ตั้บตั้บตั้บ
ตึก! ตึก! ตึก!
เตียงขนาดใหญ่ขยับห่างแล้วกระแทกผนังตาแรงมหาศาลของ ชายหนุ่ม ก่อนที่เขาจะจับตัวเธอลุกขึ้น ตรึงร่างงามไว้ แล้วกระแทกแก่นกายขึ้นสอดใส่จากทางด้านล่างรัวเร็ว ถึงใจ!
”โอว โอว โอว! จะแตกแล้ว”
“กรี๊ดดด ผัวขา”
ตั้บ!
“อาส์” ชายหนุ่มครางรับความหฤหรรษ์ที่บังเกิด เขาหอบหายใจแรง ปล่อยร่างไร้เรี่ยวแรงของหญิงสาวให้ซวนซบลงบนบ่ากว้าง
เนิ่นนานกว่าที่หัวใจของสองหนุ่มสาวจะเบาจังหวะการกระแทกอก และดารกาก็ผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลียบนร่างของเขาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
อาโมวางร่างไร้เรี่ยวแรงของเธอลงบนเตียง ก่อนห่มผ้าให้ แล้วลุกไปหยิบกล้องวีดีโอขึ้นมามองพร้อมรอยยิ้มมุมปาก
สิ่งนี่แหละที่จะทำให้เธอต้องสยบเป็นทาสรักของเขาไปชั่วนิรันดร์!
ดารกาหลับฝัน
เธอเห็นเด็กหญิงตัวน้อยสวมชุดกระโปรงราวกับตุ๊กตากำลังนั่งเล่นหม้อข้าวหม้อแกงอยู่ใต้ต้นไม้หน้าคฤหาสน์หลังงามกับพี่เลี้ยงสาวใช้ แต่เล่นได้ไม่ทันไร นายแพทย์วิวัฒน์กับแพทย์หญิงรินรดา สองสามีภรรยาก็เดินจูงเด็กชายวิทยาตรงมาหา
‘น้องดาว’ รินรดาเอ่ยเรียกด้วยเสียงเฉียบดุ ‘เลิกเล่น ได้เวลาไปเรียนพิเศษแล้วลูก’
ดารกามองของเล่นตาละห้อย ก่อนหันไปมองบิดามารดาอย่างออดอ้อนเอาใจ
‘อีกสิบนาทีไม่ได้เหรอคะคุณพ่อคุณแม่ น้องดาวยังทำขนมไม่เสร็จเลยค่ะ ให้น้องวิทย์เล่นกับน้องดาวนะคะ’ เด็กหญิงหันไปมองสบตาน้องชาย ‘มาเล่นกับพี่นะวิทย์’
วิทยาละล้าละลัง ก่อนถูกมารดาบีบข้อมือจนเจ็บ และไม่กล้าเดินไปหาพี่สาว เขาขี้ขลาดขี้กลัวเสมอและเดินตามทางชีวิตที่บิดามารดาขีดไว้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน
‘ไม่ได้!’ วิวัฒน์ดุเสียงดัง ‘ลุกขึ้นไปเรียนพิเศษเดี๋ยวนี้ดารกา รถมารอรับอยู่หน้าบ้านแล้ว’
เด็กหญิงสะดุ้ง น้ำตารื้น แต่ประสบการณ์ชีวิตสิบปีที่ผ่านมาในบ้านหลังนี้ก็ทำให้เธอรู้ว่าหากร้องไห้เพราะถูกดุ อาจทำให้ถูกกักบริเวณเพิ่มก็ได้ ดารกาจึงละมือจากของเล่นอย่างเสียดาย ก่อนลุกขึ้นปัดฝุ่นที่กระโปรง เดินตามพ่อแม่ไปเพื่อนั่งรถไปเรียนพิเศษกับน้องชาย
ครอบครัวของเธอเป็นหมอมาหลายชั่วคนแล้ว บิดามารดาคาดหวังให้ลูกสาวลูกชายสอบติดแพทย์ดำเนินรอยตามบรรพบุรุษและตนเอง แต่ดารกาไม่ได้อยากเป็นหมอ เธอกลัวเลือด และค้นพบตัวเองว่าชอบทำกับข้าว ขนม ส่วนวิทยาน้องชายไม่เคยปริปากเลยว่าอนาคตอยากเป็นอะไร ได้แต่เดินตามทางที่พ่อแม่หวังเท่านั้น
กระทั่งดารกากำลังจะเรียนจบมัธยมปลาย วิทยาที่กำลังจะจบมัธยมต้นก็แอบบอกความลับกับเธอ
‘ผมอยากเรียนวิทยาศาสตร์การกีฬา’
ดารกาฟังแล้วตกใจ เพราะการมีความฝันในอนาคตของเธอกับน้องชาย คือการประกาศสงครามกับพ่อแม่ดีๆ นี่เอง
‘จะไม่เรียนหมอแล้วเหรอ’
วิทยาสั่นศีรษะ
‘ไม่รู้ ผมไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน เลยมาถามพี่ พี่ดาวจะทำยังไงต่อ จะเรียนหมอตามที่พ่อแม่สั่งจริงๆ เหรอ พี่ไม่มีความฝันบ้างเหรอ’
ดารกาฟังแล้วถอนหายใจ
‘พี่อยากเป็นเชฟ พี่ชอบทำกับข้าว แต่พี่... พี่ไม่กล้า’
สองพี่น้องมองหน้ากันน้ำตารื้น ไม่มีใครยกเรื่องนี้มาพูดอีกหลังจากนั้น ดารกาสอบติดคณะแพทย์ตามที่พ่อแม่คาดหวัง แต่เธอทนเรียนได้แค่สองปี ทนถูกพ่อแม่กดดันได้ถึงแค่อายุยี่สิบปีเท่านั้น เธอก็ทนต่อไปไม่ไหว! หญิงสาวขอคุยกับพ่อแม่ว่าจะเลิกเรียนหมอ และเธอถูกตบจนล้มลงไปกองกับพื้น
‘อย่ามาขี้ขลาดตาขาวหน่อยเลย ถ้าแกไม่เรียนหมอ ก็อย่ามาเรียกฉันว่าพ่อ อย่าเรียกแม่แกว่าแม่ด้วย!’
