“อืม” เสียงรับคำสั้น ๆ แบบเดิมถูกเปล่งออกมาอีกครั้ง เมื่อฟังคำบอกเล่าของหนุ่มแว่นเสร็จเรียบร้อย ใบหน้าภายใต้ความรุงรังของเส้นผมยุ่งเหยิงพยักขึ้นลงช้า ๆ อย่างใช้ความคิดไปด้วย
ดวงตาที่ถูกปกปิดด้วยปอยผมด้านหน้ากวาดมองไปทั่วห้องประชุมใหญ่ ซึ่งใหญ่สมชื่อจริงๆ เนื่องจากประกอบไปด้วยโต๊ะยาวรูปตัวยูพร้อมผู้เข้าร่วมประชุมซึ่งนั่งประจำที่กันอย่างพร้อมเพรียง นับคร่าวๆ แล้วคงไม่ต่ำยี่สิบคน อุปกรณ์สื่อสารทันสมัยมองดูแล้วก็แอบยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย เพราะรู้ว่าไอ้ที่ติดตั้งอลังการขนาดนั้นน่ะ มีคนได้ใช้ประโยชน์แค่ไม่กี่คนเท่านั้น!
ขาเรียวเล็กขยับลากเท้าก้าวเดินเนือย ๆ ไปหยุดอยู่ตรงหน้าของบุรุษร่างสูงใหญ่น่าเกรงขาม ซึ่งนั่งเป็นประธานในการประชุม พร้อมทั้งยกมือบางข้างหนึ่งขึ้นโบกไปมาเป็นเชิงไล่บอกให้ลุกขึ้น
“ลุกขึ้นหน่อยสิ หนูต้องใช้เครื่องนี้” ส่งเสียงแหบบอกคนที่ทำหน้าตึง จ้องมองด้วยดวงตาวาวโรจน์
“อะไรนะ!” เสียงเข้มถามออกไปเมื่อแน่ใจว่ายัยเด็กสกปรกนี่เอ่ยปากไล่เขาให้ลุกออกไปจากที่ที่เขานั่งเป็นประธานอยู่
“หนูบอกว่าลุกค่ะ หนูจะใช้เครื่องนี้!” เสียงเล็กเอ่ยซ้ำเมื่อแน่ใจว่า เจ้าของที่ไม่ยอมลุกแน่ เธอเอียงหน้าเล็กน้อยเพื่อจะมองใบหน้าไม่พอใจของอีกฝ่าย เตรียมตัวจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่างก็มีเสียงขัดจังหวะเสียก่อน
“เอ่อ...ใช้เครื่องอื่นไม่ได้เหรอ” หนุ่มแว่นรีบเข้ามากระซิบถามร่างบาง เนื่องจากคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินเด็กสาวเอ่ยปากไล่ท่านประธานใหญ่ที่กำลังนั่งหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ตรงหน้า และถ้าเขาตาไปฝาด เขาเห็นบอดี้การ์ดร่างยักษ์เริ่มขยับตัวกันให้พึ่บตั้งแต่เห็นเด็กคนนี้เดินเข้ามาใกล้เจ้านายของตน
“พี่จะให้ช่วยไหม ถ้าอยากเสร็จเร็วก็เอาเครื่องนี้” หันมาบอกกับหนุ่มแว่นพร้อมชี้มือไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต้องการ
