้อนเด็กรับใช้ในบ้านสลดลงทันทีเมื่อดารินเอ็ดตะคอก
“แม่ว่าไม่มีอะไรหรอก นังอ้อนมันก็ระแวงเพ้อเจ้อ ถ้าลูกอยากดูก็ไปเคาะเรียกน้องมันออกมาเถอะ จะได้กลับ ๆ กันซะที” ดารินถอนหายใจยาวแล้วเหลือบมองอ้อนด้วยสายตาไม่พอใจนัก ลลินดากระทืบเท้าเดินตรงไปยังอีกฝั่งซึ่งอยู่ตรงกันข้าม แล้วเคาะประตูเสียงดังในขณะที่เด็กรับใช้ก็พยุงดารินเดินตามไปติด ๆ
“หนูนา! หนูนาเปิดประตูให้พี่หน่อย” หล่อนร้องเรียกชื่อเจ้าของห้องเสียงดัง แต่ไร้การตอบรับ ทั้งเคาะทั้งทุบประตูโครมครามมันจึงน่าแปลกที่มีแต่ความเงียบตอบกลับมา
“หนูนา! หนูนา!” หล่อนตะโกนเรียกอีกครั้งแล้วจับลูกบิดประตูหมุนไปพลาง แล้วก็ชะงักเล็กน้อยเมื่อพบว่าประตูห้องไม่ได้ล็อก
แต่มือของหล่อนก็สั่นและเรี่ยวแรงหดหายเอาดื้อ ๆ หัวใจเสียวปลาบชาวาบในขณะที่กำลังตัดสินใจเปิดเข้าไป พอเอาเข้าจริง ๆ หล่อนก็ไม่กล้า...
“มันจะอะไรกันนักหนา... ก็เปิด ๆ เข้าไปสิ นี่เพิ่งจะตีห้า หนูนามันคงหลับลึกไม่รู้เรื่องหรอก รายนั้นขี้เซาจะตาย”
“ไม่จริง... หนูนาไม่เคยหลับเป็นตายขนาดนี้” หล่อนเถียงมารดาเสียงแผ่ว ประโยคนั้นกึ่งบอกกล่าวกับตัวเองไปด้วยในตัว
“งั้นแม่เปิด...” ดารินถอนหายใจซ้ำอีกครั้งคล้ายรำคาญเต็มที แล้วเดินตรงเข้าไปจับลูกบิดประตูเสียเอง
“คุณแม่...”
“หนูนาเอ๊ย! หนู...”
“...” ทุกคนตกอยู่ในความเงียบ ดารินอ้าปากค้างขานเรียกชื่อเจ้าของห้องไม่เต็มคำในประโยคสุดท้ายนั้น น้ำเสียงหล่นหายไปกับความตะลึงพรึงเพริดกับภาพตรงหน้า
“พี่เดล...” ลลินดาครางชื่อเล่นของสามีเสียงสั่นเบาหวิวพอ ๆ กับความรู้สึกของหล่อนในขณะนี้
“ลูกหงส์! / คุณหงส์!” สองเสียงประสานเรียกชื่อเจ้าของร่างที่กำลังทรุดฮวบลงไปนั่งกองกับพื้นด้วยความตกใจ อ้อนเข้าไปประคองในขณะที่ดารินก็ทรุดเข้าไปกอดลูกสาวคนเดียวเอาไว้
“หงส์ใจเย็น ๆ ลูก ใจเย็น ๆ หงส์ยังมีแม่นะ” ดารินกอดรัดลูกสาวพลางใช้มือลูบไปตามตัวพร้อมกับเอ่ยคำปลอบโยน เสียงเอะอะโวยวายไม่ได้เข้าถึงความรู้สึกของหล่อนเลย
ลลินดานึ่งอึ้งเหมือนสติได้หลุดสูญหายไปแล้ว ลำคอของหล่อนแหบแห้ง ช่วงอกเจ็บแค้นจุกแน่นจนต้องกลั้นหายใจไปโดยอัตโนมัติ มันเป็นความเจ็บปวดทางใจอย่างที่สุด เจ็บ... โดยไม่ต้องมีบาดแผลใด ๆ แม้แต่รอยขีดข่วน แต่ร้าวลึก... ชอกช้ำเกินจะหาคำใดมาเสกสรรบรรยาย ภาพบนเตียงกว้างในห้องนอนของหลานสาวที่หล่อนรับมาอุปการะดูแลส่งเสียให้เล่าเรียนมีร่างสองร่างกำลังกอดก่ายหลับพริ้มอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันภายใต้ผ้านวมสีขาวผืนหนา... สามีของหล่อนกับหลานสาว...
