ผมยืนกอดอกมองผู้หญิงที่ทั้งสวยและน่ารัก มองไม่เบื่อ รูปร่างสมส่วน ผิวขาวๆ ไม่ได้ผอมแห้งค่อนข้างจะมีน้ำมีนวลที่นั่งอยู่ตรงกลางตรงข้ามกับแฟนทัชและมีเพื่อนนั่งประกบอยู่ด้วย อ่อ ผมลืมแนะนำตัวเองเลย สวัสดีครับผม เขตแดน พีราธนิสร์ ศิริกิจวัชรโชติ ตอนนี้ผมเรียนอยู่วิศวกรรมเครื่องกล ปี 2 แล้ว ผมเป็นเจ้าของสนามแข่งรถแล้วก็ช่วยป๊าดูแลธุรกิจที่บ้านทำอยู่ ผมช่วยงานแต่ก็ยังใช้ชื่อป๊า เพราะผมก็ยังเรียนอยู่ ถ้าไปทำลงตัวผู้ถือหุ้นเขาก็ไม่ค่อยเชื่อถือ
ผมเป็นลูกคนเดียวแล้วก็มีลูกพี่ลูกน้องแต่ก็ค่อนข้างห่างกันเยอะ เฮียเค้าก็อยู่ในวัยทำงานแล้วเหลือผมคนเดียวนี่แหละที่เรียนอยู่ แล้วที่บ้านก็เลยตามใจผมค่อนข้างจะเยอะหน่อย อะไรที่อยากได้ก็ไม่เคยไม่ได้อะ เพราะป๊ากับม๊าก็มีผมตอนที่อายุเยอะแล้ว ฐานะทางบ้านผมเลยมั่นคง เหมือนว่ามีลูกตอนที่พร้อมแล้วก็ยังเป็นลูกคนเดียวป๊ากับม๊าก็เลยทุ่มเทให้ทุกอย่าง
ตอนนี้ผมซื้อบ้านอยู่เอง เพราะพ่อผมบอกต้องซื้อบ้านไว้ก่อน เหมือนความคิดของผู้ใหญ่นั่นแแหละ มีบ้าน มีรถ แล้วก็ตามด้วยอย่างอื่น ตอนแรกพ่อผมจะซื้อให้แต่ผมไม่เอาแกก็ไม่ยอมจะซื้อให้ สรุปก็เลยคนละครึ่ง คุ้นๆ เหมือนโครงการอะไรปะฮ่าๆ เพราะบ้านใหญ่ของผมอยู่ไกลจากมหาวิยาลัยมากพอสมควร มันเลยเสียเวลาไปกลับ ผมยืนมองผู้หญิงคนนั้นนิ่งๆ จนได้ยินเสียงเพื่อนชองผมมันเริ่มพูดกันขึ้นมา
“มึงว่าวันนี้พวกเราจะได้แดกข้าวปะวะ”
ไอ้เวกเตอร์ที่ยืนอยู่ข้างผมถามขึ้นมา ก็คิดดูว่าเพื่อนทั้งกลุ่มรอไอ้อินทัชไปกินพร้อมกัน แต่ตอนนี้ไอ้ทัชมันกำลังอ้อนแฟนมันอยู่ ดูแล้วคงจะอีกนาน
“แล้วมึงว่ามันจะลืมถามเรื่องที่มึงอยากรู้ปะวะไอ้เขต"
“กูว่าไม่ได้อะไรจากมันหรอก ไอ้เชี้ยนี่พอเห็นเมียทุกอย่างแม่งก็ลืมหมด”
“กูก็ว่างั้นแหละ เยอะ”
“ท่าทางอ้อนเมียของมันเหรอที่เยอะ”
“เหอะ การที่มันเป็นลูกแมวตัวน้อยของเมียมันเนี่ยแหละที่เยอะ มันลืมมั้งว่ากูหิวแทบจะแดกตึกได้อยู่ละ ร้อนก็ร้อนเดี๋ยวคนแม่งก็เยอะ”
“เออ ให้แม่งเลี้ยงข้าวเลยทั้งกลุ่ม คิดได้ไงให้มายืนดูแม่งอ้อนเมียมัน”
“เป็นความคิดที่ดี”
“เออน่า เห็นใจมันหน่อย มันมีแฟนคนแรกของกลุ่ม”
“ฮึ”
ผมคุยกับเพื่อนแต่สายตาก็ยังมองผู้หญิงตัวเล็กที่ดูก็ไม่ได้สนใจกลุ่มพวกผมเท่าไหร่ต่างจากเพื่อนเธอที่เป็นสาวสองอะ อาการเยอะสุด
“อย่านะครับไอ้เขตแดน มีเมียแล้วอย่าเป็นแบบนี้ครับ แค่คู่ไอ้อินทัชกูก็ขนลุกไปหมดละ”
“เออ หวานซะไม่ไว้หน้ากลุ่มเลย”
