1

1868 คำ
เกริ่น บล็อกเกอร์สาวผู้สร้างแรงบันดาลใจ ด้วยการเปิดโฮมคิดเช่น ซึ่งมีผู้ติดตามมากว่า 10 ล้านคน ย้อนเวลามาเกิดใหม่เป็น หรันอันเจียว หญิงหม้ายผู้สูญเสียความทรงจำ ซึ่งเมื่อนางมาถึงเมืองฉิน ก็ประกาศขายตัวในราคา 5 ตำลึงเงิน        ผู้คนต่างหยามหมิ่นว่าไร้ยางอาย สิ้นหัวคิด ทว่าพ่อม่ายผู้หนึ่งได้ซื้อนางไว้ ด้วยเหตุผลง่ายๆ ก็คือ ลูกชายของเขาชอบรอยยิ้มนาง ที่คล้ายมารดาผู้จากไป        “ท่านพ่อ... พี่สาวคนนั้น ยิ้มเหมือนท่านแม่เลยขอรับ”        ซ่งโม่โฉ่วบอกบิดา และยิ้มพร้อมโบกมือให้หรันอันเจียว        “เหลวไหลเหลือเกินเสี่ยวโฉว นางทั้งอัปลักษณ์ และสติไม่ดี เขียนป้ายขายตนมิต่างจากสตรีให้ตรอกโคมเขียว อีกอย่างนางเหมือนมารดาเจ้าก็ดีอยู่หรอก แต่งามไม่ได้ถึงครึ่งหนึ่ง ของมารดาข้า” คนเป็นพี่สาวดุน้องชาย และเขาทำหน้าง้ำงอ ด้วยเสียใจ ทั้งกลัวจะไม่ได้พานางผู้นั้นกลับเรือน        “โฉ่วเกอ มีเงินอยู่นิดเดียว แต่อยากซื้อนางกลับไปเป็นท่านแม่ที่บ้านเราได้ไหมขอรับท่านพ่อ ให้นางร้องเพลง ทำอาหาร และคอยเย็บผ้าที่ขาดให้ทุกคน เพราะท่านย่าสายตาไม่ดีแล้ว ส่วนเจี่ยหยานก็ขี้เกียจ วันๆ ไม่ทำสิ่งใด”        ซ่งเฟิงหัวหยุดสืบเท้าไปข้างหน้า และหันไปทางหญิงผู้นั้น ที่ใบหน้าซีกหนึ่งมีรอยตำหนิอย่างเห็นได้ชัด ทว่าการที่นางยิ้มอยู่ตลอด และดวงตากลมโตซึ่งส่องประกายแห่งความสดใสออกมา จึงทำให้นางน่ามองมิน้อย ถึงอย่างนั้น นางช่างไร้หัวคิด ประกาศขายตนเองในเมืองที่ไร้ซึ่งขอทาน และทุกคนที่นี่ต่างไม่มีใครงอมือ งอเท้า ด้วยใช้แรงงานแลกอาหารทั้งสิ้น        “ท่านพ่อ ข้ามีหนึ่งตำลึง ส่วนท่านจ่ายสี่ตำลึง และเราไปซื้อนางกลับเรือนนะขอรับ” ซ่งโม่โฉวเอ่ยอีกหน และไม่ทันที่ซ่งเฟิงหัวจะตอบ เขาวิ่งเร็วจี๋ไปหยุดตรงหน้าสตรีนางนั้น        “หากข้าจ่ายท่านห้าตำลึงเงิน เป็นมารดาหลอกๆ ให้ข้าสักหนึ่งวันได้หรือไม่ขอรับ ขอแค่กอด ไม่ต้องจุ๊บเหม่ง และบอกฝันดีข้าก็ได้”        เด็กชายถามหรันอันเจียว และนางมองเขาด้วยความเอ็นดู         บทนำ                สองปีเดือนก่อน        แคว้นจ้าว ณ ภูเขาหัวขาด ห่างจากเมืองฉินซึ่งอยู่ทางใต้ราวๆ พันห้าร้อยลี้          สตรีหม้ายนางนั้นได้มีโอกาสใช้ชีวิตที่สอง หลังจากฮ่องเต้อภัยโทษให้ผู้ที่ไม่มีความผิดร้ายแรง กระนั้นนางก็ถูกเนรเทศไปอยู่ทางใต้ห้ามกลับเมืองหลวงชั่วชีวิต และบุตรหลานสกุลตู้ ห้ามรับราชการในรัชสมัยของฮ่องเต้จ้าวหมิง (จ้าวอ๋อง)        ทว่าระหว่างการเดินทางไกลพร้อม คนสกุลเดิมของสามีเกือบร้อยชีวิต ได้มีมือสังหารไม่ทราบฝ่ายบุกฆ่าชีวิตผู้คนราวกับเป็นผักปลา และยังจงใจสังหารหรันอันเจียว ไม่ให้นางเดินทางไปถึงจุดหมาย เพื่อใช้ชีวิตใหม่        “พี่สะใภ้ หนีเอาตัวรอดก่อน อย่าให้ผู้ใดจับตัวได้”        คนที่ร้องบอกนางก็คือ ตู้หงเทียน หรือคุณชายรองสกุลตู้ น้องชายสามีของนางนั่นเอง เขาพ้นโทษประหาร เนื่องจากเปิดโปงความชั่วช้าของขุนนางกังฉินหลายคน รวมถึงบิดาของตนด้วย !        “แล้วเจ้าเล่า คนพวกนั้น ย่อมไม่ปล่อยให้ใครรอดเป็นแน่”        ตู้หงเทียนสูดลมหายใจลึก และบอกว่า “พวกหมาลอบกัด อาจเป็นคนของพี่ใหญ่ และเขาคงแค้นที่ทั้งข้ากับพี่สะใภ้ ทำให้สกุลตู้กับอีกสามสกุลใหญ่ ต้องพบจุดจบเช่นนี้”        ตู้หงเทียนเป็นคุณชายรอง เขาเกิดจากอนุในเรือน และมารดาถูกฮูหยินใหญ่ใส่ร้ายจนสิ้นลมหายใจเมื่อเขาอายุได้เพียงสามขวบ เขามีชีวิตในสกุลตู้ที่ลำเค็ญอยู่สักหน่อย ซึ่งมันเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้เขาร่วมมือกับหรันอันเจียว ให้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์ เกี่ยวกับการขูดรีดราษฎร และหาผลประโยชน์ไม่ชอบธรรมด้วยการใช้ตำแหน่งขุนนางของใต้เท้าตู้ ผู้เป็นพ่อสามีของหรันอันเจียว        “ชั่วชีวิตที่ผ่านมา บิดาสอนให้ยึดหลักคุณธรรม แต่ครั้งนี้ข้าทำให้หลายชีวิตต้องจากไป รวมถึงคุณชายใหญ่ตู้”        หรันเจียวอันกล่าวเช่นนั้น ด้วยอยากระบายความอัดอั้นตันใจ บิดาผู้ล่วงลับของนางคือเจ้าเมืองเฉิง หลังจากเขาถูกลอบสังหาร นางก็ถูกส่งขึ้นเกี้ยวเข้าสกุลตู้ ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นเพราะแม่เลี้ยงของนาง ต้องการสินสอดจากฝ่ายชาย ทั้งยังอยากให้หรันอันเจียว ไปให้ห่างเรือนของบิดา        “พี่สะใภ้ทำถูกต้องแล้ว มิเช่นนั้น ทุกชีวิตคงถูกประหาร คนบริสุทธิ์ต้องตายโดยไม่ได้กระทำความผิดอันใด”        ตู้หงเทียนกล่าวจบก็ถูกมือสังหารผู้หนึ่งพุ่งมาพร้อมดาบอันใหญ่ หวิดที่จะฟันถูกแขนข้างหนึ่ง แต่เขาหลบได้ทัน ด้วยบ่าวที่จงรักภักดีคนหนึ่ง เอาตัวขวางไว้        “คุณชายรอง ผู้น้อยไร้ความสามารถตอบแทนท่านได้เท่านี้”        ภาพดังกล่าวทำให้หรันอันเจียวตกใจ จนร่างกายแข็งทื่อ กระทั่งตู้หงเทียนดึงข้อมือนาง พาออกวิ่งหลบคมดาบ หญิงสาวจึงตั้งมั่นพยายามรักษาชีวิตให้รอด        “พี่สะใภ้ ข้าจะถ่วงเวลาให้ ไป... วิ่งตรงไป อย่าได้หันหลังกลับมามองอีก”        หรันอันเจียวไม่ใช่คนโง่ แต่นางไม่ได้มีความกล้าหาญเพียงนั้น อีกทั้งห่วงน้องสามี เขาดีต่อนางมาก ในจวนตู้คนผู้นี้ ยื่นมือช่วยนางมาตลอด จนหลายหนผู้เป็นสามี เข้าใจผิดว่า หรันอันเจียวสวมหมวกเขียวให้แก่เขา        “ขอบใจ คุณชายรอง... บุญคุณครั้งนี้ หากข้ายังมีชีวิตรอด จะต้องตอบแทนท่านแน่นอน”        นางบอกเขาแล้วจึงออกวิ่งจากไป ในขณะนั้นลูกธนูก็พุ่งตรงมาหลายดอก เสียงกรีดร้องเสียงการขอความช่วยเหลือดังอยู่รอบๆ ทิศ        หรันอันเจียวสืบเท้าไปข้างหน้าอย่างไม่หันกลับไปด้านหลัง ด้วยรู้ว่านางคงไม่อาจทนเห็นภาพโหดร้ายได้ ทว่าแทนที่นางจะรอดพ้นจากมือสังหาร กลับพบร่างสูงใหญ่ที่พุ่งเข้ามา แล้วกระชากนางให้ไปสู่อ้อมเขา        “ฮูหยิน... เจ้าคิดทิ้งสามี ผู้นี้ลงคอหรือ!”        เสียงดังกล่าวทำให้หรันอันเจียวตกใจเป็นอย่างมาก และเขาคือตู้หลัวเซียว ผู้ที่นางและคนทั่วทั้งเมืองหลวง เข้าใจว่าตายในกองเพลิงเพื่อหลบหนีความผิด        “ทะ ท่าน ได้โปรดปล่อยข้า ชาตินี้เราไม่มีสิ่งใดติดค้างต่อกันแล้ว” หรันอันเจียวบอกอดีตสามีเช่นนั้น เพราะเมื่อเขาสร้างภาพว่าตนเสียชีวิต นางก็กลายเป็นหม้ายทันที        “ฮ่าๆ ๆ 25 ชีวิตของสกุลตู้ต้องตาย และศีรษะเสียบประจานที่หน้าประตูเมืองจากคำสารภาพเจ้า พร้อมหลักฐานโง่ๆ ที่เจ้ากับน้องรองพยายามค้นหามาใส่ความข้า มันยังเรียกไม่ได้ว่า เป็นการเวรกรรมที่เจ้ากับข้า ทำร่วมกันหรืออย่างไร ... เจ้าคือฆาตกรตัวจริง ที่ทำให้ พ่อสามี ท่านย่า และท่านอา กับพี่น้องข้า ต้องตายตาไม่หลับ”        “พวกเขา... ล้วนก่อกรรมกับผู้อื่น และมีความผิดติดตัวทั้งสิ้น”        “เสี่ยวเจียว เจ้ารู้หรือไม่ เสียงร้องโหยหวนของพวกเขาในตอนถูกลงทัณฑ์ก่อนศีรษะจะหลุดออกจากร่าง มันน่าสงสารเพียงใด และทุกชีวิตล้วนสาปแช่งเจ้าไม่ให้ตายดี”        หรันอันเจียวส่ายหน้า นางทำผิดต่อ 25 ชีวิตนั่น แต่ก็ไม่อาจปล่อยให้คนอีกเกือบ 100 ชีวิตที่บริสุทธิ์ต้องตายได้        “ข้าเลือกทางที่ถูกต้อง คุณชายใหญ่โปรดเข้าใจ”        “คุณชายใหญ่!”        