“อืม...” เสียงอันไม่พึงประสงค์รบเร้าสติอันดิ่งลึกในห้วงของการหลับใหลให้ค่อย ๆ หลุดจากภวังค์นิทรานั้น เปลือกตาสองข้างปรือกะพริบ พ่นลมหายใจเป็นจังหวะแล้วขยับตัว
“...” ความรู้สึกหนักอึ้งทำให้ชายหนุ่มลืมตาทันทีเพื่อสำรวจสิ่งรอบข้างของวันใหม่ และรู้สึกได้ถึงความผิดปกติในทันทีเมื่อสติคืนกลับมาครบถ้วน เขาหันมองร่างเล็กที่กอดเกี่ยวเอาไว้ เพ่งพินิจพิจารณาเพียงเสี้ยววินาทีก็ต้องตกใจจนสะดุ้งเพริบแล้วผลักร่างนั้นออกจากตัวทันที
“เฮ้ย!!!”
“อุ๊ย!” แรงเหวี่ยงผลักทำให้อีกฝ่ายสะดุ้งตื่นในฉับพลัน นิทราอันลึกล้ำถูกฉุดให้สูญหายไปในพริบตา หล่อนยังงง ๆ แวบแรกของความรู้สึกคือเจ็บ... จนต้องนิ่วหน้า
“หงส์... คุณแม่!” เสียงทุ้มอุทานในขณะที่ร่างเล็กซึ่งอยู่บนเตียงข้าง ๆ เขาเพิ่งจะหันไปตามเสียงและสัญชาตญาณว่ามีบางอย่างอยู่ตรงปลายหางตาตรงประตูห้องนั้น
“พี่หงส์... คุณยาย...” แล้วทุกอย่างก็ไหลเวียนเข้ามาจนได้บทสรุป...
“ทำไมทำกับหงส์แบบนี้ ไม่รักกันแล้ว ไม่พอใจอะไรก็เลิกกันดี ๆ แกทำร้ายน้ำใจหงส์ทำไม!” ดารินคร่ำครวญแทนบุตรสาวที่ยังจ้องคนทั้งคู่ด้วยสายตานิ่งงัน... โศกแสนมากกว่าเสียใจ มันคือความผิดหวังทรมานและรับไม่ได้
“ผมเปล่านะคุณแม่... หงส์คือผม ผมไม่รู้...” พิรเดชรีบคว้าเอากางเกงที่หล่นอยู่ข้างเตียงขึ้นมาสวมทั้งที่ยังอยู่ในผ้าห่ม ส่วนสัตตบงกชเหมือนกำลังช็อกกับสิ่งที่เกิดขึ้น ใบหน้าที่เคยแย้มยิ้มอยู่เสมอบัดนี้ขาวซีด นั่งขดตัวกอดผ้านวมผืนเดียวกันนั้นปิดเอาไว้เหนืออก
“หงส์ไม่เคยคิดเลยว่าพี่เดลจะทำกับหงส์แบบนี้ ฮือ ๆ... นั่นหลานแท้ ๆ ของหงส์นะพี่เดล แล้วนี่ก็เรือนหอของเรา” ลลินดาเริ่มปรับตัวกับสถานการณ์ได้บ้าง แต่หล่อนก็ยังสั่นอยู่ ร่างเล็กพยายามลุกขึ้นยืน ทั้งที่สองมือกำเข้าหากันแน่นโดยมีเด็กรับใช้และมารดาช่วยพยุง
ดวงตากลมโตที่เคยเปล่งประกายสดใสแดงก่ำเศร้าหมอง น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลเอ่ออาบแก้มจนเปียกปอนกัดกินร้าวรานไปถึงใจ
พิรเดชกระโดดลงจากเตียง หันมองสัตตบงกชด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนจะหันมาทางลลินดาด้วยความสำนึกผิดและอยากอธิบาย แต่ก็รู้แก่ใจดีว่าคงไม่มีใครเชื่อคำพูดของเขาหรอก แม้แต่ตัวเขาเองยังไม่มั่นใจอะไรทั้งนั้น รู้แต่เพียงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันต้องมีสาเหตุ เขาไม่ใช่คนมักง่าย... และไม่เคยคิดนอกใจลลินดาด้วย ยิ่งเรื่องจะคิดไม่ซื่อลอบทำร้ายหัวใจของหล่อนด้วยการมีสัมพันธ์กับหลานในบ้าน ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย
ลลินดาฝืนตัวให้เข้มแข็งเดินตรงเข้าไปหาเขาทั้งที่ขาแทบจะก้าวไม่ออก พิรเดชเองก็ย่างเท้าตรงมายังหล่อนเช่นกัน ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอ สายตาเว้าวอนด้วยอยากให้เมียรักได้เข้าใจ
“หงส์... พี่...” เพียะ! ความเจ็บแปลบซาบซ่านแผ่ขยายไปทั้งแก้มด้านที่ถูกลลินดาตบฉาดใหญ่ แต่ความเจ็บนั้น ก็ยังน้อยกว่าที่หล่อนรู้สึกยิ่งนัก
“หงส์... เขาทำถึงขนาดนี้ก็ปล่อยเขาไปลูก ไม่ต้องไปสนใจ แม่อยู่ตรงนี้ทั้งคน” ดารินปรี่เข้าไปจับแขนของลูกสาวเอาไว้ มองหน้าพิรเดชด้วยความโกรธและไม่พอใจอย่างที่สุด
“พี่ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น... หงส์เชื่อพี่นะ เราต้องคุยกัน”
“พี่เดลคิดว่าหงส์เห็นตำตาขนาดนี้แล้วยังหลงโง่เชื่อคำพูดของพี่อยู่อีกเหรอ เลว! ระยำที่สุด ทำไมทำเรื่องเลว ๆ แบบนี้!!!” ลลินดากรีดร้องโหยไห้ พิรเดชเหมือนจะขาดใจตาม เขาจะเข้าไปใกล้หล่อนก็ใช้มือปัดออกอย่างแรง อีกทั้งยังมีแม่ยายคอยกันท่าอยู่ด้วย อะไร ๆ ก็ดูไม่เข้าข้างเอาเสียเลย
“ออกไปให้พ้นจากชีวิตลูกสาวฉันเลยนะไอ้ชาติชั่ว แกก็อีกคน! งูพิษ!! เลี้ยงไม่เชื่อง อย่าได้ตายดีเลยนังเด็กเลว!!” ดารินหายใจหอบตามแรงโมโห ด่ากราดพาลไปทั่วเพราะเจ็บแค้นแทนบุตรสาว ในขณะที่ลลินดายังคงยืนกำหมัดแน่นปรับอารมณ์อยู่นั้น นางก็สาวเท้าเร็วพุ่งเข้าไปหาเด็กสาวซึ่งนั่งกอดผ้านวมตัวสั่นงกอยู่บนเตียง
“คุณยาย... หนูนาขอโทษ หนูนาไม่รู้จริง ๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น... ฮือ ๆ” สัตตบงกชกล่าวด้วยน้ำเสียงสะท้านไหว หล่อนปวดร้าวเมื่อยขบไปทั้งตัวจนแทบขยับไม่ได้ และไม่ต้องสืบสาวเล่าความก็พอจะเข้าใจและรู้แจ้งในสิ่งที่เกิดขึ้น เหมือนกับที่ทุกคนในห้องนี้เข้าใจนั่นแหละ... หล่อนไม่เหลือความดีงามใด ๆ อีกต่อไปแล้ว
“หน้าด้าน!! กินบนเรือนขี้รดบนหลังคา” สองมือที่ผ่านวัยล่วงเลยมากว่าครึ่งชีวิตดึงกระชากร่างแบบบางที่นั่งขดอยู่ใต้ผ้าห่มจนล้มคว่ำหน้าลงบนที่นอน สัตตบงกชกรีดร้องด้วยความตกใจและเจ็บปวด แต่มือก็ยังกำกระชับผ้าห่มเอาไว้แน่นไม่ให้หลุดออกจากตัว
เพราะหล่อนรู้ว่าร่างกายของหล่อนนั้นเปลือยเปล่า...