“ฮึ กูว่าถ้ากูมีเมีย เมียกูคงไม่หวานหรอก”
“อ้าววววว พี่เขตแดนเขาพูดเต็มปากแล้วครับผม"
“นั่นสิ น้องๆ ในคณะที่เข้ามาเพื่อพี่เขตต้องร้องไห้แล้วมั้ง พี่เขตเขาไม่ชอบคนหวานครับผม”
“เออ กูชอบคนที่มีอะไรๆ อะ”
ผมพูดจบเพื่อนทั้งกลุ่มที่ยืนอยู่หันมามองหน้าผมพร้อมกันก่อนไอ้เปปเปอร์จะถามออกมา
“อะไรของมึงคืออะไรวะ”
“อะไรก็คืออะไรไง”
"ก็อะไรของมึงคืออะไรล่ะ พวกกูไม่เข้าใจอะไรๆ ของมึงไง ไอ้เพื่อนชั่ว”
“เออ”
“อะไรของกูก็ไม่เกี่ยวกับพวกมึงอยู่ดี”
“ก็ไอ้อะ”
“เชี้ยเปอร์ หยุดเถอะ ตอนนี้คำว่าอะไรแม่งลอยเต็มไปหมดละ”
“ก็กูอยากรู้นี่หว่า”
“อ่อ เชี้ยเปอร์ อะไรที่ไอ้เขตแดนมันว่ากูพอจะเข้าใจละ”
ผมปรายตามองไปทางไอ้นิปปอนก่อนเพื่อนผมทั้งหมดจะหันไปทางมันอย่างเร็ว
“รู้เชี้ยไรของมึง”
“ก็ใช่ผู้หญิงคนที่นั่งตรงกลางตรงข้ามแฟนไอ้ทัชปะละที่มีอะไรๆ สำหรับมึงอะ”
“โอ๊ย พวกมึงเนี่ยทีหลังก็หัดมาเช้าๆ หน่อย กูรู้อยู่ละว่าคนนี้ไอ้เขตมันสนใจ ก็มันเนี่ยแหละที่ให้ไอ้ทัชไปแอบถามว่าเค้าโสดไหม ไม่งั้นอย่างพ่อมึงเนี่ยนะจะเสียเวลามายืนรออยู่แบบนี้”
“ห๊ะ!!!”
“เชี้ย คำง่ายๆ แต่ความหมายสุดลึกล้ำ~~”
“พอไอ้ สัสลิขสิทธิ์”
“กูว่ามันไม่โดนหรอก มันร้องเพี้ยนขนาดนี้เขาสงสาร”
“ไอ้ซอฟชื่อไม่เข้ากับปากมึงเลยนะ”
“สรุปคือคนสวยๆ ที่ดูหยิ่งๆ นิ่งๆ คนนั้นเหรอวะ แล้วที่สำคัญดูเข้าถึงยากนะเว้ย”
ผมเลิกคิ้วก่อนจะหันไปทางไอ้แสงเหนือนิ่งๆ ก็ผมชอบปะ จะหยิ่ง จะนิ่ง จะเข้าถึงยาก หรืออะไร ถ้าผมชอบผมก็ชอบทุกอย่างที่เขาเป็นอะ
“สัสเหนือ มึงดูหน้าพ่อมึงด้วย กูว่าคนนี้แหละว่าที่แม่ของมึงอะ”
“กูไม่ได้ว่าอะไร กูหมายถึงลุคเขาแล้วก็บุคลิกของเขาดูเข้าถึงยาก”
“ถ้าง่ายก็ไม่ใช่กูดิ”
“เชี้ยยยย กูชอบมึงวะ ยอมรับข้าเป็นศิษย์น้องด้วยเถิด”
“เชี้ยเอ๊ย บทจะไม่มีก็ไม่เอาใคร พอจะเอาขึ้นมาก็รุกจนพวกกูกลัวเลยนะเนี่ย”
“สรุปกลุ่มเบ้าหน้าฟ้าประทานของเราจะมีแฟนสองคนแล้วเหรอวะ”
“มึงพูดไม่อายปากเลยนะไอ้เวกเตอร์”
“ทำไมต้องอายมันคือเรื่องจริง”
“ความมั่นใจมึงควรเก็บไปแลกเกรดกับอาจารย์บ้างนะ”
“ถ้าทำอย่างงั้นได้กูก็ชนะไอ้เขตแดนแล้วสิ"
“แต่เท่าที่กูรู้มาเหมือนเขาจะมีแฟนแล้วนะ”
“อ้าว จริงจังปะเนี่ยสัสปอน”
“กูเหมือนเคยเห็นแต่ก็ไม่แน่ใจ เพราะเขาเหมือนจะไม่สนใจอะไรแบบนี้แหละ คนอื่นเรื่องไม่ค่อยรู้เรื่องเขา แต่เขาเป็นดาวคณะกูจำได้ ตอนลงประกวดเจอกับน้องคณะเรานี่แหละ แต่เรื่องแฟนเขากู”
“เฮ้ยพวกมึง!!!”