“จากที่พี่บอกเมื่อกี้ มันใช้เวลาแก้ไม่นานหรอก แต่ถ้ายังมัวลีลา!นั่งเก๊กกันอยู่! ก็ไม่แน่ว่าข้อมูลที่มีอยู่มันจะหายไปมากน้อยแค่ไหนนะ และขอเตือนว่าไม่เฉพาะข้อมูลของพี่เท่านั้น ข้อมูลที่บริษัทมีทั้งหมดอาจเกิดความเสียหายมากไปกว่านี้ก็ได้” น้ำเสียงเรียบ ๆ ที่อธิบายยังคงดังอย่างต่อเนื่อง พร้อมเหลือบสายตาออกคำสั่งไปยังร่างสูงซึ่งยังคงนั่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน
และไม่มีใครคาดคิด มือบางยื่นไปวางบนท่อนแขนแกร่ง พร้อมออกแรงดึงเพื่อให้อีกฝ่ายขยับลุกขึ้น
“นี่คุณ! ที่นั่งอยู่เนี่ยจะทำเองใช่มั้ย! ถ้าทำเองหนูก็จะกลับแล้วนะ” เมื่อร่างสูงที่นั่งอยู่ยังไม่มีทีท่าจะขยับตามแรงดึง เธอจำเป็นต้องเอ่ยถามเป็นรอบที่สอง
“มันจะมากไปแล้วนะ!!” เสียงรอดไรฟันนั่นไม่ได้ส่งผลอะไรให้กับเจ้าของร่างบางที่ยืนมองอยู่ตรงหน้าเลยสักนิด
“ใช่ เสียหายมากแน่ ๆ ถ้าคุณยังนั่งอยู่ตรงนี้ คุณก็ทราบดีนี่ว่าทุกคนกำลังยุ่งวุ่นวายเตรียมข้อมูลเอาไว้นำเสนอกับท่านประธานใหญ่ที่จะเดินทางมาเมืองไทยอาทิตย์หน้า”
“และลองคิดดู ถ้าท่านประธานใหญ่มาถึง แล้วไม่มีอะไรไว้เสนอท่านเลยน่ะ พวกคุณจะพากันซวยแค่ไหน หนูว่าแทนที่คุณจะมัวนั่งงงอยู่ตรงนี้ รีบ ๆ ลุกออกไปก่อนดีกว่าค่ะ”
“หนูขอเวลาแค่สิบนาที คุณไปหาที่นั่งใหม่แป๊ปเดียวเองนะ หรือไม่ก็ออกไปเดินเล่น เข้าห้องน้ำอะไรก็ได้ พอกลับมาคุณก็ได้ทำงานต่อแล้ว” น้ำเสียงเว้าวอนที่ออกมาจากริมฝีปากบางตรงหน้านั้น ไม่น่าเชื่อว่าสามารถทำให้อารมณ์กรุ่นโกรธเมื่อครู่ลดหายไปกว่าครึ่ง
และความต้องการจะออกไปจากห้องนี้ให้เร็วที่สุดเพราะไม่ชอบบรรยากาศการน่าอึดอัดและคนเยอะ ๆ ทำให้เด็กสาวต้องเอ่ยเสียงเบาเพื่อให้บุรุษหน้าดุตรงหน้ายอมให้ความร่วมมือ
ร่างสูงใหญ่ของท่านประธานหน้าดุ ขยับลุกขึ้นยืนเต็มความสูงกว่าร้อยเก้าสิบเซนติเมตร เพื่อเปิดทางให้กับร่างเล็กที่เข้าประจำที่หน้าจอคอมพิวเตอร์เจ้าปัญหา พลางหันไปส่งสายตาห้ามบอดี้การ์ดที่กำลังจะเดินเข้ามา
มือบางขยับดึงยางรัดผมที่คล้องอยู่บริเวณข้อมือซ้าย พร้อมกับจับรวบผมหน้าม้าที่ยาวปกปิดดวงตาขึ้นมัดลวก ๆ เป็นจุกไว้กลางศีรษะ เผยให้เห็นดวงตากลมโตภายใต้เปลือกตาสีคล้ำเนื่องจากการอดนอนของเจ้าตัว