“อ้อน! มาเอามันออกไป ระยำเหมือนแม่มันไม่มีผิด อุตส่าห์เอ็นดูชุบเลี้ยงให้ข้าวให้น้ำ สุดท้ายมันก็ลอบกัดเหมือนหมาจรจัด คนแบบนี้เลี้ยงเสียข้าวสุก” ดารินยังพยายามลากเด็กสาวตามแรงโมโห อ้อนรีบเข้ามาช่วยจนสัตตบงกชร่วงลงมากองกับพื้นตามแรงกระชากในที่สุด
“ฮือ ๆ พี่หงส์ หนูนาขอโทษ หนูนาไม่ได้ทำนะพี่หงส์ หนูนาไม่เคยคิดทำเรื่องเลวทรามแบบนี้ให้พี่หงส์เสียใจเลย พี่หงส์ หนูนารักพี่หงส์นะ” หล่อนร่ำร้องเรียกชื่อญาติสาวผู้มีพระคุณแล้วเว้าวอนขอความเชื่อใจกลับคืน ทั้งที่รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้เลย
ลลินดายืนนิ่ง... สายตาของหล่อนมองตรงไปยังพิรเดชด้วยความคับแค้นในใจ ในแววตานั้นตั้งคำถามมากมายที่ไม่อาจเค้นออกมาเป็นคำพูดเพราะความเจ็บจุก อยากรู้เหลือเกินว่าเขายังมีความเป็นคนหลงเหลืออยู่บ้างไหม
“พี่เดลพาหนูนาไปซะ... อย่ากลับมาให้หงส์เห็นหน้าอีก” ในที่สุดหล่อนก็กลั้นใจพูดออกมา
“หงส์... พี่ไม่รู้เรื่อง”
“พี่หงส์... อย่าทำแบบนี้เลย ให้หนูนาไปคนเดียวเถอะ หนูนาผิดเอง”
ต่างก็พยายามประคับประคองไม่ให้สถานการณ์มันเลวร้ายไปกว่าที่เป็นอยู่ แต่เหมือนจะไร้ประโยชน์ใด ๆ
“นังอ้อน! ฉันบอกให้ลากมันออกไป” ดารินออกคำสั่งซ้ำอีกครั้ง อ้อนเข้ามาฉุดดึงมือของสัตตบงกช แต่หล่อนปัดออกแล้วขยับคลานเข้าไปหาลลินดาซึ่งมีศักดิ์เป็นน้า แต่หล่อนเรียกพี่จนติดปากมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กจนถึงทุกวันนี้ เนื่องจากอายุก็ไม่ได้ห่างกันมากนัก
“พี่หงส์... พี่หงส์จะโกรธจะเกลียดหนูนายังไงก็ได้ หนูนาไม่ว่าเลย แต่พี่หงส์เชื่อหนูนานะว่าหนูนาไม่เคยคิดทำเรื่องเลว ๆ แบบนี้จริง ๆ” สองมือน้อยกอดขาของผู้หญิงที่รักเหมือนพี่สาวในไส้แล้วพร่ำบอกถึงความจริงใจที่มีอยู่เสมอไม่เคยเปลี่ยน แต่ก็ไม่สามารถตอบได้เช่นกันว่าทำไม... ถึงได้มีเรื่องบัดสีต่ำช้าขนาดนี้เกิดขึ้น
“เอามือแกออกไป... อย่าเอาความสกปรกมาแตะต้องตัวฉัน” ลลินดาเอ่ยออกมาด้วยความคั่งแค้น หากพวกเขาเอาหอกดาบมาทิ่มแทงฟาดฟัน หล่อนคงเจ็บปวดรวดร้าวน้อยกว่านี้
หนึ่งคนเป็นสามีที่จงรัก มอบกาย มอบใจ มอบชีวิต มอบความเชื่อใจทุก ๆ อย่าง
อีกหนึ่ง... เป็นหลานสาวที่เกิดจากญาติซึ่งหล่อนเวทนาชุบเลี้ยงเสมือนน้องในไส้ เติบโตมาด้วยกัน ผูกพันกันไม่เคยคิดห่างเหิน หล่อนมอบสิ่งดี ๆ ให้กับสัตตบงกชเสมอตัวเอง เพราะสงสารว่าเป็นเด็กกำพร้าไม่มีคนดูแล อีกทั้งหล่อนเองก็เป็นลูกคนเดียว การได้มีญาติร่วมสายเลือดมาอยู่ใกล้ ๆ คอยพูดคุยปรึกษา อยู่ด้วยกันแก้เหงา มันเป็นความสุขใจอย่างหนึ่ง
แต่ใครจะคิดล่ะว่า... หล่อนต้องแบ่งปันทุกอย่างในชีวิตให้กับสัตตบงกชแม้กระทั่งสามี...