ตู้หลัวเซียวเดือดดาล และอยากฆ่านางให้ตายด้วยมือของเขาเสีย        “เรียกสามีเช่นนั้น ทั้งที่ตายยังไม่ครบร้อยวัน หรือเจ้าคิดหาบุรุษอื่นมาแทนที่ข้า ก็หวังว่ามันจะไม่ใช่แซ่ตู้หรอกนะ”        หญิงสาวส่ายหน้า นางไม่ได้ปรารถนาเป็นของผู้อื่น อันที่จริงนับแต่ได้รับการอภัยโทษ หรันอันเจียวก็มุ่งหน้าลงใต้ คิดจะบวชชีเสียด้วยซ้ำ        “ข้าไม่อยากข้องเกี่ยวกับบุรุษใดอีก”        “อย่าเพิ่งตัดช่องน้อยเลย เพราะต่อจากนี้ เจ้าก็จะต้องชดใช้ทุกอย่างให้แก่ข้า รวมถึงคนที่จากไป จงอยู่เหมือนตกนรกไปทั้งชาติเถิด” เขากล่าวจบ ก็เตรียมลากนางให้ก้าวตามไป ทว่าในยามนั้นหรันอันเจียวดิ้นรนขัดขืนอย่างแรง พอนางหลุดจากมืออีกฝ่าย ก็ใช้ทุกวิถีทางที่จะเอาตัวรอด        ตู้หลัวเซียววิ่งตามมาติดๆ เมื่อเห็นว่านางกำลังจะเข้าไปถึงสำนักนางชี เข้าก็เขวี้ยงมีดสั้นออกไป ซึ่งมันปักเข้าที่แขนข้างหนึ่งของนาง        หรันอันเจียวเจ็บปวดยิ่งนัก แต่กัดฟันก้าวไปอีกเล็กน้อย ร่างบอบบางก็ทรุดลงช้าๆ        อึดใจต่อมา มือใหญ่ ๆ ของตู้หลัวเซียวดึงผมบนศีรษะนาง ก่อนหมุนหน้าให้มาเผชิญกับเขา        “ร่างกายเจ้าเป็นของข้า วิญญาณนี้ก็เช่นกัน”        ได้ยินเช่นนั้นหรันอันเจียวพลันเย็บเยียบไปทั้งร่าง อีกทั้งนางเจ็บแผลเหลือเกิน        “คุณชายใหญ่ เชื่อข้าเถิด... ท่านจะไม่ได้ครอบครองสิ่งใด ทั้งร่างกายและวิญญาณของคนแซ่หรันนี้” นางบอกเขา และเสมือนเป็นการยั่วโทสะ มีดสั้นที่ปักอยู่แขนของนาง จึงถูกกดให้ลึกกว่าเดิม ก่อนที่เขาจะดึงมันออกอย่างรวดเร็ว        หรันอันเจียวเจ็บปวดหนัก นางหวีดร้องอย่างน่าสงสาร และเลือดก็ไหลออกมาไม่หยุด        “ข้าจะไม่ให้เจ้าตายง่ายๆ จำไว้ว่า เจ้าต้องรับกรรมที่ตนเองก่ออย่างสาสม”        หญิงสาวสงบนิ่ง และพยายามรวมรวบพลังของตน กระทั่งสบโอกาสเหมาะเมื่อตู้หลัวเซียว ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ หมายจะใช้ริมฝีปากบางๆ จูบนางด้วยความหื่นกระหาย!         แต่เขาก็ชะงักไว้ทัน ด้วยเห็นว่าหรันอันเจียว มีประสงค์ร้ายผ่านดวงตากลมโตของนาง        ในยามนั้น มีดสั้นที่เขาถือไว้ และอาบด้วยเลือดหรันอันเจียว จึงแทงลงที่ข้างแก้มข้างหนึ่งของหญิงสาว!         หลายชั่วยามต่อจากนั้น ร่างบอบบางลอยตามน้ำไปติดอยู่ที่โขดหินใหญ่ กระทั่งรู้สึกว่ายังคงมีเรี่ยวแรงจึงพยุงตัวลุกขึ้น เสื้อผ้านางขาดวิ่น แก้มข้างหนึ่งมีแผลลึก ส่วนแขนที่ถูกแทงเลือดหยุดไหลแล้ว ข้อเท้าข้างหนึ่งก็แพลง นางเจ็บปวดทั้งตัว ทว่ารู้ดี ไม่อาจอยู่ที่นี่ได้ เหนืออื่นใด นางไม่ใช่คนในโลกนี้ ด้วยเจ้าของร่างตายไป นับแต่พลัดตกหน้าผา ก่อนล่วงสู่ผืนน้ำกว้าง 
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม