“ยังเจ็บอยู่หรอวะ ไปให้หมอตรวจไหม” เจ้าของเสียงทุ้มเข้มวางชีทเรียนในมือลงเมื่อเห็นเจ้าของบ้านตัวบางเดินมาใกล้
คนหุ่นเพรียวอยู่ในชุดนอนกางเกงขาสั้น พร้อมกับผ้าเช็ดผมในมือ ตรงหัวเข่ายังขึ้นสีช้ำไม่หาย มันอาจจะดูไม่หนักหนาอะไร แต่พอมาเกิดอยู่บนผิวบอบบางของปลายรอยช้ำนั้นดูเหมือนกับแผลฉกรรจ์แผลหนึ่ง
“ล้มแค่นิดหน่อยเอง” คนตัวเล็กตอบเสียงเบา พร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งคนอายุมากกว่า เมื่อคนตัวบางหย่อนตัวนั่งลงแทนก็เด้งตัวลุกขึ้นแล้วเดินอ้อมไปยืนด้านหลังทันที
“ใช่ดิ ตอนกูเจอมึงใหม่ๆ มึงเจ็บตัวยิ่งกว่านี้อีก” แทนเดินอ้อมมาอยู่ด้านหลังของปลาย ฝ่ามือใหญ่ดึงผ้าเช็ดผมที่อยู่ในมือเจ้าของมาถือครองไว้ แล้วค่อยๆลูบไปตามเส้นผมชุ้มน้ำ “ผมมึงยาวแล้วนะ” ร่างสูงมองเส้นผมที่อยู่ในมือแล้วพูดเสียงทุ้มบอกเจ้าของ
“ผมยังไม่รู้ว่าจะตัดทรงอะไรดี” เสียงใสตอบมาโดยไม่คิดอะไร ผิดกับคนที่ยืนมองจากด้านหลังที่มองเส้นผมในมือด้วยสายตาหลงใหล
เส้นผมสีอ่อน ยาวตรงสลวย ไม่ผิดกับภาพในความทรงจำของแทนเลยแม้แต่น้อย ปลายดูเหมือนกับคนคนนั้น เหมือนเกินไป…
“ไม่ต้องตัดหรอก ปล่อยไว้แบบนี้แหละ กูชอบ”
“พี่แทนชอบหรอ” คนได้ฟังรู้สึกถึงใจที่พองฟูเต็มอกข้างซ้าย เลือดลมสูบฉีดจนรู้สึกถึงความร้อนบนใบหน้า สองขาชันเข่าสูงขึ้นมากอดแนบอก เพื่อหวังว่าจะกลบเกลื่อนเสียงหัวใจที่เต้นดังผิดปกตินี้ได้
แทนมองเงาสะท้อนของปลายผ่านจอทีวีสีดำ ปลายนิ้วเรียวยาวค่อยๆเกลี่ยเส้นผมที่ยาวลงมาเลยใบหูขึ้นทัดให้อย่างอ่อนโยน ใบหน้าตี๋คมก้มลงใกล้ใบหูขึ้นสีระเรื่อ
ใกล้จนรับรู้ได้ถึงแรงของลมหายใจหนักหน่วง “เออ กูชอบ”
คนได้ยินใจพองโตยิ่งกว่าเก่า รู้สึกถึงตัวผีเสื้อที่บินวนอยู่รอบท้องจนขาดความเป็นตัวเอง หัวใจที่ฟูจนคับอกก็เต้นเสียงดังจนไม่สามารถควบคุมได้ ยิ่งเฉพาะตอนที่ปลายจมูกโด่งก้มลงมาใกล้ หัวใจของปลายแทบหยุดเต้น ลมหายใจผิดจังหวะไปหมด มือเท้าเกร็งจิกกันแต่ไร้ความรู้สึกเจ็บ จนกระทั่งแทนกดปลายจมูกสูดดมกลิ่นหอมของเส้นผมยาวสลวย
พระเจ้า! ปลายแทบลืมหายใจ…
“คืนนี้มึงนอนคนเดียวนะ เดี๋ยวกูจะออกไปข้างนอก คืนนี้อาจจะไม่กลับ”
“ผมไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว” เจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มเงยหน้ามองคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง ดวงตากลมสีอ่อนกะพริบมองอย่างขอความเห็นใจ
“วันนี้เฮียคนโตกูกลับจากฮ่องกง กูต้องไปรับ” แทนตอบพร้อมกับยื่นมือไปเกลี่ยแก้มนิ่มสีเลือดฝาด แตะไปที่ผิวส่วนไหนของร่างกายก็ล้วนแต่นิ่มลื่นมือ
ไปหมด ไม่รู้ว่ากินอะไรเข้าไปมันถึงได้ละมุนขนาดนี้
“เฮีย?”
“เออ พี่น้องคนละแม่ มึงไม่รู้จักหรอก” แทนอธิบายแค่เพียงเล็กน้อยและเตรียมจะละมือออก
แต่ปลายก็รีบคว้ามือข้างนั้นไว้ให้กุมแก้มนิ่มของตัวเองเหมือนอย่างเก่า เป็นการออดอ้อนที่ไร้เสียงพูดให้รำคาญหู กลับกันมันดูน่ารักและน่าทะนุถนอม
“อย่างอแง มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบ” แค่ได้ยินร่างสูงบอกแค่นั้นปลายก็รีบปล่อยมือในทันที
เด็กตัวบางไม่เคยขัดคำสั่งแทนตั้งแต่ครั้งแรกที่รู้จักจนถึงทุกวันนี้ อะไรที่ทำแล้วคนโตกว่าพอใจปลายยินยอมพร้อมทำทั้งหมด ไม่กล้าขัดแม้แต่นิดเดียว
@Zบาร์
‘ธีม’ ลูกชายคนกลางของบ้านวัชระตระกูล เจ้าของสนามแข่งรถที่อยู่เหนือกฎหมายกำลังนั่งครองแก้วบรั่นดีในมืออยู่กลางโซฟาตัวยาว อีกฝั่งของโซฟามี ‘เฮียเธอร์’ หรือ ‘อาเธอร์ วัชระตระกูล’ ลูกชายคนโตต่างมารดาของแทนนั่งอยู่ในท่าที่ไม่ต่างจากธีม
น้องชายคนเล็กของบ้านเดินเข้ามาก็ดึงแก้วในมือธีมยกไปดื่มรวดเดียว
หมด ก่อนจะทิ้งตัวแรงลงนั่งอีกฝั่งของโซฟาตัวเดียวกับธีม
“เป็นห่าอะไรของมึง มาถึงก็ใส่อารมณ์” ธีมเหล่มองน้องชายที่ทำสีหน้าไม่สบอารมณ์ และคว้าแก้วบรั่นดีในมือเขาไปดื่มหมดในอึกเดียวอีก
คนถูกถามหันมองค้อนในทันที “เฮียจะไปรู้อะไร วันๆก็อยู่แต่กับสนามแล้วก็ข่าวตามหาตัวคน”
“ระหว่างแก้วกับหัวมึง อันไหนจะแตกก่อนกัน” ธีมพูดทีเล่นทีจริง ในมือมีแก้วที่ไร้แอลกอฮอล์อยู่หนึ่งใบที่ไม่รู้ว่าจะปาใส่หน้าน้องชายจริงในเวลาไหน จนอาเธอร์ต้องออกปากปรามพร้อมกับยึดแก้วเปล่าในมือมา
“มึงสองคนเป็นพี่น้องท้องเดียวกันจริงไหมเนี่ย แล้วมึงเป็นอะไรแทน”
ธีมมองแก้วที่ถูกแย่งไปอย่างขัดไม่ได้ ส่วนแทนก็หันไปรินบรั่นดีรสเลิศใส่แก้วของตัวเอง ถึงจะยังไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไร แต่กับอาเธอร์แล้วแทนกับธีมก็ให้ความเกรงใจไม่ต่างจากผู้ปกครองคนหนึ่ง ส่วนหนึ่งก็เพราะ อาเธอร์เป็นพี่คนโต นิสัยเงียบขรึม น่าเคารพ และอีกเหตุผลคืออาเธอร์เป็นคนที่รับช่วงต่อธุรกิจหลักทั้งหมดมาดูแล ยอมแต่งงานมีทายาทสืบสกุลให้กับครอบครัว พวกเขาสองคนถึงได้ใช้ชีวิตอิสระได้โดยไม่ต้องสนใจเรื่องราวในบ้านใหญ่ ผิดกับอาเธอร์ที่แบกรับทุกอย่างไว้เพียงคนเดียว
ปึก!