“พี่หงส์... พี่หงส์อย่าทำแบบนี้เลย พี่หงส์จะให้หนูนาทำยังไงก็ได้ หนูนายอมทุกอย่าง แต่อย่าเกลียดหนูนาเลย ชั่วชีวิตของหนูนามีแต่พี่หงส์เท่านั้นที่เมตตา หนูนาไม่เคยลืมบุญคุณ... ฮือ ๆ” ร่างเล็กเกาะกอดรวบขาของลลินดาเอาไว้แน่น สะอื้นจนทั้งสองร่างสั่นเทาไปพร้อม ๆ กัน
ท่ามกลางความสับสนปนเป หล่อนไม่รู้จริง ๆ ว่าจะหาทางออกในยามนี้ได้อย่างไร นอกจากอ้อนวอนขอร้องให้ลลินดารับฟังความจากปากของหล่อนบ้าง
“ก็เลยตอบแทนด้วยการนอนให้ผัวฉันเอาตอนที่ฉันไม่อยู่งั้นเหรอ หึ... ฉันน่าจะเชื่อคุณแม่ตั้งแต่แรกว่าแกมันเลี้ยงไม่เชื่อง เลือดชั่ว ๆ ในตัวของแกมันรอวันกำเริบอยู่ตลอดเวลา”
“พี่หงส์...” สัตตบงกชก้มหน้านิ่ง ได้แต่สะอื้นร่ำร้องตัวโยน หล่อนเจ็บตัวไม่เท่าไหร่ การสูญเสียที่เกิดขึ้นก็เทียบค่าไม่ได้เลยกับความรู้สึกอันเลวร้ายของลลินดาในยามนี้
“ออกไปซะนังหน้าด้าน ไม่ต้องมาให้ลูกฉันเห็นหน้าหนา ๆ ของแกอีก ไปเสียทั้งคู่นั่นแหละ ชั่วช้าเลวทรามสิ้นดี ออกไปจากชีวิตของลูกสาวฉันซะ แล้วจะไปทำระยำตำบอนที่ไหนก็เชิญ!!” ดารินยังคงเจ็บแค้นแทนบุตรสาว ขับไล่ไสส่งคนทั้งคู่ไม่ขาดปาก นางเหมือนจะคุมสติไม่อยู่เช่นกัน ทั้งที่ไม่เคยแสดงกิริยาและวาจาสาดเสียเทเสียเช่นนี้มาก่อน
ลลินดากัดฟันสะบัดขาออกจากการกอดรวบของสัตตบงกช แต่เด็กสาวไม่ยอมปล่อย หล่อนจึงใช้มือผลักศีรษะที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงนั้นเต็มแรง และใช้เท้าเตะถีบไปด้วยความรังเกียจ
พลั่ก! “พี่หงส์...” เด็กสาวผละออกเต็มแรง ถลาลงมานอนฟุบอยู่บนพื้นไม่ไกลนัก ใบหน้าแดงปื้นเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาหันมองร่างเล็กของลลินดาที่กำลังหันเดินออกไปจากห้องด้วยความอาวรณ์และสำนึกผิดเหลือล้น
“หงส์เดี๋ยว! ฟังพี่ก่อน”
“หยุดนะไอ้บ้า! อย่ามายุ่งกับลูกฉัน!!” ดารินตรงเข้าไปขวางพิรเดชเอาไว้ทันทีเมื่อเขาทำท่าจะเดินตามลลินดาเพราะอยากปรับความเข้าใจ ไม่ต้องการให้เรื่องมันจบลงเพียงเท่านี้ หากปล่อยมือลลินดาให้ห่างตัว เขาเชื่อว่าโอกาสต่อไปคงยากที่จะได้เจรจาถึงความเป็นจริง
“คุณแม่ควรให้ผมได้พูดบ้างว่ามันเกิดอะไรขึ้น ไม่ใช่สรุปความแล้วเข้าใจผิดกันไปเองแบบนี้ ผมยังยืนยันว่าผมไม่ได้ทำ! ผมไม่เคยต้องการใครนอกจากหงส์”
“เข้าใจผิดงั้นเหรอ หึ... ต้องให้ลูกฉันถูกพวกแกสวมเขาจนตรอมใจตายไปก่อนใช่ไหมถึงจะเข้าใจถูก ไม่มีอะไรต้องพูดทั้งนั้นเดล... เตรียมตัวไปเซ็นใบหย่ากับหงส์ให้เร็วที่สุดก็พอ”
“ไม่มีทาง! ถ้าคิดว่าจะพรากหงส์ไปจากผมละก็... ไม่ว่าใครผมก็ไม่ไว้หน้าทั้งนั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างผัวเมีย คุณแม่เป็นคนนอก ไม่ควรเข้ามายุยงปั่นหัวเมียผมในสถานการณ์อย่างนี้”
“แก!”
