หลังได้คำตอบ ร่างบางหันมายกยิ้มมุมปากให้กับเพื่อนร่วมชะตากรรมที่ยืนกันอยู่เต็มห้อง ซึ่งแต่ละคนล้วนเป็นหนุ่มร่างยักษ์ที่เธอไม่เคยเห็นเลยสักคน คงจะเป็นลูกค้าของบริษัทที่มาเจรจาธุรกิจ เพราะดูจากลักษณะการแต่งตัวแล้วคงไม่ใช่แค่พนักงานระดับล่างแน่ ๆ
อีกอย่างหนึ่งคือกลุ่มคนเหล่านี้เป็นชาวต่างชาติทุกคน ซึ่งก็ไม่แปลกอีกเช่นกันเพราะบริษัทใหญ่แห่งนี้ เป็นบริษัทที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นต่างชาติ
แม้จะจัดการกับไส้กรอกชีสของโปรดไปแล้วถึงสี่อัน แต่สำหรับคนผ่านการใช้สมองมาอย่างหนักเป็นเวลาติดต่อกันถึงสามวันสามคืน มันไม่เพียงพอเลยสักนิด
ความอ่อนล้าสะสมทำให้ต้องรีบทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอีกรอบ เข่าสองข้างถูกยกขึ้นมาเพื่อใช้เป็นที่พักพิงชั่วคราวของศีรษะทุยสวย
มือที่ถือถุงอาหารตกลงข้างตัวอย่างหมดแรงอีกครั้ง ดวงตาคู่หม่นอัดแน่นไปด้วยความอ่อนเพลียปิดลง พร้อมกับเสียงหายใจสม่ำเสมอ ไม่ยินดียินร้ายต่อสิ่งรอบตัว
และการกระทำเหมือนไม่ใส่ใจโลกของสาวร่างเล็กตรงหน้า ยังคงสร้างความแปลกใจให้กับบรรดาหนุ่มร่างยักษ์ที่ยืนกันอยู่เต็มห้อง
ยังไม่ทันที่จะได้หลับอย่างที่ต้องการ ร่างบางต้องสะดุ้งเฮือกเพราะเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์กำลังแผดเสียงดังก้องไปทั่วลิฟต์ มือเรียวข้างที่ว่างล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงขาสามส่วนของตัวเอง พลางรีบหยิบเครื่องมือสื่อสารรุ่นคุณยายเมินออกมากดรับ
“อืม...มีไร...อืม อยู่บริษัทนี่แหละ สามวันสามคืนแล้ว” กรอกเสียงลงไปเมื่อปลายสายตะโกนถามออกมาเสียงดังไม่เกรงใจว่าคนฟังจะแก้วหูแตกเลยสักนิด
“เขาว่าบอสใหญ่จะมา เลยวิ่งวุ่นเตรียมข้อมูลเอาไว้รายงานจนป่วนไปทั้งบริษัทเนี่ย ไม่รู้เกิดนึกอะไรขึ้นมา ปกติพี่แกจะให้ตัวแทนมาตรวจทุกปี” เสียงเนือย ๆ ยังคงพูดคุยไปตามปกติแม้ดวงตาจะปิดอยู่ก็ตาม
“ก็อย่างว่าแหละแก เห็นเขาว่าเป็นมาเฟียใหญ่ ดุมาก เวลามีอะไรไม่ถูกใจ พี่แกยิงทิ้งเอาง่าย ๆ เลยนะ”
มาเฟียใหญ่ผู้ถูกกล่าวถึงต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจเมื่อฟังน้ำเสียงเจื้อยแจ้วนั่น ถึงแม้เขาจะพูดภาษาไทยไม่ได้ ใช่ว่าเขาจะฟังไม่ออก
เพราะการต้องติดต่อเจรจาธุรกิจกับหลายประเทศ ทำให้เขาจำเป็นต้องศึกษาภาษาของทุกประเทศเพื่อป้องกันไม่ให้โดนเอาเปรียบได้ง่าย ๆ