แทนกระแทกแก้วเปล่าลงกับโต๊ะหลังจากที่ดื่มจนหมด ดวงตาเรียว
เหมือนบิดาเริ่มแดงก่ำด้วยความโมโหที่สั่งสมมาทั้งวัน
“เฮียรู้ไหมว่าไอ้พีมันมาตามจีบปลาย กูละอยากจะซัดสักหมัด สั่งคนไปอุ้มฆ่าแม่ง” เมื่อนึกถึงหน้าคนที่พูดถึงแทนถึงขั้นขบฟันแน่นเห็นเส้นเลือดปูนโปด สองมือกำหมัดจนสั่น
“ที่มึงโกรธขนาดเนี่ยเป็นเพราะไอ้พีหรือเป็นเพราะน้องปลาย” ธีมพูดออกมานิ่มๆ ผู้ชายร้ายลึกเจ้าเล่ห์อย่างธีมย่อมมองน้องชายออกยิ่งกว่าใคร
“น้องปลาย?...” อาเธอร์ครุ่นคิดถึงชื่อที่ได้ยิน ก่อนจะนึกออกเพราะคลับคล้ายคลับคลาว่าเห็นผ่านตาตอนไปส่งแทนที่บ้าน “เด็กน้อยข้างบ้านคนนั้นน่ะหรอ”
“เออ โตแล้วนะมึง” ธีมหันไปเล่ารายละเอียดให้อาเธอร์ฟัง ส่วนอาเธอร์ก็สนใจไม่น้อย เหล่าสามพี่น้องล้วนแต่รู้ดีว่าถึงอาเธอร์จะแต่งงานมีครอบครัว เจ้าตัวก็ยังมีบ้านเล็กแอบส่งเสียนักศึกษาชายเรียนเป็นว่าเล่น แล้วแต่ละคนก็งานดีเกรดพรีเมียมทั้งนั้น “เรียนหมอด้วยนะเว้ย แถมยังน่ารักเหมือน..”
“เหมือนตันหยง” เสียงของแทนทำให้ธีมต้องกลืนคำพูดที่เหลือลงสู่ลำคอ รวมถึงสีหน้าก็เปลี่ยนไปจากก่อนหน้าเมื่อพูดถึง ‘ตันหยง’ แฟนเก่าของแทน “มึงจะพูดแบบนี้ใช่ไหมเฮียธีม”
“พวกมึงอย่าพูดถึงน้องตันหยงดิวะ รู้สึกขนลุกยังไงไม่รู้วะ” อาเธอร์ลูบแขนไปมาเมื่อได้ยินชื่อแฟนเก่าน้องชาย ที่ไม่ได้ยินมาหลายปี
“เฮียเธอร์ ถ้ามึงเห็นน้องปลายรับรองเลยว่ามึงขนลุกกว่านี้แน่” ธีมหันไปกระซิบบอกอาเธอร์ โดยที่แทนก็มองด้วยสายตาอาฆาตพร้อมกระโจนเข้าใส่ทุกเวลา
ปึก!
