“มีสิ”
“แกไม่ได้เป็นภูมิแพ้ ทำไมถึงมี”
“ก็ฉันรู้ว่าเวลาแกแพ้ อาการแกจะเยอะเลยพกติดตัวเอาไว้” ประโยคของเขาทำให้เธออึ้งไป ก่อนจะยิ้มออกมา
“ขอบใจแกมากนะ แกนี่เป็นเพื่อนที่ดีของฉันจริงๆ” คนพูดตบไหล่เบา ๆ ก่อนจะเดินไปขึ้นรถ
กายสิทธิ์ยิ้มค้างเมื่อได้ยินท้ายประโยค เขาก็คงเป็นได้แค่เพื่อนที่ดีที่สุดของเธอเท่านั้นสินะ
พอทั้งสองเดินทางไปถึงคลินิก พนักงานด้านหน้าก็ให้กรอกประวัติ โดยขอบัตรประชาชนและทะเบียนสมรส
“ต้องเอาทะเบียนสมรสด้วยเหรอคะ” วินิทราทำหน้าเหลอหลา เธอแค่หาข้อมูลการทำลูก อ่านมาเยอะมาก ทั้งฉีดน้ำเชื้อเข้าโพรงมดลูก ทำเด็กหลอดแก้ว ทำกิฟต์และอีกมากมายสารพัด แต่ไม่ได้อ่านข้อมูลว่าต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง คิดว่าใครก็คงทำได้หากบอกทางคลินิกว่าเป็นสามีภรรยากัน
“เอ่อ... แป๊บนึงนะคะ” วินิทราลากมือกายสิทธิ์มาคุยกันสองคนตรงมุมหนึ่งของคลินิก เธอเล่าให้เขาฟังอย่างตกใจ
“งั้นเราไปจดทะเบียนกัน”
“แกจะบ้าเหรอ ฉันแค่จะทำลูกให้แกเฉย ๆ แกจะได้ไม่ถูกแม่ของแกบังคับให้แต่งงานไง”
“แล้วพอแกมีลูก แกก็จะทิ้งลูกไปเหรอ” ประโยคของกายสิทธิ์ดูจริงจังจนวินิทราถึงกับอึ้งไป
นั่นสิ! เธอผลิตลูกให้เขา พาไปยืนยันว่าเขามีลูกมีเมียแล้ว แม่ของเขาไม่บังคับให้แต่งงาน แล้วเธอกับเขาจะเอายังไงกันต่อ เธอลืมคิดเรื่องนี้ไปเสียสนิท
“ฉันก็ช่วยแกเลี้ยงไง” ประโยคของเธอทำให้กายสิทธิ์จูงมือเธอเข้าไปในห้องทำงานของน้องสาวในทันที
“แกจะพาฉันไปไหน”
“ไปหาหมอทำลูกไง ยายนิกำลังว่างรอคุยกับเราอยู่”
“แกโกรธอะไรฉันนี่”
“ไม่ได้โกรธ แต่จะไปคุยกันว่าทำลูกยังไง”
“แต่ทุกอย่างเหมือนแกโกรธเลยนะ”
“ฉันก็แค่เครียด ๆ แกอย่าถือสาเลย” กายสิทธิ์ปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ เขาเองไม่ใช่เหรอที่คิดแผนการนี้ขึ้นมา แล้วพอมาถึงตรงนี้ก็มาหงุดหงิดใส่เธอ
“โอเค ฉันเข้าใจว่าแกเครียด ฉันจะพยายามทำลูกให้ได้ แล้วจะช่วยแกเลี้ยงเอง ลูกคนเดียวฉันเลี้ยงได้ ดีเหมือนกันมีลูกตอนนี้ มีลูกทันใช้”
กชนิภานั่งรอคนทั้งสองอยู่ในห้องตรวจก่อนจะยิ้มบาง ๆ ออกมา
“ต้องใช้ทะเบียนสมรสด้วยเหรอนิ”
“ใช้สิ เพราะแกไม่ได้ใช้วิธีแบบธรรมชาติ ทางคลินิกของฉันก็ต้องป้องกันตัวเองเอาไว้ เพราะเดี๋ยวจะเกิดการอุ้มบุญแล้วยกลูกให้คนอื่นไง”
“แล้วทำยังไงบ้างเหรอแก”
“วิธีการน่ะเหรอ คือแกต้องแจ้งฉันมาว่าจะมาตรวจ ในวันที่แกมีประจำเดือนวันแรก”