พวกผมที่กำลังเริ่มคุยกันแบบจริงจังก็พร้อมใจกันส่งสายตาอมหิตไปทางไอ้อินทัชที่เดินเรียกเข้ามาแบบไม่ดูเวลาจริงๆ แล้วเดี๋ยวถ้าไม่ได้อะไรมานะ จะให้มันไปหาลูกหมูใต้คณะให้เข็ด
“อุ้ย ไอ้สัส พวกมึงมองกูซะ กูเพื่อนนะโว้ย”
“สรุปยังไง เรื่องที่ไอ้เขตแดนให้มึงไปถามอะ”
“เออ กูลืม มัวแต่เป็นห่วงแฟน”
“อือหื้ออออ ไอ้เพื่อนรักเมียหลงเมีย”
“เออ ไอ้ ไอ้ หื้ออ”
“มึงไม่ด่ามันออกมาวะไอ้เตอร์”
“ในสมองกูคำมันมาพร้อมกันจนปากกูเลือกคำไม่ถูก”
“แต่ถ้าเราอยากรู้มันก็ง่ายมาก”
“มึงก็พูดง่ายเหมือนควายตด ถ้าง่ายขนาดนั้นเราจะมายืนอยู่ตรงนี้เหรอวะ"
“เดี๋ยวนะ ไอ้ซอฟ ควายมันตดเป็นไงวะ”
“ไอ้เหนือเวลามั้ง ถ้ามึงอยากรู้วันนี้มึงไปหาฟาร์มที่เขามีควายแล้วไปนั่งรอเวลามันตด จะได้เข้าถึงอารมณ์”
ผมส่ายหัวกับเพื่อนตัวเองเนี่ยคือตัวตนจริงๆ เวลาอยู่ด้วยกันเหมือนเด็กอนุบาลสอง แต่พออยู่กะคนอื่นมันก็ต้องมีมาดไง แค่คุยกันปกติก็หัวจะปวดละ ไม่ค่อยมีใครเต็มหรอกกลุ่มผมอะ ขาดบ้าง ล้นบ้าง
“ไม่ ที่กูพูดว่าง่าย เราก็ไปหาข้อมูลที่ผับเขาสิ เขาเป็นเจ้าของผับที่เราไปกันเมื่อวานไง ผับนั้นแหละ”
“เชี้ย! กูเห็นมีแต่ผู้ชายเป็นเจ้าของผับ นี่เขาเป็นเจ้าของผับ"
“เออ นั่นดิ เท่ห์สัส”
“หึ งั้นคืนที่เดิม กูจ่าย”
ผมพูดพร้อมกับยิ้มมุมปาก เพราะถ้าเป็นแบบนั้นหนทางของผมก็เริ่มสว่างขึ้นมาละ ผมพูดจบแล้วก็เดินนำพวกมันออกมาไปที่ร้านข้าวแถวๆ หน้ามอ เพราะตอนนี้ที่ศูนย์อาหารคือนักศึกษาเต็มไปหมด ข้างนอกก็เยอะแหละ แต่เขาทำเร็วกว่า
“เชี้ย ไอ้แดนรอด้วย”
“เออ ไป รีบ เฮ้ย ตามมันได้แต่ห้ามวิ่งนะมึง”
“ทำไมวะ”
“คนอื่นเขาเห็นก็คิดว่าเป็นลูกลิงวิ่งตามจ่าฝูงดิ”
“เออว่ะ อยู่ข้างนอกต้องมีมาด”
เพ้นท์และเพื่อน
“มึงแต่เขามองมาที่มึงจริงๆ นะเว้ย”
“พอเหอะ กูไม่มีเวลามาคิดหรอกมึง”
ฉันบอกไอ้มิวเบาๆ ก่อนแฟนของไอ้ต้นเตยจะเดินออกไป หลังจากนั้นพวกฉันก็พากันลุกขึ้น แต่กลุ่มพวกเขาที่ยังมองมาอยู่นะ แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจอะไร แล้วสายตาคนเราบางทีเขาอาจจะไม่ได้มองมาที่เราก็ได้ไง อาจจะมองเลยเราไป หรือเขามองเฉยๆ แบบไม่มีอะไรก็ได้ จะไปมั่นใจขนาดนั้นมันก็ไม่ได้อะ
“ไปเรียนกันเถอะ”
“เออ ไปๆ”
12.05 นาที
“เฮ้อออ อาจารย์สั่งงานเหมือนจะให้กูลืมวันหยุด”
“จริง สั่งเหมือนยิงลูกกระสุนเลยมึง รัวแบบไม่มีหยุด”
“เออ แล้วนี่มึงจะกลับเลยไหมเพ้นท์”
ฉันพยักหน้าก่อนจะตอบออกไปแบบเบาๆ เพราะตอนนี้เหนื่อยมากๆ เหนื่อยทั้งใจ เหนื่อยทั้งสมอง เหมือนใช้พลังทั้งหมดไปกับอาจารย์เลยอะ
“อือ”
“งั้นเราไปบ้านอิเพ้นท์กันดีกว่า”
“ทำไมวะ”
“เอ้า ก็เผื่อแฟนตัวเชี้ยของมันมาเราจะได้เป็นไม้กันหมาไง”
“เออ จริง กูเห็นด้วย”
“ฮึ พวกมึงกลัวกูให้โอกาสมันหรือไง”
“ก็ใช่อะดิ”
“ไม่มีคำว่าโอกาสสำหรับคนแบบกูค่ะ!”
ฉันพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ พอฉันตอบเพื่อนกลับไปเพื่อนฉันก็พากันพูดขึ้นมาเหมือนถูกใจมากอะ
“อู้ยยยย แม่กูองค์ลงแล้วจ้า”
“น้ำเสียงกับเเววตาของมึงน่ากลัวว่ะ”
“ก็กูเอาจริง กูสวย กูรวย ไม่เสียดายหรอกค่ะกับอะไรแบบนี้ เก็บเอาไว้ให้น้ำไหลผ่านยังมีประโยชน์กว่าเลย และน้ำครีมอาบน้ำที่ไหลผ่านร่างกายกู สปาอะไรต่างๆ ครีมบำรุง น้ำหอมที่ใช้ก็แพงค่ะ เอาไว้ใช้กับคนที่อยากใช้แล้วก็เป็นคนที่สมควรจะใช้ จะได้คุ้มกับเงินที่บำรุงตัวเองหน่อย ใช้กับเชี้ยแบบนี้เสียดายเงิน เงินยิ่งหายากๆ อยู่ทุกวันนี้”
“ซี๊ดดดดด แม่คะ ขอน้ำหน่อย เผ็ชมากกกกก”
“ความแข็งและโหดของเพื่อนกูนั้นไม่ได้มาเล่นๆ”
“หึหึ ก็พูดจริงอะ”
“มันก็โง่เนาะ มึงเป็นทั้งดาวคณะ สวย รวย เก่ง ยังจะไปมีกิ๊กอีก”
“นั่นดิ มึงไม่ดีตรงไหนวะ”
“ตรงไม่ให้มันเอามั้ง”
ฉันพูดออกไปก่อนจะหัวเราะในลำคอเบาๆ มันอาจจะเป็นเหตุผลนี้ก็ได้มั้งที่เป็นเรื่องใหญ่ เพราะฉันคบกับใครก็ไม่เคยมีอะไรกันเลย ที่ไม่เคยไปถึงจุดนั้นไม่ใช่หัวโบราณหรอกนะ แต่คบใครมันแบบ ไปเร็ว มาเร็วอะไรแบบนั้น ก็อย่างที่บอก ตอนนี้มีแค่น้ำที่เคยไหลผ่าน
“ตรงสัส”
“แต่จะว่ามันไม่ดีก็ไม่ได้หรอก เพราะกูก็รู้ว่าผู้ชายกับเรื่องบนเตียงเป็นของคู่กัน ความต้องการสูง แต่ที่กูรับไม่ได้คือทำไมไม่ขอกูตรงๆ คุยกับกูตรงๆ ดิว่าต้องการ ไม่เคยเรียกร้องแล้วยังจะไปเอากับคนอื่นหลับหลังกูอีก แล้วที่มันไปยังเป็นพื้นที่ของกูด้วย ตรงนี้แหละที่ทำให้กูแค้น"