วิวัฒน์ประกาศกร้าว
ดารกายกมือกุมแก้ม หันไปมองมารดา เธอเห็นดวงตาตื่นตระหนกรื้นน้ำตาแค่เสี้ยววินาที ก่อนที่รินรดาจะเชิดหน้าไปอีกทาง เป็นอันเข้าใจตรงกันว่าแม่เองก็ไม่เข้าข้างเธอ
ดารการ้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด เธอถูกกักบริเวณสองวันโดยไม่ให้ใครเข้าไปหา นอกจากสาวใช้เข้าไปส่งข้าวส่งน้ำเท่านั้น แต่ในวันที่สอง วิทยาก็แอบขโมยกุญแจบุกเข้ามาหาเธอตอนกลางคืน
‘จะหนีมั้ย’ เด็กหนุ่มกระซิบถามพี่สาวที่ดวงตาบวมแดงจนน่าสงสาร เขาส่งซองเอกสารให้ ‘ผมจะพาพี่แอบออกไป แท็กซี่รออยู่หน้าบ้าน แต่สัญญานะว่าถ้าออกไปจะไม่กลับมาอีก เรื่องที่อยู่กับเงินช่วงสักสองสามเดือนแรกไม่ต้องห่วง ทุกอย่างอยู่ในซองนั้นหมดแล้ว รวมถึงงานที่พี่จะทำแลกเงินได้ด้วย’
ดารกาไม่เข้าใจ แต่ในชีวิตของเธอ หญิงสาวไว้ใจน้องชายเพียง คนเดียวเท่านั้น เธอตัดสินใจอยู่ได้แค่เสี้ยววินาทีก็พยักหน้า
‘หนี พี่จะหนี พี่อยู่ไม่ได้แล้ว’
หญิงสาวโผเข้ากอดน้องชายด้วยความซึ้งใจ และเขากอดปลอบ ลูบหลังเธอราวกับพ่อกอดลูก ระยะหลังมานี้วิทยาเป็นผู้ใหญ่เกินตัว โดยเฉพาะเมื่อเติบโตมาในบ้านที่บีบบังคับจิตใจกันขนาดนี้
เด็กหนุ่มพาพี่สาวออกมาส่งที่แท็กซี่หน้าบ้าน โดยดารกามีกระเป๋าสัมภาระติดตัวมาแค่ใบเดียวเท่านั้น เขาย้ำก่อนปิดประตูรถ
‘อย่าติดต่อกลับมา พ่อแม่ต้องเช็คโทรศัพท์ผมแน่ ถ้าพ่อแม่ไว้ใจแล้วผมจะหาทางไปหาพี่เอง’
ดารกาพยักหน้ารับทั้งน้ำตา
‘พี่รักวิทย์นะ’
‘ผมก็รักพี่’ เขาบอกเสียงอ่อย น้ำตาร่วงเผาะหนึ่งก่อนเช็ดออก แล้วปิดประตูรถ ดารกามองน้องชายจนสุดสายตา ก่อนเปิดซองออกมาพบคีย์การ์ดคอนโดมิเนียมหรู บัตรเอทีเอ็มใหม่เอี่ยม และเงินสดจำนวนหนึ่ง พร้อมจดหมาย
‘ห้องนี้เป็นของแฟนผมเอง เธอชื่อแหวว เราแอบคบกันโดยที่พ่อแม่ไม่รู้ ข้างล่างคอนโดมีร้านขนมของพี่สาวแหวว ชื่อพี่แหม่ม ผมฝากงานให้แล้วนะ ช่วงนี้พี่อย่าออกจากที่นั่นถ้าไม่จำเป็นนะครับ เรียนรู้งานจากพี่แหม่มมากๆ ทำงานเก็บเงินนะ วันนึงพี่จะได้เปิดร้านของตัวเอง
ขอให้พี่โชคดี รักษาโชคของพี่ไว้นะ จำไว้ว่าเป็นโชคที่ผมไม่มีวันได้มา แต่พี่โชคดีกว่าผม
ผมจะเรียนหมอ เผื่อพ่อแม่พอใจแล้วจะได้ไม่ไปตามพี่
รักพี่เสมอ
วิทย์’
ดารการ้องไห้กับจดหมายของน้องชาย และคิดไว้ว่าบุญคุณนี้เธอจะจดจำไว้จนวันตาย ไม่มีวันลืม!
หญิงสาวค่อนข้างมีปัญหากับการปรับตัวในช่วงแรกของการอยู่คนเดียว โชคดีที่ห้องตรงข้ามมีดีไซเนอร์สาวแวะเวียนมาพักเป็นระยะ หล่อนชื่อสุมิตรา เป็นสาวใต้ สุมิตราชอบมาอุดหนุนขนมที่ร้านบ่อยๆ จนสนิทกับดารกา