ผิวแก้มนวลปราศจากเครื่องสำอางราคาแพง ส่งผลให้ชายหนุ่มสังเกตเห็นเส้นเลือดสีเขียวจาง ๆ กระจายอยู่เต็มทั้งสองข้างแก้ม ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันโดยไม่รู้ตัวเมื่อเจ้าตัวกำลังเพ่งมองไปที่หน้าจออย่างใช้สมาธิ สองมือที่ใช้กดลงบนแป้นพิมพ์รัวเร็วแสดงให้เห็นถึงความชำนาญในการใช้เครื่องมือเหล่านี้เป็นอย่างดี
“ถ้าจำไม่ผิด ฝ่ายเทคโนฯ มีหนังสือเวียนแจ้งให้ทุกแผนกทราบเกี่ยวกับการนำข้อมูลข้างนอกมาใช้แล้วไม่ใช่เหรอคะ” หันมาถามหนุ่มแว่นที่ยังคงยืนมองการทำงานของสาวร่างเล็กอยู่ไม่ห่าง
“ใช่ แต่ครั้งนี้มันจำเป็นน่ะ...” ตอบคำถามเสียงเบาพร้อมทั้งหลบสายตาคมที่ยืนมองอยู่อีกฝั่งหนึ่ง
“แล้วทำไมยังมีการฝ่าฝืนอีก ถึงแม้เราจะมีระบบป้องกันอย่างดีแค่ไหน แต่ถ้ามีคนจงใจสร้างความเสียหายให้กับบริษัท ช่องทางนี้เป็นทางเดียวที่ง่ายที่สุด พี่ก็ทราบนี่” ริมฝีปากอิ่มอธิบายไปเรื่อย ๆ ขณะดวงตายังคงจับจ้องอยู่บนหน้าจอไม่วางตา
“คุณ! ไปหาที่นั่งก่อนสิ พี่แว่นด้วย” เอ่ยปากไล่อีกครั้งเมื่อยังคงเห็นชายหนุ่มทั้งสองยืนขนาบข้างซ้ายขวา
“นี่! เธอรู้ไหม ว่าคนที่ยืนอยู่นี่...”เสียงเข้มของเลขาฯ หนุ่มผมสีทองที่เดินเข้ามาเพื่อจัดการปัญหาแทนเจ้านายเอ่ยบอกได้เพียงสั้น ๆ เมื่อต้องเจอกับสายตามคมดุของนายใหญ่ที่ส่งสัญญาณบอกว่าห้ามพูด จอห์นสันจำต้องเก็บเสียงแสดงความไม่พอใจเอาไว้ ก่อนทำเพียงยืนสังเกตการณ์อยู่ใกล้ ๆ
ผ่านไปราวสิบนาที ร่างบางที่กำลังนั่งให้ความสนใจกับหน้าจอเบื้องหน้า ต้องเบิกตากว้างขึ้นมาอีกครั้งเมื่อทราบสาเหตุของเรื่องที่ทำให้ตนต้องเข้ามาอยู่ในห้องที่มีบรรยากาศน่าอึดอัดเช่นนี้
“เจอแล้วค่ะ แป๊ปนะพี่” หันบอกหนุ่มแว่นข้างตัว แล้วกลับไปให้ความสนใจกับจอสี่เหลี่ยมเบื้องหน้าอีกครั้ง คางมนถูกวางลงบนเข่าข้างหนึ่งที่ถูกยกขึ้นมาตั้งบนเก้าอี้ช้า ๆ ตามความเคยชิน มือซ้ายเอื้อมหยิบแก้วน้ำที่วางอยู่ข้างตัวขึ้นดื่มอย่างกระหาย โดยไม่สนใจว่ามันเป็นของใคร เนื่องจากตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเพราะเสียงโทรศัพท์ เธอก็ต้องรีบวิ่งขึ้นมา น้ำยังไม่ตกถึงท้องเลยสักอึก
การกระทำดังกล่าวตกอยู่ในสายตาเบิกกว้างของผู้เข้าร่วมประชุม บางคนถึงกับส่งเสียงอุทานด้วยความตกใจ เมื่อเด็กคนนี้ช่างไม่มีมารยาทเอาเสียเลย