“ถอยไป ผมต้องการคุยกับเมียผมคนเดียวเท่านั้น!!!” พิรเดชประกาศสิทธิ์ สีหน้าเคร่งขรึม ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีความเกรงใจในตัวแม่ยายหรอก แต่หากปล่อยให้เลยตามเลย เขาจะต้องเสียลลินดาไปตลอดชีวิตเป็นแน่
ซึ่ง... เขาจะไม่มีวันยอมให้เป็นแบบนั้นเด็ดขาด
“หยุดซะที! ฉันไม่มีอะไรจะคุยอีกแล้ว คาหนังคาเขาขนาดนี้ยังจะต้องคุยกันอีกเหรอ อย่างที่คุณแม่บอก...” เจ้าของร่างงามหยุดชะงักตรงหน้าประตูแต่ไม่ได้หันหน้ากลับมามองใคร หล่อนไม่อยากประจานความอ่อนแอของตัวเองไปมากกว่านี้อีกแล้ว
“เราจะหย่ากันในเร็ว ๆ นี้ แล้วไม่ต้องมายุ่งกันอีกเลย”
“หงส์! พี่จะไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นแน่ ๆ” พิรเดชสาวเท้าผ่านหน้าดารินไปอย่างไม่แยแส แทบจะเบียดนางล้มไปเลยก็ว่าได้เมื่อเห็นเมียรักเดินลิ่วเปิดประตูห้องหายลับไป
เขาสนใจแต่ลลินดา สายตา หัวใจและทุกความรู้สึกจดจ้องอยู่แต่กับเมียรักโดยลืมผู้หญิงอีกคน ซึ่งกำลังเผชิญชะตากรรมที่เกิดขึ้นร่วมกัน...
สีหน้าและแววตาของดารินไม่ได้เสมอกับรูปลักษณ์และเสื้อผ้าอาภรณ์สูงค่าที่นางสวมอยู่ เด็กสาวขลาดกลัวจนตัวสั่นงก ทั้งจิตใจบาดเจ็บบอบช้ำเป็นทุนเดิม สัตตบงกชยามนี้หล่อนเหมือนลูกนกที่ถูกลอยแพอยู่กลางสายธารอันเชี่ยวกราก
หันแลไปทางไหนก็เดียวดาย... เปียกปอนลมฝนแสนสาหัสจนมองไม่เห็นเลยว่าจะมีวันพรุ่งนี้สำหรับหล่อนหรือเปล่า
“ขังมันไว้ในห้องนี้อย่าให้ออกไปไหน เอาโซ่เอากุญแจมาคล้องไว้ ฉันจะกลับมาสะสางกับเธอหลังจากที่ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว อย่าทำตัวให้เป็นปัญหาอีก ไม่อย่างนั้นได้เดือดร้อนถึงแม่หล่อนเป็นแน่”
ดารินหันไปออกคำสั่งกับเด็กอ้อนน้ำเสียงตะคอกเข้ม แล้วหันมองยังร่างที่คงฟุบสะอื้นอยู่ตรงพื้นอย่างสมเพช
นางดูจะสงบอารมณ์ได้มากขึ้น ไม่พ่นพูดคำหยาบหรือออกอาการฟาดงวงฟาดงาอย่างในตอนแรก แต่สายตาและท่าทางก็ยังแสดงถึงความเกลียดชังในตัวเด็กสาวอย่างเปิดเผย เมื่อสั่งการคนรับใช้เสร็จสรรพนางก็กระทืบเท้าออกไปจากห้องนอนนั้นอีกคน
“แกตายแน่หนูนา... ทีนี้จะได้ไปเป็นขอทานข้างถนน หึหึ...” อ้อนหัวเราะกระซิกเหมือนกับสะใจหนักหนากับความทุกข์ยากของเพศเดียวกัน แต่ก็ไม่กล้าจะซ้ำเติมอะไรมากไปกว่านั้นนอกจากทำตามคำสั่งของดาริน รีบไปเสาะหาเครื่องมือมาพันธนาการขังสัตตบงกชเอาไว้อย่างแน่นหนา