แทน ทินกร วัชระตระกูล วางแก้วเปล่าในมือลงหลังจากที่ดื่มหมดไปแล้วหลายสิบครั้ง อาการมึนเมาเริ่มครอบงำจนเกือบจะขาดสติ ฝ่ามือใหญ่ถูกยื่นออกไปด้านหน้า เมื่อแทนเห็นใบหน้าของแฟนเก่ากำลังยิ้มให้กับเขาอย่างอ่อนโยน เขาอยากจะคว้า อยากจะลูบแก้มนิ่มสีระเรื่อนั่นอีกครั้ง
อาเธอร์สะกิดให้ธีมหันมาดูอาการของแทนที่เหมือนคนขาดสติขึ้นทุกที
“แทน มึงทำอะไรวะ” ธีมเรียกน้องชาย เหมือนแทนจะได้สติคืนมานิดๆ คนเมาหันหน้ามามองเฮียสองคนช้าๆ ริมฝีปากสีคล้ำเอ่ยเรียกพี่ชายของตัวเองเสียงสั่น
“เฮีย…ผมยังฝันถึงหยงอยู่เลยเฮีย” แทนพูดแล้วมีหยาดน้ำตาซึม พี่คนโตอย่างอาเธอร์เห็นก็ลุกเข้าไปนั่งปลอบน้องชายใกล้ๆ
คนที่ดูดุและใจร้อนตลอดเวลาอย่างแทนเหมือนเด็กน้อยต้องการที่พึ่งพิงคนหนึ่งในเวลานี้ ใบหน้าหล่อเอียงซบที่ไหล่พี่ชายคนโต ปล่อยน้ำตาไหลมาโดยไร้เสียงสะอื้นแต่ร่างสั่นไปหมด
“หยงยิ้มให้ผม เขาบอกรักผม รักผมมาก แล้วก็ทิ้งผมไป!”
เพล้ง!!
เสียงแก้วแตกกระจายดังขึ้นหลังสิ้นเสียงตะโกนอย่างเอาแต่ใจของแทน พนักงานที่คอยอยู่บริการถึงกับมีอาการหน้าซีดที่เห็นแทนเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย จนธีมต้องโบกมือไล่ให้ออกไปจากห้องก่อน
“ใจเย็นๆแทน มึงเมามากแล้วนะ กลับบ้านดีกว่า” ธีมเดินเข้ามาหมายจะพยุงน้องชาย แต่ก็ถูกคนเมาสะบัดตัวหนี
“ไม่ กูไม่กลับบ้าน” แทนตอบเสียงยาน ยืนโซเซจนอาเธอร์ต้องคอยประคองข้างๆ
“แล้วมึงจะไปไหน”
คนเมานิ่งคิดไปครู่หนึ่ง แล้วภาพๆหนึ่งก็โผล่เข้ามาในหัว ภาพที่เด็กตัวเล็กยิ้มให้เขา กุมมือเขาไว้ข้างแก้มเมื่อช่วงหัวค่ำที่ผ่านมา
“ผมจะไปหาปลาย”
“แต่มึงเมา แล้วน้องปลายเขาไม่รู้เรื่องอะไรพวกนี้ด้วย จะไปเป็นภาระให้น้องเขาทำไม”
“เออ! ผมนี่แม่งเป็นภาระฉิบหายเลย” แทนตะโกนใส่หน้าธีมเหมือนคนขาดสติอีกรอบ “แค่คนคนเดียวผมยังปล่อยให้เขาตายเลยเฮีย!” พูดจบแล้วก็ตบหน้าตัวเองเสียงดัง แทนทำท่าจะตบซ้ำอีกรอบแต่ก็ถูกอาเธอร์ยั้งมือเอาไว้
ธีมถึงกับต้องถอนหายใจหนักกับอาการเมาแล้วคุมตัวเองไม่ค่อยได้ของ
น้องชาย เจ้าของรอยสักทั้งแผ่นหลังเข้าไปพยุงตัวคนเมาที่ต้องจำใจพาไปหาเด็กข้างบ้านอย่างเลี่ยงไม่ได้
“เออๆ ไปหาปลายก็ไป เดี๋ยวกูไปส่ง”
ธีมกับอาเธอร์พาแทนมาส่งที่หน้าบ้านของปลาย พี่ชายทั้งสองจะพยุงเข้าบ้านแทนก็ไม่ยอมสะบัดตัวหนีจนหลุดการเกาะกุมเดินเซไปมา เมื่อตั้งหลักได้ก็รวบเสื้อคลุมหนังขึ้นพาดบ่า เดินโซเซเข้ามาไขกุญแจเข้าบ้านราวกับเป็นบ้านตัวเอง