“เออ...จริง ๆ โหดมาก ก็คงครบสูตรมาเฟียนั่นแหละ โหด เถื่อน หื่น บ้าตัณหา” เสียงเนือยยังคงสาธยายคุณสมบัติของบอสใหญ่ให้คนปลายสายได้ขนหัวลุก
“ได้ยินอย่างนี้ แกยังอยากมาสมัครงานที่นี่ไหมล่ะ สวย ๆ นมดูม ๆ อย่างแกน่ะ โอกาสก้าวหน้าเร็วนะฉันว่า” หัวเราะชอบใจที่ทำให้คนปลายสายตวาดแว้ดจนเสียงดังออกจากลำโพง
“แกก็ทน ๆ หน่อยสิ คนแก่น่ะแป๊บเดียวก็ตายแล้ว ดีไม่ดี พอเจออกภูเขาไฟของแกเข้าไป ตายคาอกแกก็สบายไง ได้เป็นข่าวใหญ่ ชื่อเสียงโด่งดังข้ามคืนเลยนะโว้ย” ร่างเล็กที่นั่งอยู่บนพื้นยังคงส่งเสียงไม่หยุด หาได้ใส่ใจเสียงกัดฟันของชายร่างสูงใหญ่ที่เดินมาหยุดยืนตรงหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่อาจรู้ได้
บรรดาหนุ่มร่างยักษ์ที่ยืนอารักขาอยู่ถึงกับลอบกลืนน้ำลายอย่างหวาดเสียวแทนเจ้าเด็กปากเสียคนนี้ เมื่อเหลือบเห็นสายตาวาวราวกับมีลูกไฟสุมอยู่ของเจ้านาย สันกรามถูกกัดจนนูนเด่นอย่างน่ากลัว
“แก่แล้วมั้ง ก็แหม...มีกิจการเยอะแยะมากมายซะขนาดนั้น แถมยังรวยติดอันดับโลกอีก คนหนุ่ม ๆ ที่ไหนจะทำได้ล่ะ มันต้องสะสมกันมาหลายปีกว่าจะมีวันนี้ได้ อืม ฉันฟังจากพวกพี่ ๆ ในนี้คุยกัน แต่ยังไม่เคยเห็นหน้านะ เขาก็ว่าหล่อเหมือนกันแหละ”
“เออ ๆ เจอกัน ขอบใจมาก ว่าแต่ไม่เปลี่ยนใจแน่นะ ผู้หญิงของมาเฟียเชียวนะแก” ก่อนวางสายยังไม่วายเอ่ยแซวอีกรอบจนต้องรีบกดวางสายก่อนที่จะเจอบทสวดเจริญพรแต่เช้า
สองขาแกร่งเดินมาหยุดตรงหน้ากองขยะสกปรกที่นั่งพิงประตูลิฟต์ พูดคุยโทรศัพท์อย่างไม่ทุกข์ร้อนใด ๆ แถมหัวข้อสนทนานั่นยังเอ่ยพาดพิงถึงเขาเต็ม ๆ
เดิมทีชายหนุ่มไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก แต่เมื่อยัยเด็กนี่ สาธยายคุณสมบัติของเขาอย่างละเอียดยิบด้วยความสนุกสนาน เขาก็หมดความอดทนทันที โหด เถื่อน เขาไม่เถียง แต่ไอ้สองข้อสุดท้ายนี่สิมันจะมากเกินไปแล้ว ไม่เคยมีใครพูดว่าร้ายเขาเสียหายได้มากมายขนาดนี้มาก่อน
โหดร้าย เย็นชา นั่นคือเขา ซึ่งก็ไม่แปลกที่ใคร ๆ จะพูดให้ได้ยิน ทั้งชีวิตเขาไม่เคยต้องพานพบกับคำว่า ‘ไม่ได้’ และ ‘พ่ายแพ้’ สองคำนี้ไม่เคยมีอยู่ในหัว!
ชีวิตเขาถูกหล่อหลอมขึ้นมาด้วยคำว่า ‘ชนะ’ อะไรที่อยากได้ต้องได้และไม่สนว่าจะได้มาด้วยวิธีใด
แต่ไอ้คำว่า ‘แก่ มันเข้ามาอยู่รวมกับคุณสมบัติของเขาได้อย่างไร ยัยเด็กสกปรกนี่มีสิทธิ์อะไรมาบอกว่าเขา ‘แก่!’
มีตรงไหนในร่างกายเขาที่มันเข้าใกล้คำว่าแก่!