“ทำไมต้องประจำเดือนวันแรกด้วย”
“ก็ฉันจะได้นับวันที่จะให้แกกินยากระตุ้นการตกไข่ไง อีกอย่างจะได้ดูไข่ตั้งต้นด้วยว่ามีกี่ฟอง”
“แล้วไงต่อเหรอ”
“พอซาวด์ดูไข่ตั้งต้นได้แล้ว ว่าไข่มีกี่ฟองก็จะให้แกกินยากระตุ้นการตกไข่วันละสองเม็ด เริ่มจากวันที่สามของการมีรอบเดือน กินไปห้าวัน แล้วค่อยมาซาวด์ดูไข่ว่าสมบูรณ์แข็งแรงแค่ไหน”
“ขั้นตอนเยอะจัง”
“ยังไม่จบนะ ขั้นตอนแรกจะต้องเก็บน้ำเชื้อของคุณกายไปตรวจดูด้วยว่าปกติดีไหม”
“ต้องเก็บน้ำเชื้อพี่ด้วยเหรอ” กายสิทธิ์ทำหน้าเหลอหลา
“เก็บสิ แล้วหลังจากนั้นนับไปอีกห้าวันหลังจากกินยาก็จะฉีดยาให้ไข่ตก แล้วก็ฉีดน้ำเชื้อเข้าโพรงมดลูก วิธีนี้การนี้ผู้หญิงจะไม่เจ็บนะ ไม่ต้องผ่าตัดใด ๆ เพราะถ้ารอบเดือนของผู้หญิงปกติยี่สิบแปดถึงสามสิบวัน วันไข่ตกจะอยู่ประมาณวันที่สิบสี่ หรือก่อนหลังบวกลบวันหรือสองวันประมาณนั้น รอบเดือนของแก แกเคยนับไหมว่ากี่วัน”
“ยี่สิบแปดวันนะ เคยนับจดไว้ในปฏิทิน บางเดือนก็สามสิบ ไม่เกินจากนั้น”
“แกมีประจำเดือนกี่วัน”
“สามวันปกติของฉันอยู่แล้ว แกก็รู้นี่นา”
“ฉันรู้แต่ก็ต้องถามย้ำเพื่อความมั่นใจ จำได้ว่าแกมีประจำเดือนสามวันและหยุดไปเลยใช่ไหม” เพราะเป็นเพื่อนสนิทกันเลยพอรู้ข้อมูลอยู่บ้าง
“ใช่จ้ะ แล้วมันดีหรือไม่ดี”
“ก็ดีนะ สม่ำเสมอ ไม่เยอะเกินไปไม่น้อยเกินไป เพราะบางคนหลังหมดประจำเดือนก็ยังมีมาแบบกระปริดกระปรอยอีก หรือบางคนมาเยอะมากทั้งเดือนยังมีเลย”
“แบบนั้นน่าจะเสียเลือดมากจนซีดหรือเป็นโลหิตจาง” คนพูดมีสีหน้าเหยเก
“ตอนมีเมนส์แกปวดท้องมากแค่ไหน”
“ก็มวน ๆ ปวดนิดหน่อยหรือไม่ปวดเลยนะ ข้อมูลนี้แกก็รู้นี่นา”
“ดีแล้ว ถ้าปวดมากอาจจะต้องตรวจดูว่าทำไม”
“อืม... ฉันโชคดีที่ไม่ปวดมาก เหมือนผู้หญิงคนอื่น เคยเห็นเพื่อนปวดประจำเดือนมากจนเป็นไข้แล้วก็ป่วยไปเลย แบบว่านอนซมลุกไม่ขึ้น”
เธอเคยเห็นเพื่อนปวดประจำเดือนมากแบบว่าอาการหนักมากจนต้องไปหาหมอ อาการปวดประจำเดือนนั้นอาจมีสาเหตุมาจากเนื้องอกในมดลูกหรือสาเหตุอื่นอีกมากมาย
เธอเคยเห็นเพื่อนบางคนไปหายาสมุนไพรมาต้มกินเพื่อให้หายปวดท้อง บางคนก็หายบางคนก็ไม่หาย แต่ที่รู้ ๆ ก็คือคนที่ปวดประจำเดือนมากๆ ก็จะมียาเฉพาะสำหรับบรรเทาอาการปวดได้
“แล้วยังไงต่อ พนักงานหน้าเคาน์เตอร์บอกว่าต้องมีทะเบียนสมรส”
“สมมุติแกกับพี่ชายของฉันมีทะเบียนสมรสนะ แกก็ต้องไปตรวจภายใน”