“จริง”
“แต่ก็ดีแล้วมึง เสียให้กับคนเชี้ยๆ แบบนี้แม่งไม่คุ้ม”
“อืม กูก็ว่างั้นแหละ”
ฉันและเพื่อนพากันมาที่ลานจอดรถ เพราะจอดไว้ไม่ไกลกันมากห่างกันแค่สองสามคัน จากนั้นไอ้ตัวปัญหาก็โผล่ออกมาพอดิบพอดี เหมือนใครปล่อยคิวมาเลยเนาะ
“ที่รักเลิกเรียนแล้วเหรอครับ ทำไมไม่โทรบอกเต้ละครับ เต้จะได้ไปรอรับเหมือนเดิมไง”
ฉันยิ้มมุมปากก่อนจะหันมามองผู้ชายตรงหน้าและปรับโทนเสียงให้ปกติมากที่สุด เพราะอาการยังออกตอนนี้ไม่ได้ สะสมไว้แล้วปลดปล่อยทีเดียว
“เต้ก็รู้นิว่าเพ้นท์เบื่ออะไรเดิมๆ หรือว่าตั้งแต่ที่เราคบกันมาเต้ไม่เคยรู้เลยว่าเพ้นท์ชอบอะไรไม่ชอบอะไร”
“มึงว่าอิเพ้นท์จะกลับไปไหมวะ กูกลัวแม่งใจอ่อน ไม่เอานะมึงกูไม่อยากหอน”
“กูว่าไม่หรอกมันก็บอกเองนิ แล้วมึงก็รู้นิสัยอิเพ้นท์ แต่ถ้ากลับไปกูก็ไม่ยุ่งเรื่องนี้ของมันอีกแล้ว อีกอย่างเรื่องความรักให้มันเป็นคนตัดสินใจเอง เราเป็นแค่เพื่อนทำได้แค่อยู่ข้างๆ แล้วกูก็ไม่โกรธมันหรอกถ้ามันจะกลับไป ความรักห้ามกันได้ที่ไหน"
"อิญ่า มึงพูดดีมาก"
"ก็กูเป็นคนสวยไง"
"จ้า ยอมจ่ะ เพราะมึงก็สวยจริง"
"คิกๆ"
"แต่กูว่าไม่ แต่อิเพ้นท์ต้องคิดทำอะไรสักอย่าง”
“ทำไมเต้จะไม่รู้ละครับเต้จำได้ทุกอย่าง”
“ก็เพราะเต้เป็นแบบนี้ไงเพ้นท์เลยไว้ใจเต้ งั้นวันนี้เพ้นท์มีเซอร์ไพรส์ในสิ่งที่เต้ชอบและอยากได้”
ฉันพูดและมองคนตรงหน้าด้วยสายตายั่วยวนก่อนคนตัวสูงตรงหน้าจะยิ้มออกมาด้วยท่าทีที่พอใจ
“ฮึ ที่ไหนดีล่ะ”
“ไปหาเพ้นท์ที่ผับแล้วกัน รองานเลิกก่อน”
“อ่อ ได้ครับ แต่ผับเพ้นท์ปิดตี 1 ใช่ปะ”
“ใช่”
“โอเคครับเจอกันนะ”
ฉันมองคนข้างหน้าที่ตาลุกวาวพร้อมกับใช้มือลูบหัวฉันเบาๆ ก่อนจะเดินอารมณ์ดีออกไป
“อิตุ๊ดดปากหมา”
“อร้ายยย มึงดูดิ”
ฉันที่ใช้มือลูบรอยมือมันออกจากศีรษะตัวเอง ก่อนไอ้มิวจะเดินมาเขย่าแขนเบาๆ พร้อมกับฟ้องฉันขึ้นมาฉันเลยหันไปพร้อมกับยิ้มที่มุมปากแล้วบอกมันออกไปด้วยแววตาแและน้ำเสียงที่จริงจัง
“มึงมันว่ากู”
“ใจเย็น มึงเเค้นเท่าไหร่กูจะเอาคืนให้มึงเอง”
“อิเพ้นท์ เมื่อกี้แผนมึงใช่ปะ”
“เออดิ ผู้ชายแบบนี้เอาไม่คุ้มหรอกค่ะ เปลืองค่ายาคุมกู”
“อิเพ้นท์ ปากมึงแม่งสุดยอด ข้าขอคารวะ”