ตรงกันข้าม สุขภาพร่างกายแข็งแรง และเรือนกายแข็งแกร่งกำยำ จนสาว ๆ ต่างพากันกล่าวขวัญถึง ไม่มีสาวคนไหนที่เคยขึ้นเตียงกับเขาแล้ว ไม่กลับไปนอนเพ้อถึงค่ำคืนแสนเร่าร้อนที่มีร่วมกัน
ถ้าวันนี้เขาไม่จัดการสั่งสอนไอ้เด็กสกปรกนี่ซะบ้าง ก็อย่ามาเรียกเขาว่า งพยัคฆ์ร้ายแห่งมาเวลราจ’
“โอ๊ะ!!!” เสียงเล็กอุทานตกใจ เมื่อเหลือบตามองปลายรองเท้าหนังมันวาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า ดวงตากลมไล่ขึ้นไปตามลำขาแกร่งที่ถูกซ่อนอยู่ภายใต้กางเกงผ้าเนื้อดี จนไปสบเข้ากับดวงตาดุฉายแววคุกคามอย่างชัดเจนที่กำลังก้มมองมาราวกับจะฆ่าแกงกันให้ตายไปต่อหน้า
เตือนให้เธอต้องรีบยัดโทรศัพท์เข้ากระเป๋าในทันที ดวงตาหวานแฝงแววหม่นเบิกกว้างเมื่อเห็นมือหนาเอื้อมมาคว้าคอเสื้อเชิ้ตตัวหลวม ออกแรงเพียงนิด ร่างเล็กก็ลอยเหนือพื้น สองขาเรียวเตะอากาศไปมาเพื่อต้องการให้หลุดออกจากมือแข็งแรงของคนหน้าโหด
“เฮ้คุณ! เกิดอะไรขึ้น ใจเย็น ๆ เดี๋ยวก็มีคนมาช่วยเองนั่นแหละ อย่าใจร้อนสิ” รีบพูดปลอบคนใจร้อนที่คงจะอยากออกไปจากห้องสี่เหลี่ยมแคบ ๆ นี่เต็มทน ขนาดถึงกับต้องพานหงุดหงิดใส่คนรอบข้างแบบนี้
“เมื่อกี้เธอพูดอะไร ยัยเด็ก...สกปรก” กัดฟันจนขึ้นสันเอ่ยถามออกไปช้า ๆ ชัด ๆ ทีละคำ ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องใจดีกับคนตรงหน้าเลยสักนิด
แค่สั่งคำเดียว เหล่าบอดี้การ์ดที่ยืนรายล้อมอยู่รอบตัวก็พร้อมจะฝากลูกตะกั่วไว้ในหัวเล็ก ๆ นี่ทันที!
“หนูคุยกับเพื่อน ไม่ได้คุยกับคุณเลยนะ แล้วคุณฟังภาษาไทยออกด้วยเหรอคะ” ก็เมื่อตอนคุยโทรศัพท์ เธอคุยเป็นภาษาไทยส่วนคนโหดตรงหน้านี่ ไม่ต้องมีใครบอกก็รู้ว่าไม่ใช่คนไทยแน่ ๆ ดูจากรูปร่างใหญ่โตเกินมาตรฐานชาวเอเชีย แถมยังดวงตาสีเขียวมรกตที่มันกำลังดำมืดดุจน้ำทะเลยามรัตติกาลนั่นอีก ฟันธงได้เลยว่าต้องเป็นชาวตะวันตกแน่ ๆ แต่จะเป็นชนชาติไหนนั้นเธอก็ไม่แน่ใจนัก ภาษาที่ใช้พูดกับคนของตัวเองเมื่อครู่ก็ไม่ใช่ภาษาอังกฤษซะด้วย
เมื่อเจอคำถามถึงเรื่องภาษา ทำให้ชายหนุ่มชะงักลงไปนิดแล้วเหลือบตามองจอห์นสันที่เข้ามาประกบด้านข้างตั้งแต่เห็นเจ้านายเดินพุ่งเข้าหาเด็กสาวนี่แล้ว
“เปล่า!...ฉันฟังไม่ออก แต่ตอนเธอพูด เห็นมองมาทางพวกฉัน เลยคิดว่าเธอพูดนินทาอะไร”
การติดต่อธุรกิจกับคนหลายเชื้อชาติ ทำให้เขาต้องเรียนรู้ภาษาเพิ่มขึ้น แต่การที่คู่ค้าไม่รู้ว่าเขาพูด และฟังภาษาของเจ้าตัวรู้เรื่องมันก็เป็นประโยชน์มาก เนื่องจากเขาสามารถฟัง สิ่งที่พวกเขาเหล่านั้นพูดคุยได้โดยอีกฝ่ายไม่ต้องระแวงสงสัยอะไร และเพราะยัยเด็กสกปรกนี่ไม่รู้ว่าเขาฟังและพูดภาษาไทยได้ ทำให้เขารู้ว่าตัวเองถูกยัยเด็กนี่นินทาอะไรบ้าง
ปลายเท้าเรียวที่มีโอกาสสัมผัสพื้นอีกครั้ง ทำให้เด็กสาวพยายามทรงตัวยืนให้มั่นคงและด้วยความตกใจขาข้างหนึ่งก้าวถอยหลังไปชนเข้ากับประตูลิฟต์ที่ตอนนี้มีเสียงกุกกัก ๆ เหมือนคนข้างนอกพยายามจะเปิดเข้ามา และประตูลิฟต์ที่กำลังเลื่อนเปิดออก ทำให้ร่างบางหงายหลังลงไปนั่งบนพื้นหน้าลิฟต์ในทันที
“โครม...!!”