ห้องนอนบนสุดซ้ายมือคือจุดหมายของการก้าวเดินครั้งนี้ แม้จะพยุงตัวเดินอย่างยากลำบากแต่แทนก็พาตัวเองมาจนถึงห้องปลายจนได้ คนตัวเล็กนอนหลับไม่ได้สติอยู่ภายในห้องกว้าง
แทนทิ้งตัวที่พร้อมจะขาดสติทุกเมื่อลงนั่งข้างคนหลับ ปลายนิ้วไล้เกลี่ยไปตามเส้นผมยาวที่หล่นมาปกปิดใบหน้าจิ้มลิ้มอย่างแผ่วเบา
“ปลาย” เสียงแหบคล้ายเสียงกระซิบเรียกคนที่นอนหลับ เพียงไม่นานปลายก็ลืมตามองผ่านความมืดมาหาเจ้าของเสียง
“พี่แทน” คนตัวบางเรียกชื่อบุคคลที่นั่งพิงหัวเตียง แสงที่ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาทำให้เห็นว่าคนที่นั่งอยู่มีสภาพเช่นไร ดวงตาหวานเยิ้ม ใบหน้าแดงกร่ำ มีกลิ่นแอลกอฮอล์ลอยคละคลุ้ง “พี่เมาหรอ”
คนเมาไม่ตอบคำถาม กลับกันแทนทำเหมือนไม่ได้ยินที่ปลายถาม ร่างสูง
ยื่นฝ่ามือออกไปวางที่ลาดไหล่บางเหมือนกับผู้หญิง ค่อยๆลูบไล้ขึ้นมาที่ลำคอขาวระหงส์ เกลี่ยปลายนิ้วมือไปตามกรอบแก้มที่แสนจะนุ่มนิ่ม จนคนที่ได้รับสัมผัสรู้สึกเขินอายไม่น้อย รีบก้มหน้าหลบสายตา แต่ก็ถูกปลายนิ้วบังคับให้เชิดหน้าขึ้นมาสบตา
“มึงนี่..โตแล้วน่ารักเนอะ” คนถูกชมเผยรอยยิ้มกว้างน่ามอง ก่อนจะค่อยๆหุบยิ้มทีละนิดด้วยคำพูดถัดมา “แต่เสียดายที่กูรักมึงไม่ได้”
“แล้วพี่จะบอกผมทำ..” คนโตกว่าไม่รอให้คนตรงหน้าพูดให้จบประโยค จัดการกระตุกมือที่ยังคาอยู่ตรงต้นคอลากใบหน้าจิ้มลิ้มเข้ามาใกล้ แล้วค่อยๆขยับหน้าตัวเองเข้าไปหาจนหน้าผากชิดกัน รับรู้ได้ถึงแรงหายใจของอีกฝ่ายว่ารุนแรงแค่ไหน รับรู้ว่ามีกลิ่นแอลกอฮอล์ลอยออกมาพร้อมแรงหายใจหนักขนาดไหน
แทนหยุดอยู่ครู่หนึ่ง จนปลายคิดว่าทุกอย่างมันจะจบเพียงเท่านี้ ทว่าแทนกลับขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ชิดยิ่งกว่าเดิม กระทั่งปลายจมูกชิดคลอเคลียกัน
“พะ..พี่แทน..” คนที่ตกอยู่ในอุ้งมือเรียกคนเมาเสียงสั่น ริมฝีปากร้อนวูบวาบเมื่อมีปลายนิ้วหยาบมาลูบวน
แทนลูบคลึงริมฝีปากอิ่มอ้อยอิ่ง รู้สึกถึงลมหายใจที่หนักขึ้นของตัวเองทีละนิด อยากจะกดริมฝีปากประทับลงไปแต่ก็ยั้งใจได้ทัน ก่อนจะทำอย่างที่ร่างกายต้องการ “คืนนี้กูนอนห้องมึงได้ไหม” รุ่นพี่ข้างบ้านพูดเสียงแหบ ยังไม่ทันที่จะได้ตอบตกลงแทนก็ค่อยๆละนิ้วมือออกมาช้าๆ ซบใบหน้าลงกับไหล่บาง พร้อมกับถอนหายใจแรง
ผิดกับเจ้าของห้องที่นั่งนิ่ง ปลายปล่อยให้แทนซบเท่าที่คนพี่ต้องการ ดวงตาคู่สวยมีน้ำตาเอ่อมาช้าๆ ก่อนจะหล่นลงมาเป็นหยดโดยที่คนเมาไม่รับรู้ ว่าน้ำตานี้มันมาจากคำพูดของตัวเขาเอง
“ได้ดิ” คนที่ได้ยินคำอนุญาตก็ล้มตัวลงนอนทันที ด้วยความเมาหนักทำให้แทนนอนหลับได้ไม่ยาก ต่างจากอีกคนที่ต้องนอนทั้งน้ำตา
เฮือก!
ปลายสะดุ้งตัวหนักเมื่อมีแขนใหญ่ตวัดมากอดที่เอว ใบหน้าหล่อขยับเข้ามาซบอยู่ที่ต้นคอขาว มีไอร้อนของลมหายใจเป่ารดเป็นจังหวะ เช่นเดียวกับมือที่กอดเอวบางแน่นขึ้นทีละนิด ทั้งช่วงตัวของเขาและแทนไม่มีช่องว่าง มีแต่ไออุ่นจากร่างสูงใหญ่ที่อ้อมล้อมคนตัวเล็กที่นอนน้ำตาอาบสองแก้มไว้
ตอนเช้า
เหตุการณ์เมื่อคืนเหมือนกับความฝัน เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกวันพื้นที่ข้างกายก็ไร้คนตัวใหญ่ที่นอนกอดเขาไว้ทั้งคืน ปลายได้แต่ลูบไปตามผ้าปูที่แทนเข้ามานอนเมื่อคืน คำพูดที่ดูจะให้ความหวังและทำลายความหวังของแทนยังชัดเจนอยู่เต็มสองรูหู
“วันนี้ช้านะมึง” แทนทิ้งก้นบุหรี่ในมือลงกับพื้นเมื่อเห็นคนที่รอเดินเข้ามา
ใกล้ พลางสำรวจเสื้อผ้าที่ยังอยู่ในชุดนอนของอีกฝ่าย “จะไม่ไปเรียนรึไง”
“ผมปวดหัว ไม่ค่อยสบาย พี่แทนไปเถอะ” ปลายรีบพูดแล้วรีบหันหลังเดินเข้าบ้าน ทว่าก็ช้ากว่าคนที่สูงกว่าอยู่ดี แทนเดินตามไม่กี่ก้าวก็สามารถรั้งเอวอีกฝ่ายไว้ได้
“พี่แทน จะทำอะไร” ปลายพูดพร้อมกับขืนตัวออกจากคนพี่ที่โอบรอบเอวเขาไว้
“มึงอยู่นิ่งๆ กูจะดูว่าตัวร้อนไหม” แทนไม่สนใจอาการดีดดิ้นของคนในอ้อมแขน จัดการอังหลังมือกับหน้าผากมนที่มีไอร้อนทันที คนที่เคยดิ้นก็อยู่ในอาการที่สงบ แอบลอบมองคนตัวสูงที่คอยแต่จะให้ความหวังเขาไปวันๆ
“ไม่สบายก็นอนอยู่บ้านนี่แหละ” พูดจบแทนก็ปล่อยมือจากเอวบางที่รั้งไว้
เมื่อถูกปล่อยให้เป็นอิสระปลายก็รีบจ้ำเท้าเข้าบ้านทันที โดยที่ด้านหลังมีคนอายุมากกว่าหิ้วกระเป๋าเดินตามมาด้วย
“พี่แทนไม่รีบไปเรียนหรอ” คนถูกถามส่ายหน้า โยนกระเป๋าเป้ไว้ที่โซฟาแล้วล้มตัวลงนอนตาม
“กูจะนอนเฝ้ามึงอยู่นี่แหละ”